บทที่ 34 หมูป่าตัวใหญ่
ด้วยเสียงตะโกนของ ชั่วเฟิง มู่เฟิง รับรู้ทันทีถึงสิ่งผิดปกติ แม้ว่าเขาจะไม่หันกลับไปมองแต่เขากลับรู้สึกถึงอันตรายจากสีหน้าของซัวเฟิงเขาพยายามหันไปมองยังทิศทางที่ ซัวเพิ่งจ้องอยู่โดยไม่รู้ตัวและพบว่ามี หมูป่าหนังดําที่มีเขี้ยวใหญ่ปรากฏตัวขึ้น!
“หมูป่า!”ดวงตาของ มู่เฟิง เป็นประกายและร้องอุทานออกมาเบาๆ
ชั่วเฟิง รู้สึกแปลกใจ “ทําไมหัวหน้าเผ่าถึงรู้สึกมีความสุขเมื่อได้พบหมูป่า!”
เขารีบขวางทางระหว่าง มู่เฟิง กับหมูป่า มือหนึ่งถือมีดอีกมือหนึ่งถือหอกไม้ไผ่ป้องกันไม่ให้หมูป่าเข้ามาใกล้
มู่เฟิง ถูกบดบังด้วย ชั่วเฟิง แต่เขายังคงเห็นหมูป่ากําลังเดินโซซัดโซเซมาหาพวกเขา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆหมูป่าตัวนี้ตัวใหญ่กว่าหมูป่าที่เขาเคยเจอในภูเขาเมื่อชาติก่อนเขี้ยว 2 ซี่โค้งงอเกือบเลยศีรษะของมัน
หมูป่าที่เขาเคยเห็นในชีวิตก่อนมีน้ําหนักถึง 800 จิน!
แต่หมูป่าที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้รูปร่างและเขี้ยวของมันใหญ่กว่าเกือบ 2 เท่า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันมีพลังทําลายล้างสูง
ปลายเขี้ยวหมูป่าเป็นประกายแสงเย็นเยียบดูแล้วคมกริบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครก็ตามเมื่อโดนเขี้ยวหมูป่านี้เข้าไปไม่ตายก็ต้องเจ็บสาหัส ชั่วเฟิง กํามีดไว้ในมือหันหน้าไปหามู่เฟิง
“หัวหน้าเผ่า เดี๋ยวข้าจะล่อมันไปอีกทาง ท่านรีบหนีไปเร็วเข้า”
พร้อมกันนั้น ชั่วเฟิงก็พุ่งตัวไปข้างหน้า
“เดี๋ยวก่อน!” มู่เฟิง รีบคว้าตัวของ ชั่วเฟิง เอาไว้
“เก็บมีดลงไป!”
“อะไรนะ!” ชั่วเฟิง ตะโกนเสียงต่ํา
“จะทําอย่างนั้นได้ยังไงถ้ามันพุ่งเข้ามาหาพวกเราพวกเราคงหนีไม่พ้น!”
“ฟังข้า ถ้าพวกเราถือมีดพวกเราสองคนตายแน่!”
ชั่วเฟิง รู้สึกตกใจและลังเลเขาวางมีดลงด้วยความกลัวแต่ในเวลาเดียวกัน ชั่วเฟิง ก็ดูเหมือนไม่ดุร้ายเหมือนกับตอนที่เห็นหมูป่าในครั้งแรก ดูเหมือนว่าความกล้าหาญของเขาจะมาจากมีดสั้นระดับทองไม่ใช่น้อยๆ มู่เพิ่งส่ายหัวและส่งสัญญาณให้ชั่วเฟิง เก็บหอกไม้ไผ่
ชั่วเฟิง อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่มู่เฟิง กับใช้สายตาหยุดเขาเอาไว้และขอให้เขาทําตาม
“ยืนตรงนี้อย่าขยับ! เมื่อมันมาถึงตรงหน้าของเราอย่าขยับเขยื้อนห้ามมองเข้าไปในดวงตาของมัน เข้าใจ ไหม?”
“เข้าใจแล้ว..”ชั่วเฟิง ตัวสั่นเล็กน้อย
มู่เฟิง ตบลงบนหลังของเขาเบาๆเพื่อส่งสัญญาณว่าจะไม่เป็นอะไรจากนั้นเขาเดินไปด้านหน้าของชั่วเฟิงและเผชิญหน้ากับหมูป่า
“เดี๋ยว!” ชั่วเฟิง ตกใจยื่นมือออกไปและกระซิบกับมู่เฟิงว่า
“หัวหน้า..อย่า”
“ฟังข้าอย่าส่งเสียง!” มู่เฟิงกระซิบ
“เข้าใจแล้ว!”
