ตอนที่ 189 พูดถึงเรื่องแยกบ้านอีกครั้ง

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

คนอื่น ๆ ทำเพียงมาเยี่ยมเย่ฉูฉู่และทารกน้อย หลังจากพูดคุยเสร็จก็ออกไป

แต่เฮ่อซงจือสนิทกับเย่ฉูฉู่ จึงมีเรื่องให้พูดคุยเยอะแยะ

นอกจากนี้ข้าง ๆ ก็ยังมีพี่สะใภ้สี่จ้าวอีกหนึ่งคน หล่อนไม่ได้ออกไปข้างนอก แม้ว่าจะรู้สึกอิจฉากับชีวิตของเย่ฉูฉู่ก็ตาม

แต่คำพูดของเฮ่อซงจือนั้นไม่ผิดเลยจริง ๆ สะใภ้อย่างเย่ฉูฉู่ที่ได้มีชีวิตแบบนี้ นับว่าเป็นความโชคดี

คลอดลูกคนนี้ก็ได้ลูกชายอีก หล่อนเองก็อยากให้ตัวเองได้ดูอ่อนเยาว์ลงเหมือนกัน

“พี่สะใภ้สี่ อู่หยาเลี้ยงง่ายไหมคะ” เย่ฉูฉู่เองก็ไม่ได้ปล่อยให้พี่สะใภ้สี่คนนี้ต้องโดดเดี่ยว จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปหาหล่อนด้วย

พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงเอ่ยปากพูด “เลี้ยงยาก ร้องไห้งอแงจะตายไป จะว่าไปเสี่ยวไป๋หยางงอแงไหม? แม่ช่วยเลี้ยงหรือว่าเธอเลี้ยงเองล่ะ?”

ตอนที่เธออยู่ไฟ แม้ว่าแม่สามีจะมาช่วยกล่อมให้ในตอนค่ำ แต่เมื่อลูกจะกินนมเธอก็ต้องลุกขึ้นมา

เย่ฉูฉู่กล่าว “ตอนกลางคืนถ้าเสี่ยวไป๋หยางอยากกินนมหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมถึงจะร้องค่ะ แถมยังร้องอยู่พักหนึ่งกว่าจะหลับ แต่เขาก็นอนเก่งมากเลยนะคะ แม่ของพวกเราก็เลยไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากมาย แต่ก็ทำให้แม่ของพวกเรากับแม่ของฉันเหนื่อยอยู่เหมือนกัน”

ตอนที่เธออยู่ไฟ แม่สามีและแม่ของเธอก็ผลัดเวรกันมาดูแลเธอ

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือเสี่ยวไป๋หยาง ทั้งสองคนแม่ลูกก็ได้กินอิ่มนอนหลับระหว่างอยู่ไฟ ไม่เช่นนั้นคงไม่กระปรี้กระเปร่าขนาดนี้

พี่สะใภ้สี่จ้าวก็ถูกดูแลอย่างดีตอนที่อยู่ไฟเช่นกัน ที่สำคัญได้รับประทานของดีด้วย แต่หลังจากออกจากอยู่ไฟก็ต้องลงไปทำนาแล้ว เหนื่อยเป็นเดือนเลย

อีกอย่างอายุของหล่อนก็มากกว่าเย่ฉูฉู่ ก่อนหน้านี้ก็คลอดลูกมาสองคนแล้ว ทั้งยังเหนื่อยมาตั้งหลายปี ต่อให้ดูแลดีกว่านี้ก็สู้เย่ฉูฉู่ไม่ได้ เพราะตั้งแต่เย่ฉูฉู่แต่งงานเข้ามาก็ไม่ค่อยได้ลงไปทำนาอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บ้านตัวเองชีวิตของเธอก็ดี ได้รับการดูแลอย่างดีมาตั้งแต่ตอนที่อยู่กับพ่อแม่แล้ว

“ลูกชายรู้จักรักแม่ของเขานะ” พี่สะใภ้สี่จ้าวมองเสี่ยวไป๋หยางที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่ฉูฉู่ ดวงตาของหล่อนแดงก่ำ

ได้ยินชื่อว่า ‘เสี่ยวป๋ายหยาง’ ก็รู้แล้วว่าดีขนาดไหน? แค่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นเด็กที่มั่นคงแล้ว หลังจากนี้ต้องปกป้องแม่ของเขาได้ เป็นที่กำบังลมและฝนให้กับแม่ของเขา

ถ้าเป็นลูกชายของหล่อนจะดีขนาดไหนกัน?

