บทที่ 1217+1218

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1217+1218 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1217 ไปแล้วเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้

ด้วยความเลินเล่อ เขาเพียงเตรียมร่างโคลนนิ่งไว้ที่นี่ แต่กลับลืมคิดไปว่าร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่อาจทนรับความเหน็บหนาวในที่แห่งนี้ได้…

แต่ภายในวังค้ำนภาที่ห่างไกลออกไปเป็นหมื่นลี้ กู้ซีจิ่วย่อมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในตำหนักน้ำแข็งนั้น

เมื่อเธอพยายามสัมผัสติดต่อกันอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีผลอันใด เธอจึงยอมแพ้ และเชื่อคำพูดของตี้ฝูอีไปชั่วขณะ

เข็มฉีดยาของหลงซือเย่ก็แตกไปแล้ว น้ำยาที่เหลือก็ไม่อาจใช้งานได้อีก พลังวิญญาณของตี้ฝูอีก็ยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถสลับร่างให้เธอได้ มันทำให้เธอค่อนข้างหดหู่ ดังนั้นหลังจากที่เปลี่ยนยาให้ตี้ฝูอีเรียบร้อย เธอกำชับให้ตี้ฝูอีพักฟื้นให้ดีอีกสองสามวัน หันกายกำลังคิดจะเดินออกไป กลับถูกตี้ฝูอีดึงรั้งไว้

เธอเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรอีกเหรอ?”

ตี้ฝูอีดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดทันที สายตาจ้องมองสายตานาง “โกรธแล้วหรือ?”

กู้ซีจิ่วหยุดชะงัก เธอส่ายหน้า “เปล่า” ถึงแม้เขาจะขับไล่หลงซือเย่ไปอย่างโหดร้าย แต่เธอรู้ว่าเขาทำเพื่อเธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงกับโกรธ เพียงแต่ตอนนี้เธอค่อนข้างหดหู่ที่สลับคืนร่างตัวเองไม่ได้

สายตาของตี้ฝูอีฉายแววขอโทษ ทว่าพูดพลางยิ้มขึ้นมาทันใด “ไป ข้าพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง” และลากนางออกไปโดยไม่ฟังคำกล่าวอันใด

“ไปไหน? เจ้าไม่ฝึกฝนฟื้นฟูแล้วรึ?” กู้ซีจิ่วประหลาดใจไม่น้อย เธอรู้สึกว่าสิ่งสำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ก็คือการฝึกฝน

“ไปแล้วเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้”

ดวงจันทร์บนท้องนภากลมโตราวกับจานกลมอันใหญ่ เมฆขาวดังเส้นด้ายลอยล่อง ซ่อนเร้นกึ่งหนึ่งของดวงเดือน สงบเงียบ เยือกเย็น

สาดสะท้อนทะเลสาบอันกว้างไกลสุดลูกตา จากการคาดคะเนด้วยสายตาของกู้ซีจิ่ว ทะเลสาบนี้ใหญ่กว่าทะเลสาบต้งถิงเป็นเท่าทวี

ชายฝั่งทะเลสาบไม่ใช่เขื่อนทะเลสาบธรรมดา แต่เป็นหาดทรายขาวผ่องสาดส่องแสงจันทร์ชนิดหนึ่ง เมื่อเหยียบเท้าลงไปแล้วรู้สึกสบายยิ่งนัก

ทะเลสาบอันกว้างไกล คลื่นน้ำรวดเร็วดังคลื่นทะเล ระลอกคลื่นกระทบฝั่งดังครืนครืน ห่างจากชายฝั่งทะเลสาบไปไม่ไกลเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มีดอกสีม่วงอ่อนบานสะพรั่ง ลำต้นดังเหมย กิ่งก้านคดเคี้ยว ดอกที่กำลังผลิบานมีขนาดเท่ากับดอกท้อ รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนที่ปลายกิ่ง ยามเมื่อลมพัด กลีบดอกปลิวลอยล่อง ร่วงหล่นใต้ต้นไม้ พัดไปตามชายฝั่งทะเลสาบ ปลิดปลิว กระจัดกระจาย ดังสายฝนกลีบดอกไม้ ทิวทัศน์ช่างงดงามเหลือเกิน

