บทที่ 1219+1220

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1219+1220 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1219 ประมุขเงือกงามมากหรือ?

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

สถานที่ที่อยู่ลึกถึงเพียงนี้ต่อให้ลูกบาศก์เหล็กก็จะถูกน้ำกดทับจนกลายเป็นแผ่นเหล็ก นึกไม่ถึงเลยว่า ‘บุปผาตูม’ ดอกนี้กลับแข็งแกร่งยิ่งนัก ดูบอบบางนุ่มนวล ทว่าไม่มีทีท่าว่าจะบุบสลายเลยสักนิด

บุปผาตูมดอกนี้ถูกเด็กสาวชาวเงือกสองนางนั้นควบคุมไว้ตลอด ดูผ่อนคลายยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง สองปีก่อนตี้ฝูอีเคยพาเธอลงไปใต้มหาสมุทรลึกเหมือนกัน ฟองอากาศที่เขาสร้างขึ้นมาค่อนข้างคล้ายคลึงกับบุปผาตูมดอกนี้ บางทีสิ่งปลูกสร้างใต้มหาสมุทรหลังนั้นของตี้ฝูอีอาจเป็นชาวเงือกกลุ่มนี้สร้างให้เขากระมัง?

เธอกล่าวข้อสงสัยในใจออกมา สุดท้ายก็เอ่ยถามประโยคหนึ่ง ‘ฟองอากาศของท่านคงมิใช่ครูพักลักจำมาจากพวกเขากระมัง?’

ตี้ฝูอีตอบหน้าตาย ‘ทักษะนี้เป็นข้าที่ถ่ายทอดให้พวกเขา’

‘ขี้โม้!’ กู้ซีจิ่วไม่เชื่อ ‘หรือว่าเมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยโผล่ออกมาเลย?’

‘โง่งม พวกเขาอาศัยอยู่ในมหาสมุทรลึก ปกติแล้วไม่โผล่จากน้ำง่ายๆ ต่อให้บางครั้งโผล่จากน้ำก็เป็นการออกไปว่ายน้ำเล่นเท่านั้น จวบจนข้าคิดค้นสิ่งนี้ให้พวกเขา พวกเขาถึงเริ่มโดยสารสิ่งนี้ออกจากทะเลหรือไม่ก็รับผู้คน…’

‘รับคน? พวกเขารับคนจากบนบกไปเป็นแขกหรือ?’

‘ชาวเงือกทำการค้ากับมนุษย์บนบก มิเช่นนั้นบนบกจะเอาใยไหมชาวเงือกพวกนั้นจากไหนมาขายเล่า? เพียงแต่มนุษย์ที่สามารถไปมาหาสู่ทำการค้ากับพวกเขาได้ล้วนต้องผ่านการตรวจสอบจากพวกเขาหลายชั้น ทั้งโลกนี้มีอยู่ไม่ถึงสิบแปดคน’

‘ท่านคือหนึ่งในนั้นหรือ?’

‘ไม่ ข้าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติที่สุดของพวกเขา ข้าเป็นสหายกับประมุขเงือกของที่นี่’

กู้ซีจิ่งฉงน ‘ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะมีสหายด้วย’ เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ถึงแม้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะอาศัยฐานะของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่องไปทั่วหล้าอยู่บ่อยครั้ง เป็นหัวหน้าของสานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้า แต่เขากับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคนอื่นก็ไม่นับว่าสนิทสนมกัน สี่คนนั้นถ้าจะบอกว่าเป็นสหายไม่สู้กล่าวว่าเป็นลูกน้องดีกว่า ยากนักที่จะได้เห็นคำว่า ‘สหาย’ ออกมาจากปากเขา

ตี้ฝูอีเอนหัวซบไหล่เธอ ‘วาจานี้เจ็บแสบอยู่บ้าง เหมือนที่เจ้าบอกไว้ไง ฉินฮุ่ยยังมีสหายตั้งสามคน นับประสาอะไรกับข้าเล่า?’

ลมหายใจของเขาเป่ารดริมหูเธอ ทำให้ใบหน้าซีกหนึ่งของเธอร้อนผ่าวคันยุบยิบ เธอผลักหน้าเขาออกไปด้านข้าง ‘ที่แท้วันนี้ท่านก็หลอกข้ามาเจอสหายของท่าน’

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว คล้องเอวของเธอไว้แน่น ‘ลูกสะใภ้จะช้าจะเร็วก็ต้องพบพ่อแม่สามี เจ้าจะกลายเป็นศรีภรรยาของข้าแล้ว ไม่มีพ่อแม่สามี พาเจ้ามาพบสหายของข้าก็เหมาะแล้วมิใช่หรือ?’

กู้ซีจิ่วหน้าร้อนวาบ ‘ใครจะเป็นศรีภรรยาของท่านกัน? ข้ายังไม่ได้รับปากว่าจะแต่งให้ท่านเลย!’ ปากเอ่ยเช่นนี้ ทว่าในใจกลับหวานล้ำ

ในใจเธอยังคงสนใจใคร่รู้ในตัวประมุขเงือกผู้นี้ยิ่งนัก เงือกสาวสองนางมารับคนยังเพริศพริ้งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นประมุขเงือกก็ต้องเป็นโฉมงามล่มบ้านล่มเมืองได้เป็นแน่ เนื่องจากตลอดทางเงือกสาวสองนางนั้นพูดคุยกันเรื่องงานชมบุปผาอะไรสักอย่าง ซ้ำยังบอกว่าด้วยรูปโฉมอันงดงามรวมถึงการร้องรำของประมุขเงือกของพวกนาง จะต้องโดดเด่นเลิศล้ำเป็นแน่

‘ประมุขเงือกงามมากหรือ?’ กู้ซีจิ่วส่งกระแสเสียงถามอีกครั้ง

‘อืม งามมาก!’ ตี้ฝูอีไม่ตระหนี่คำชมเชย

‘ร้องรำเลิศล้ำทั้งสองแขนงหรือ?’

