ตอนที่ 166.1 ได้พบกันอีกครั้ง (1)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ก่อนออกเดินทาง ซย่าโหวซื่อถิงเอียงหัวราวกับนึกถึงบางอย่าง เขากล่าวออกไปว่า “นำตัวหลี่ว์ชีเอ๋อร์ไปด้วย” พอพูดจบ เขาไม่หันหัวกลับและก้าวข้ามคานประตูออกไปทันที 

 

 

ซือเหยาอันเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ต้องใช้หลี่ว์ชีเอ๋อร์เป็นเหยื่อล่อ เขาจึงไปนำตัวจากเรือนเล็กทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยตัวเอง 

 

 

เมื่อเห็นฉินอ๋องและคนอื่นๆ เริ่มออกเดินทาง ผู้ตรวจราชการเหลียงก็ตามไปทันที ก่อนขึ้นอานม้าคล้ายว่านึกขึ้นได้บางอย่าง เขาออกคำสั่งกับทหารว่า “เอาตะบันไฟไปเยอะๆ !” 

 

 

ทหารทำหน้าสงสัย “ทำไมต้องเอาไปเยอะๆ ขอรับ?” 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงอธิบาย “วิธีจัดการที่เฉียบขาดคือการจุดไฟเผา คิดหรือว่าพวกโจรจะไม่ออกมา ถึงไม่ออกมา พวกมันก็คงสำลักควันตายบ้างล่ะ” 

 

 

เมื่อทหารผู้นั้นเข้าใจแล้ว เขาจึงไปจัดการตามคำสั่งทันที 

 

 

คืนที่สองของการอยู่ในถ้ำ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นยังคงถูกผ้าปิดเอาไว้ ทั้งวันที่ผ่านมานี้ นางใช้มุมแหลมของก้อนหินตัดเชือกไม่หยุด หินก้อนนั้นทู่ ก็เปลี่ยนก้อนใหม่ โชคดีที่ภูเขารกร้างว่างเปล่าแห่งนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากมีเศษหินอยู่ไม่น้อย 

 

 

นางไม่รู้ว่าตอนนี้กี่ยามแล้ว นางเดาเวลาจากการส่งข้าวส่งน้ำของโจรป่า ตอนนี้ก็คงใกล้ค่ำมืดแล้วล่ะ 

 

 

ข้าวที่ส่งมาเหือดแห้งไม่มีผลไม้สักนิด น้ำก็เป็นน้ำจากเขา พวกโจรป่าคงขาดแคลนอาหารสินะ จะยอมสิ้นเปลืองอาหารกับนางได้อย่างไรกัน แค่รักษาชีวิตนางไว้ไม่ให้หิวตายก็พอ 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น สร้อยของนางก็คงถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่าแล้วล่ะสิ พวกโจรป่าไม่มีทางเก็บไว้แน่ 

 

 

ระหว่างที่คิดอยู่นั้น มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอก จากนั้นมีโจรป่าเดินเข้ามา 

 

 

นางรู้สึกได้ว่าปากถ้ำคงถูกพวกมันใช้หินปิดเอาไว้เกือบครึ่งหนึ่ง ทุกครั้งที่เข้าออกพวกมันต้องขยับก้อนหิน ตอนนี้ โจรป่าผู้นั้นขยับก้อนหินและกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับมีเสียงดังวุ่นวายจากด้านนอก 

 

 

ซึ่งมีทั้งเสียงปะทะของดาบ เสียงพูดคุยที่ถูกกดให้ต่ำ และเสียงลมพัดที่แทรกอยู่กลางภูเขา 

 

 

ผ้าสีดำผืนบางผืนนั้น ยังพอทำให้นางเห็นเปลวไฟที่กำลังปลิวสไวอยู่ตรงนั้น 

 

 

เกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่ 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” ใจของนางเต้นตุบตับ แม้ว่าจะตระหนกบ้างเล็กน้อย แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกดีใจ 

 

 

“จะทำอะไรข้า”  

 

 

เสียงพูดเย็นชาของโจรป่าที่มาเมื่อวานตอบว่า “ชีวิตของเจ้า จะตายหรืออยู่เดี๋ยวได้รู้กันคืนนี้ล่ะ ไอ้องค์ชายสามเก่งไม่เบาเลยนะ พาทหารบุกมาถึงที่นี่เร็วถึงเพียงนี้เชียว!” 