และทิวทัศน์ที่สวยงามขนาดนี้ ยามนี้กลับมีคนชื่นชมเพียงสองคน

กู้ซีจิ่วเหยียบลงบนหาดทรายขาวผ่องสาดส่องแสงจันทร์นั้นด้วยเท้าเปล่า ดังถูกทิวทัศน์เช่นนี้สะกดไว้ ที่นี่สวยงามราวกับอยู่ในความฝัน เป็นภาพลวงตา ไม่เหมือนโลกมนุษย์

กู้ซีจิ่วรู้จักทะเลสาบนี้ มันอยู่ห่างจากเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยซิงหนึ่งร้อยลี้ ชื่อทะเลสาบแสงจันทร์

ในสายตาของผู้คน ทะเลสาบแห่งนี้คือทะเลสาบปีศาจ เพราะมีเรื่องเล่าขานกันว่ามีราชาปีศาจกินคนอาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ กลืนกินผู้ที่กล้ามาสำรวจที่นี่ไม่เหลือแม้แต่กระดูก

ผู้คนโดยรอบแทบจะบอกว่าทะเลสาบแสงจันทร์เปลี่ยนสี กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะพาเธอมาที่นี่ และยิ่งคาดไม่ถึงว่าที่นี่จะงดงามขนาดนี้!

“ท่านว่าในทะเลสาบแห่งนี้มีปีศาจจริงไหม?” กู้ซีจิ่วยืนมองออกไปไกลตรงชายฝั่งทะเลสาบ “ดูแล้วช่างเงียบสงบเหลือเกิน”

“วางใจเถิด ต่อให้มีปีศาจก็ไม่มีทางกินเจ้าหรอก” ตี้ฝูอีอมยิ้ม “เพียงแต่เงือกไม่อยากให้คนในโลกมนุษย์มารบกวน จงใจกุเรื่องขึ้นมาให้คนกลัวก็เท่านั้นเอง”

“เงือก?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ในทะเลสาบนี้มีเงือก? เงือกในตำนานไม่ได้อยู่ในทะเลทั้งหมดหรือ?”

ตี้ฝูอีอมยิ้ม “อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้”

กู้ซีจิ่วเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว เธอเคยได้ยินว่ามีเงือก แต่ไม่เคยพบเจอมาก่อน

ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกมากมายนับไม่ถ้วนต่างผุดขึ้นมาในหัวเธอ ที่โด่งดังที่สุดก็คือเรื่องเล่าของเงือกเรื่องนั้น…

————————————————————————————-

บทที่ 1218 เข้าสู่ห้วงทะเล

“ท่านพาข้ามาเพื่อมาดูเงือก? พบพวกเขาได้ที่ไหน? ต้องดำน้ำลงไปในทะเลสาบใช่หรือไม่?”

“ไม่จำเป็น มีวิธีดึงดูดให้พวกเขาปรากฏตัวมารับพวกเราเองได้”

กู้ซีจิ่วตื่นเต้นดีใจ “วิธีใดเล่า?”

ตี้ฝูอีหยิบขลุ่ยขึ้นมาหนึ่งเลา “มา เจ้าร้องเพลงสักเพลง ข้าจะบรรเลงไปพร้อมกับเจ้า”

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง เขาพาเธอมาที่นี่เพื่อฟังเธอร้องเพลงที่ชายฝั่งทะเลสาบนี้หรือ?

อย่างไรเสีย เธอยังคงเฉลียวฉลาด “เงือกชำนาญการร้องเพลงใช่หรือไม่ เจ้าให้ข้าประชันกับพวกเขา ดึงดูดให้พวกเขาออกมา?”

“ทายถูกกึ่งหนึ่ง ให้เจ้าร้องไม่ใช่การประชันอะไร แต่เพื่อได้รับคุณสมบัติการเข้าสู่เผ่าเงือก เงือกรักการร้องเพลง และชอบคนเสียงดีเป็นที่สุด หากใครมีเสียงร้องที่ทำให้กลีบดอกของต้นไม้สีม่วงชายฝั่งทะเลสาบลุกขึ้นมาเต้นระบำได้ ก็คือแขกผู้มีเกียรติของพวกเขา สามารถเข้าตลาดกลางคืนของพวกเขาไปซื้อของได้”

กู้ซีจิ่วรู้ว่ามีตลาดทะเลในกลุ่มเงือกจากตำนานเหล่านั้น ข้าวของที่ขายด้านในล้วนเป็นสิ่งของมีค่าที่หายากบนโลกใบนี้