หมูป่าที่มีน้ําหนักไม่น้อยกว่า 1,000 จิน เดินโซซัดโซเซมาอยู่บริเวณ 20ก้าวต่อหน้าของคนทั้งสองเมื่อเห็นคนทั้ง 2 ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเห็นได้ชัดว่าดวงตาของมันตกใจเล็กน้อยและกลอกไปมาราวกับว่ากําลังใช้ความคิด
“หัวหน้า…” ชั่วเฟิง กระซิบ
“หยุดพูดเชื่อข้า!”
“อุกะ”
ในที่สุดหมูป่าก็เดินมายังพวกเขา ซิ่วเฟิง รู้สึกเครียดจนไม่กล้ามอง
มู่เฟิง ไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนกแต่เขากลับคาดหวัง เมื่อครู่เขาคิดถึงทักษะการฝึกสัตว์ขั้นต้นที่เขาได้รับมาและใช้กับหมูป่าได้พอดี!
เมื่อเห็นว่าหมูป่าเดินเข้ามาตรงหน้าพวกเขาทีละก้าว มู่เฟิง ก็เดินไปข้างหน้าเช่นกัน เขาวางตะกร้าบนไหล่ออกและแสร้งทําเป็นไม่เห็นหมูป่า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ชั่วเฟิง รู้สึกแปลกใจ
หมูป่าเดินมาถึงตรงหน้าของพวกเขาและพบว่า มู่เฟิง ยื่นมือออกไป ในขณะที่หมูป่ายื่นจมูกออกมาและพยายามจะตรวจสอบพวกเขาว่าเป็นอันตรายหรือไม่ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งจากจมูกใหญ่ของหมูป่าเกือบทําให้ ชั่วเฟิงแทบอาเจียน
มู่เฟิง เองก็อดกลั้นอาการคลื่นไส้เอาไว้ เขาแค่นเสียงเย็นชาแม้ว่าจะไม่ได้อ้าปากแต่มีเสียงของเขาเล็ดลอดออกมาจากลําคอ
หมป่าตกใจและรีบถอยหลังไป หนึ่งก้าว ในเวลาเดียวกันมันก้มหัวลงเผยให้เห็นเขียวขนาดใหญ่หันมาหามู่เฟิง
ชั่วเฟิง เกือบจะร้องตะโกนออกมาแต่เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่ มู่เฟิง พูดเขารีบปิดปากทันที
มู่เฟิง ไม่ได้จ้องมองไปที่หมูป่าโดยตรงแต่ใช้สายตา มองผ่านแล้วส่งเสียง “อึดอัด”
“อะไรน่ะ?”แม้แต่ ชั่วเฟิง ที่ยืนอยู่ด้านหลัง มู่เฟิง เนื่องจากเขาตัวสูงดังนั้นจึงมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในใจของเขาตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก“หัวหน้าเผ่า คงไม่ได้กลายเป็นหมูหรอกนะ?”
หมูป่าตกใจอย่างเห็นได้ชัดและพยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมอง มันมองชายตรงหน้าที่หน้าตาแตกต่างจากมันอย่างงุนงง คลายสงสัยว่าทําไมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจึงสามารถร้องเหมือนเสียงของมัน
มู่เฟิง ยังคงเปล่งเสียงออกจากลําคอ “อดอุด”
หมูป่าถูกเร่งเร้าให้สะบัดหัวทันที มันทําจมูกฟุดฟิดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งออกมา ยังไม่ยอมแพ้
มู่เฟิง ส่งเสียง อีกครั้งหลังจากนั้นเขาก็ใช้เท้าขวากระทืบพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาเพื่อทําท่าจะจับเขี้ยวหมูป่า
หมูป่าตกใจและไม่สนใจสิ่งอื่นมันหันไปรอบๆแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรน่ะ?” ซิ่วเฟิง ตกใจมากเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“หมูป่าหนีไปแบบนี้หรอ?”เขามองไปที่ มู่เฟิง อย่างไม่รู้ตัวแต่พบว่า มู่เฟิง หยิบตะกร้าผักและรีบวิ่งตามหมูป่าไป
ในเวลาเดียวกันเขายังคงร้อง “อด อัด”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ชั่วเฟิง ไม่มีเวลาคิดมากเขารีบหยิบมีดขึ้นมาแล้ววิ่งตามไป