 

 

แสงจันทร์ทำให้ค่ำคืนนี้ดูเงียบเหงา ท่ามกลางหมอกควันที่อยู่กลางเขา มีเปลวไฟปลิวสไวอยู่ตรงนั้น เหล่าทหารยังคงยืนรอคำสั่งอย่างนิ่งเงียบ 

 

 

ทหารสอดแนมที่ส่งออกไปเมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว วิ่งลงจากทางลาดชันอย่างเร็ว เพื่อมารายงานสถานการณ์ให้ทราบ 

 

 

มีร่องรอยการจุดไฟ รอยเท้า และสะเก็ดไฟ สามารถยืนยันข้อสันนิษฐานของฉินอ๋องได้ทันที เป้าหมายอยู่ที่ภูเขาลูกนี้ไม่ผิดแน่ 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงเงยหน้ามองภูเขาตันๆ ตรงหน้า เขาออกคำสั่งกับเหล่าทหารให้บุกทันที แต่ถูกฉินอ๋องและเฉินจ้าวห้ามปรามเอาไว้ 

 

 

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอ๋องส่งเพียงนายกองทหารถังในกองทหารตระกูลเฉิน ขึ้นเขาไปเจรจาให้ซานอิงยอมจำนน แต่ซานอิงรู้ดี หากลงเขาไป ชีวิตของตนคงจบเห่แน่ เมื่อเป็นเช่นนั้น ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมจำนน และจะซ่อนตัวอยู่ในเขาต่อไป 

 

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นายกองทหารถังเจรจาพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง เขาเดินลงเขาไปพร้อมกับการสบถคำด่า 

 

 

ซย่าโหวซื่อถิงฟังการรายงานของนายกองทหารถังจนจบ แต่ไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่เรียกซือเหยาอันมาหาและพูดด้วยไม่กี่คำ 

 

 

ซือเหยาอันพยักหน้า จากนั้นพาทหารไม่กี่นายแอบขึ้นไปบนเขาโดยใช้เส้นทางเล็กๆ 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงไม่รู้ว่าฉินอ๋องมีแผนการอะไร ด้วยความที่อดใจไม่ไหว กลัวว่าค่ำคืนนี้จะยาวนานกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าซานอิงไม่ยอมจำนนเสียที เขาจึงดึงเชือกและเข้าไปใกล้ฉินอ๋อง และกล่าวว่า “ท่านอ๋องขอรับ เหตุใดถึงต้องเกรงใจโจรป่าพวกนั้น นายกองทหารถังเจรจาไม่สำเร็จ ถึงท่านส่งขุนนางซือไปอีก เกรงว่าก็คงเหมือนเดิมนะขอรับ! ตอนนี้พวกเราได้เปรียบกว่า เราล้อมโจรป่าไว้หมดแล้ว ยังกลัวจะจับไม่ได้อีกหรือขอรับ? เราบุกไปจัดการเสียเลยดีกว่า! ข้าน้อยจะเป็นคนนำหน้าและจะนำหัวของไอ้หลี่ว์ปากับซานอิงมาให้ท่านอ๋องเองขอรับ!” วันนั้นถูกฉินอ๋องบีบคอจนเกือบขาดอากาศหายใจตาย ผู้ตรวจราชการเหลียงยังคงจำมันได้ไม่ลืม การพูดในวันนี้จึงผสมความอยากเอาอกเอาใจเข้าไปด้วย 

 

 

ภายใต้แสงจากเปลวไฟเหล่านี้ เห็นเพียงสายตาอันแน่วนิ่งของฉินอ๋องผู้นั่งอยู่บนอานม้ากล่าวว่า “เจ้านี่มันวุ่นวายเสียเหลือเกินนะ” 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงตกใจ จึงรีบหุบปาก ฉินอ๋องท่านนี้ มาจับโจรด้วยตัวเองในยามค่ำคืน ควรจะบุกทะลวงครั้งใหญ่ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงนิ่งเฉย เดาใจไม่ถูกเลยจริงๆ 

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์ถูกซือเหยาอันนำตัวออกมายืนอยู่ด้านหลังกองทัพของเหล่าแม่ทัพ ในยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บ สายตาของนางทอดไปยังฉินอ๋องที่ควบอยู่บนหลังม้า กำลังเงยหน้าและจ้องไปยังบนภูเขานั่น ท่าทางคล้ายว่าคิดหาแผนการต่อไปอยู่ 

 

 

แสงจันทร์สีขาวที่สาดส่องทำให้ความเย็นชาของชายผู้นี้ดูชัดมากกว่าวันปกติ ภายในใจคงพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยแรงฆ่า นางรู้สึกใจเต้นวูบวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหวาดกลัวกับสภาพการณ์ในตอนนี้ หรือเพราะเหตุผลอื่น 