เย่ฉูฉู่เห็นสายตาละโมบของหล่อน ก็แอบหมดคำพูด

พี่สะใภ้สี่คนนี้ของเธอทำให้คนหมดคำจะพูดจริง ๆ

“เธออย่าทำเป็นไม่เชื่อเลย ลูกชายรักแม่ตัวเอง ส่วนลูกสาวมาเพื่อทวงหนี้ทั้งนั้นแหละ” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว

“พี่พูดอะไรแบบนั้นคะ มีลูกคือกำไรต่างหาก มีลูกแล้วก็ช่วยลดปัญหาได้ ไม่แบ่งแยกหรอกว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ลูกชายอกตัญญูข้างนอกมีเยอะแยะจะตายไป ลูกสาวที่กลับมาตอบแทนบุญคุณก็มีเยอะเหมือนกัน” พี่สาวห้าจ้าวเดินเข้ามาได้ยินพอดี จึงพูดเสริมต่อจากนั้น

พี่สะใภ้สี่จ้าวรังเกียจลูกสาวถึงขั้นไหนกัน? หล่อนลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองก็เป็นลูกสาวเหมือนกัน

พี่สาวห้าจ้าวไม่ได้สนใจพี่สะใภ้สี่จ้าว หล่อนเดินเข้ามาเพื่อมาดูเสี่ยวไป๋หยาง

เด็กคนนี้ได้กินนมจนอวบอ้วน น่ารักมากจริง ๆ ทั้งยังทำให้พี่สาวห้าจ้าวที่เป็นอาชอบมากด้วย

พี่สะใภ้สี่จ้าวเห็นหล่อนเป็นแบบนี้ ก็แอบเบะปากในใจ

ปากบอกว่าเหมือนกัน แต่หลังจากเข้ามาก็ไม่แม้แต่จะมองอู่หยาแม้แต่นิดเดียว กลับไปอุ้มเสี่ยวไป๋หยางด้วยความหวงแหน ปากบอกว่าเหมือนกัน แต่ในใจก็ยังชอบลูกชายอยู่ดี

นิวนิวลูกสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเฮ่อซงจืออายุมากกว่าหนึ่งเดือน ช่วงเวลานี้เด็กจะมีความแตกต่างมากที่สุด ในแต่ละเดือนก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน

นิวนิวเหมือนกับเด็กโต ดวงตาของเธอเป็นประกายขณะมองเสี่ยวไป๋หยางด้วยความสงสัย ทว่าเสี่ยวไป๋หยางกลับไม่สนใจเธอ เขามองนู่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่กลับไม่ได้มุ่งเน้นไปที่คนใดคนหนึ่ง เพียงไม่นานก็ดูเหมือนว่าจะเหนื่อยแล้ว จึงอ้าปากหาว

เย่ฉูฉู่พูดด้วยรอยยิ้ม “เขาจะนอนแล้ว เดี๋ยวฉันกล่อมเขาก่อนนะ”

เย่ฉูฉู่ตบก้นเบา ๆ อยู่สองสามครั้ง เสี่ยวไป๋หยางก็ปิดตาผล็อยหลับไป

“เด็กคนนี้ดีจังเลยนะ นอนหลับง่ายขนาดนี้เลย” พี่สะใภ้สี่จ้าวอิจฉาจะตายอยู่แล้ว

เฮ่อซงจือก็พูด “ฉูฉู่ เธอโชคดีจริง ๆ”

“ใช่ เด็กคนนี้ไม่สร้างปัญหาและไม่ต้องเป็นห่วงเลย!” พี่สาวห้าจ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม

คนเป็นแม่เหล่านี้ต่างก็มีความกลัวเรื่องที่ต้องกล่อมลูกน้อยให้นอน

ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน พี่สะใภ้สี่จ้าวก็มองไปที่เสี่ยวไป๋หยางไม่วางตา หล่อนอยากให้เด็กคนนี้เป็นลูกชายของหล่อนจริง ๆ

จนกระทั่งอู่หยาร้องอยากจะกินนมหล่อนถึงเบนสายตากลับมาอย่างไม่เต็มใจ

ทว่าภายในใจก็รำพึงอย่างหนักแน่น หล่อนต้องคลอดลูกชายให้ได้!

ทุกคนต่างก็คุยกันจนงานเลี้ยงเริ่ม ต่อให้เด็กดีกว่านี้ ผู้ใหญ่สะอาดกว่านี้ ก็ไม่สามารถห้ามสิ่งล่อใจจากอาหารได้ แค่พูดว่ารับประทานอาหาร ก็รีบมาที่โต๊ะแล้ว รวมถึงพี่สะใภ้สี่จ้าวด้วย

อู่หยาก็นอนหลับแล้ว เย่ฉูฉู่จึงบอกให้พี่สะใภ้สี่จ้าวไปรับประทานอาหาร ส่วนเธอจะดูลูกให้เอง

เฮ่อซงจือไม่ได้ไปรับประทานอาหาร แต่อยู่เป็นเพื่อนเย่ฉูฉู่ เพียงไม่นานนิวนิวก็นอนหลับ แต่เย่ฉูฉู่ก็ยังบอกให้พี่สาวห้าจ้าวช่วยตักอาหารมาให้เฮ่อซงจือหนึ่งถ้วยด้วย

“เธอจะเก็บข้าวโพดกันตอนไหนเหรอ จะให้ฉันเรียกเหวินจื้อมาช่วยสักวันไหม?” เฮ่อซงจือไม่ได้เกรงใจ หล่อนรับประทานไปพลางเอ่ยถามไปพลาง

“ไม่ต้องหรอก พวกเธอก็ยุ่งมากเหมือนกัน เหวินเทาก็ไม่ได้ปลูกเยอะอะไร” เย่ฉูฉู่กล่าว