ผู้คนมั่งคั่งร่ำรวยมากมายในทวีปนี้พยายามทุกวิถีทางเพื่อได้เข้าไปเดินสักครั้ง แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ หลายปีมานี้คนที่เคยเข้าไปตลาดทะเลได้นั้นหาได้ยากนัก มีพูดถึงในพงศาวดารท้องถิ่นเพียงเล็กน้อย ผู้คนก็มองว่ามันเป็นความแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง…

นึกไม่ถึงว่ากลับมีที่ทะเลสาบแสงจันทร์ และมีกฎเกณฑ์ที่แปลกประหลาดมาก

กู้ซีจิ่วมั่นใจในเสียงร้องของตัวเองมาก เสียงของเธอในชาติที่แล้วเทียบได้กับพวกนักร้องเหล่านั้น ตอนนั้น หากว่าเธอไม่เป็นนักฆ่า ไม่แน่เธออาจจะกลายเป็นนักร้องที่มีแฟนคลับมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้…

ยามนี้ ร่างนี้เหมือนกันกับร่างชาติที่แล้วทุกประการ แม้แต่น้ำเสียงก็เหมือนกัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วไม่กลัวว่าเสียงนี้จะร้องออกมาได้ไม่ดี

เพลงที่เธอร้องคือ “จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด”

เพลงโบราณ ที่มีท่วงทำนองเพราะพริ้ง เป็นเพลงที่เธอเคยชอบ

เมื่อเพลงดังขึ้น กู้ซีจิ่วเพิ่งเริ่มร้องริมฝั่งทะเลสาบไปได้หนึ่งประโยค ก็พบว่าร้องเพลงที่นี่กับร้องเพลงที่อื่นไม่เหมือนกัน

เสียงประกอบที่นี่ดีกว่าเสียงที่ร้องออกมาจากไมโครโฟนอีก!

และตอนที่เสียงขลุ่ยของตี้ฝูอีบรรเลงตามขึ้นมา เสียงนั้นน่าทึ่งยิ่งนัก สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเสียงก้องเหล่านั้นของวงดนตรีมืออาชีพ!

เสียงขลุ่ยอันไพเราะ เสียงเพลงอันงดงาม เสียงเพลงกับเสียงขลุ่ยประสานกันได้อย่างลงตัว ยอดไม้ของต้นไม้ข้างกายที่อยู่ไม่ไกลบิดพลิ้วปลิวสไวไปตามเสียงเพลงของเธอ ดอกไม้ร่วงหล่นเร็วขึ้น กลีบดอกมาตามเสียงเพลง หมุนวนล้อมรอบทั้งสองคน…

ทิวทัศน์เช่นนี้ประหนึ่งอยู่ท่ามกลางความฝันอันงดงาม แต่ที่ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าเหมือนกับอยู่ในห้วงแห่งความฝันคือภาพฉากต่อไป

ผืนทะเลสาบที่เดิมทีสงบเงียบกลับมีเกลียวคลื่นก่อตัวขึ้น เกลียวคลื่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คลื่นน้ำปรากฏเป็นแท่นแท่นหนึ่งดังดอกบัวกำลังผลิบาน ท่ามกลางแท่นคลื่นน้ำมีหญิงสาวอาภรณ์ฟ้าสองนางกล่าวต้อนรับพวกเขาอย่างงดงาม “เฟิ่งสุ่ยจวินมีรับสั่ง ให้ท่านทั้งสองเข้าสู่นครเงือก”

ตี้ฝูอีจูงมือเล็กๆ ของกู้ซีจิ่วทะยานตัวร่อนลงบนแท่น “โปรดนำทาง”

แท่นปิดตัวลงดังดอกบัวตูมจมลงไปใต้น้ำ

ในสายตาของกู้ซีจิ่ว ทะเลสาบอันกว้างใหญ่คงลึกได้ไม่เท่าไร มากสุดก็สิบเมตร แต่คาดไม่ถึงบุปผาตูมดอกนี้พาพวกเขาเดินทางใต้น้ำเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุด

กู้ซีจิ่วค่อนข้างประหลาดใจจึงส่งกระแสเสียงหาตี้ฝูอี ‘ทะเลสาบนี้ลึกขนาดนี้เลยหรือ?’ เธอรู้สึกว่าเดินทางใต้น้ำไปไกลกว่าพันเมตรแล้ว!

‘ทะเลสาบนั้นเป็นเพียงทางเข้าสู่เผ่าเงือก ยามนี้พวกเราอยู่ในทะเล’ ตี้ฝูอีส่งกระแสเสียงถึงนาง

————————————————————————————-