 

 

ในเวลานี้ มีเสียงย่ำเท้าของม้าและเปลวไฟที่ติดๆ ดับๆ มาจากตรงทางลาดชัน ห่างจากตรงนี้ไกลพอควร จึงทำให้ได้ยินเพียงเสียงพูดที่แฝงความเยือกเย็นของชายผู้หนึ่งที่ได้ทำลายบรรยากาศอันนิ่งสงบกล่าวว่า “ฉินอ๋องเป็นคนตัดสินใจใช่หรือไม่? เหตุการณ์เยี่ยนหยางครั้งนี้ ราชสำนักจะโทษพวกข้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้! ใครให้เว่ยอ๋องแจกเสบียงไม่ครบ บีบบังคับผู้อื่นจนจนมุม? พวกข้าเป็นคนในยุทธจักร ยอมเดิมพันรับความพ่ายแพ้ ในเมื่อแพ้ พวกข้าก็จะไม่ดึงดันอีกต่อไป ท่านให้ทหารเฝ้าการณ์ที่อยู่ด้านหลังเขาถอยไป แล้วปล่อยพวกข้าซะ ต่อแต่นี้ไป เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก! ถ้าไม่ยอมทำเช่นนั้น พวกข้าก็คงต้องสู้ให้ตายกันไปข้างนึง!” 

 

 

เหล่าทหารเริ่มส่งเสียงต่างๆ นานา อวดดีนัก ใกล้ตายแล้วยังกล้าต่อรองอีก! เอาความกล้านี้มาจากไหนกัน! ก็แค่พวกกองโจรกระจอกบนภูเขา กล้าดียังไงจะมาสู้ให้ตายกันไปข้างนึงกับเหล่าทหารที่มีอาวุธครบครัน? 

 

 

เหล่าทหารมีอารมณ์พลุ่งพล่านเพราะคำยั่วยุของซานอิง พวกเขาโกรธถึงขั้นอยากกวาดล้างกองโจรให้สิ้นซาก ผู้ตรวจราชการเหลียงพูดเสียงเบาว่า “ท่านอ๋องเพิ่งสั่งให้นายกองทหารถังไปเจรจา ดูๆ แล้วพวกมันยโสมากกว่าเดิมอีก คิดหรือว่าทหารเป็นคนรังแกง่าย! ถ้าไม่บุกไปตอนนี้ แล้วจะบุกตอนไหนล่ะ!” 

 

 

คำพูดของผู้ตรวจราชการเหลียงทำให้เหล่าทหารยิ่งครึกโครมแทบห้ามตัวเองไม่ไหว ท่านอ๋องกังวลเรื่องอะไรอยู่กันแน่! ไม่ว่าจะเป็นกำลังทหารหรืออาวุธ ก็สามารถจับพวกโจรได้อย่างง่ายดาย เสียดายแต่ท่านอ๋องไม่สั่งการ พวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้ ไม่มีใครไม่รู้สึกข้องใจ แต่แล้ว มีทหารนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาอย่างกล้าหาญว่า “ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อยบุกขึ้นไปเถอะขอรับ!” 

 

 

เฉินจ้าวออกคำสั่งให้รองผู้การกับนายกองทหารถัง ช่วยดูแลความจลาจลของเหล่าทหาร จากนั้นเขามองไปยังฉินอ๋อง และรู้ว่าฉินอ๋องก็แบกรับความกดดันอยู่ไม่น้อย 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นยังอยู่บนนั้น หากบุกเข้าไปช่วยโดยพลการ ซานอิงและคนอื่นเกิดทนไม่ไหว เพื่อสร้างความเหนือกว่าในสนามรบ จะต้องฉีกเนื้อที่มีอยู่ในมือออกเป็นชิ้นๆ แน่ 

 

 

ความเสี่ยงนี้ ฉินอ๋องไม่ทำแน่ 

 

 

แต่——ตอนนี้ทุกคนอามณ์ร้อนเป็นไฟ ผู้ตรวจราชการเหลียงก็ปลุกปั่นไม่หยุด กลัวแต่กองทัพจะโกลาหลไปกันใหญ่จนควบคุมไม่อยู่ 

 

 

เฉินจ้าวเห็นเหล่าทหารตะโกนจะบุกไม่หยุด เขาจึงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดว่า “ฟังคำสั่งของฉินอ๋อง! ผู้ใดฝ่าฝืน จะถูกลงโทษตามกฎของทหาร!”