“พวกเธอปลูกข้าวโพดไว้สิบสองหมู่สินะ แบบนั้นก็ยังเยอะมากอยู่ดี” เฮ่อซงจือกล่าว

“ไม่น้อยก็จริง แต่เขายังทำไหว ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยให้แม่ไปเรียกพี่ชายมาช่วยได้” เย่ฉูฉู่กล่าว

“แล้วเธอต้องลงไปทำนาไหม?” เฮ่อซงจือถาม

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า “ฉันไม่ลงไปทำหรอก ไม่งั้นเสี่ยวไป๋หยางคงไม่มีใครดูแล อีกอย่างฉันก็เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟด้วย เลยอยากดูแลร่างกายให้ดี ๆ”

“งั้นเธอก็พักผ่อนอยู่บ้านนี่แหละ” เฮ่อซงจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากรับประทานเสร็จก็วางถ้วยลง แอบถอนหายใจ “ฉันเองก็พอจะมองออก ถ้าตัวเองยังไม่รักตัวเอง ก็ไม่มีใครรักเรา”

เย่ฉูฉู่มองเธอ “เป็นอะไร พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?”

“ไม่ได้ทะเลาะหรอก” เฮ่อซงจือถอนหายใจ “ตอนนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันมาก ตอนที่ฉันเลี้ยงลูกก็ต้องทำกับข้าวด้วย ถ้าไม่ดูลูกก็ต้องลงไปทำนา กลับมาก็ยังต้องมาทำกับข้าวอีก แต่ก็พูดอะไรไม่ได้”

เย่ฉูฉู่เองก็ไม่ทราบว่าควรพูดอย่างไร อยู่ด้วยกันก็เป็นแบบนี้แหละ ทำงานเยอะหรือทำงานน้อยก็เทียบกันไม่ได้ พอเทียบกันแล้วก็ทะเลาะกัน เมื่อทะเลาะกันก็โกรธกันอีก

“ฉันอยากแยกบ้านน่ะ” เฮ่อซงจือพูดอีกครั้ง เรื่องนี้หล่อนเคยพูดกับเย่ฉูฉู่ก่อนที่จะตั้งท้องลูกสาวเสียอีก

“จ้าวเหวินจื้อเห็นด้วยไหม?” เย่ฉูฉู่ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมาย จึงถามออกไป

“ฉันเองก็เลี้ยงกระต่ายเหมือนกัน กระต่ายคลอดออกมาเยอะ แถมยังโตไวด้วย ในบ้านมีที่กว้างขนาดนั้น แต่ถ้ายังอยู่แบบนี้ต่อไปจะเบียดเสียดกันขนาดไหน? ออกไปอยู่ข้างนอกก็ยังเลี้ยงกระต่ายได้มากอีกหน่อย” เฮ่อซงจือขยิบตาให้เย่ฉูฉู่

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “เธอพูดได้ไม่เลวเลยนะ”

หากพูดว่าจะแยกบ้านออกมาตรง ๆ คงพูดได้ไม่เต็มปากและไม่น่าฟังเท่าไรนัก สู้บอกว่าเลี้ยงกระต่ายทำเงินได้และทำให้รวยดีกว่า นี่เป็นเหตุผลที่ใครก็เถียงไม่ได้

เฮ่อซงจือพูดเยาะเย้ยตัวเอง “ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้คิดมากขนาดนั้น แต่พอมีลูกก็ทำให้ฉันคิดเยอะ มีคนบอกว่าผู้หญิงพอมีลูกก็จะเปลี่ยนไป มันเป็นแบบนี้จริง ๆ นะ พอมานึกถึงเมื่อก่อน ฉันคล้ายกับคนโง่เลย”

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่หล่อน “ยิ่งพูดก็ยิ่งฮึกเหิมเข้าไปใหญ่ โง่อะไรกัน เธอเองก็รู้จักหาวิธีที่จะออกมาใช้ชีวิตเอง ใครจะฉลาดเท่าเธอได้?”

เฮ่อซงจือยิ้ม “ฉันคิดว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เธอต้อนรับไหม?”

เย่ฉูฉู่ได้ยินก็หัวเราะ “พวกเธอจะย้ายมาสร้างบ้านที่นี่เหรอ?”

“ที่นี่กว้างขวาง พวกเราต่างก็เลี้ยงกระต่าย จะได้สร้างที่ดินไว้เลี้ยงด้วยกันไง พวกเราจะได้ช่วยกันดูแลด้วย” เฮ่อซงจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “มาสิ พวกเราอยู่ที่นี่ก็เหงามากเหมือนกัน”

…………………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่สะใภ้สี่จ้าวนี่กำลังบำเพ็ญทุกรกิริยาเหรอคะ มาเจอสิ่งที่ไม่สบายใจเพื่อให้ชินจนสบายใจงี้

เชียร์ให้ซงจือมาสร้างบ้านละแวเดียวกับฉูฉู่ค่ะ ถึงตอนเลี้ยงกระต่ายจะได้มีที่เลี้ยงกว้างขึ้น

ไหหม่า(海馬)