‘มิผิด ร้องรำไม่ด้อยไปกว่าเจ้าเลย ถึงขั้นที่ยอดเยี่ยมกว่า เมื่อประมุขเงือกร่ายรำ สามารถถล่มโลกาได้ เรื่องนี้ได้รับการยอมจากคนทั้งแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดเห็นต่าง ข้าคิดว่าบางทีเจ้าอาจมีคุณสมบัติพอประชันกับประมุขเงือกได้นะ’ ตี้ฝูอียิ้มละไม สุ้มเสียงแฝงความชื่นชมต่อประมุขเงือกผู้นั้นด้วยใจจริง

ดวงตากู้ซีจิ่วเปล่งประกาย ‘เช่นนั้นจะต้องเปิดหูเปิดตาเสียแล้ว!’

ดูเหมือนตี้ฝูอีจะคาดไม่ถึงว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ‘เด็กน้อย เจ้าไม่หึงหวงหรือ?’

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ‘มีอะไรให้หึงกัน?’

————————————————————————————-

บทที่ 1220 ว่าที่ภรรยาของข้า

‘ข้าบอกว่า ประมุขเงือกเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า ซ้ำยังงดงามไม่เป็นสองรองใครร้องรำล้ำเลิศสยบใต้หล้า…’

‘อือ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าก็ใกล้จะได้ยลแล้วพอดี! สามารถทำให้ท่านชื่นชมได้ถึงเพียงนี้จะต้องมากความสามารถแน่นอน’

ตี้ฝูอีพูดไม่ออกแล้ว จู่ๆ เขาก็สังหรณ์ถึงอันตรายขึ้นมา!

ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ลางสังหรณ์ของเขาเป็นเรื่องจริง

เมื่อกู้ซีจิ่วมองเห็นประมุขเงือกสายตาก็หันเหไปที่ร่างของผู้อื่นเสมอ เหลือบมองแล้วเหลือบมองอีก ลืมเลือนเขาไปจนสิ้นแล้ว!

….

ประมุขเงือกงดงามจริงๆ ซ้ำยังเป็นความงามแบบไม่แบ่งแยกเพศสภาพด้วย

สวมเสื้อคลุมตัวยาวสีวารีที่ลากยาวไปหลายเมตร เรือนผมยาวสีครามสมุทรประหนึ่งผ้าคลุมที่พลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง ขนงดุจจันทร์เสี้ยว นัยน์เนตรดั่งดาวฤกษ์ ริมฝีปากสีชมพูละมุนปานหยาดน้ำค้าง ตรงหว่างคิ้วยังมีไฝรูปทรงหยดน้ำอยู่ด้วย

ยามที่กู้ซีจิ่วได้เห็นเขาเขากำลังนั่งอยู่บนราชรถเล็กๆ คันหนึ่ง สั่งการให้ชาวเงือกที่อยู่ตรงนั้นตกแต่งประดับประดาตำหนักงดงาม ในมือยังโบกพัดขนนกด้ามหนึ่งเสมือนจูเก๋อเลี่ยงก็มิปาน เมื่อเห็นพวกตี้ฝูอีทั้งสองเข้ามา ดวงตาเขาพลันส่องประกาย ลุกขึ้นยืนบนราชรถที่องครักษ์กำลังเข็นอยู่ เข้ามาต้อนรับอย่างเพริศพริ้งสง่างาม “ลมอะไรหอบท่านมาได้เล่า?” น้ำเสียงทุ้มต่ำดึงดูด รื่นหูดั่งเสียงเชลโล่ และดูเหมือนจะเจือเสียงแหลมสูงเอาไว้ด้วย…

กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแล้ว!

ประมุขเงือกผู้งดงามสะโอดสะองเป็นบุรุษคนหนึ่ง!

อันที่จริงกู้ซีจิ่วเคยพบเห็นบุรุษที่งดงามปานสตรีมากไม่น้อยเลย แต่ยังไม่เคยเห็นแบบประมุขเงือกที่อยู่เบื้องหน้ามาก่อนเลย รูปโฉมดูอ่อนหวานปานเด็กสาวจริงๆ ชดช้อยสะโอดสะอง เป็นประเภทที่ยิ้มคราแรกล่มเมือง ยิ้มคราที่สองล่มชาติ กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าต่อให้ตนมีรูปโฉมเด่นล้ำท่ามกลางเหล่าสตรี แต่พอเทียบกับประมุขเงือกผู้นี้แล้ว เธอรู้สึกว่าสู้ไม่ได้อยู่บ้าง

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ประมุขเงือกผู้นี้ยามไม่เอื้อนเอ่ยกลิ่นอ่ยทั่วร่างเสมือนเสี่ยวหลงหนี่ว์ฉบับหลิวอี้เฟย พอเอ่ยประโยคนี้ออกมาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายทั้งแท่ง

ที่นี่คือวังเงือก เป็นแบบเดียวกันกับตำหนักแก้วผลึกหลังนั้นของตี้ฝูอี ไม่มีน้ำทะเลอยู่เลย น้ำทะเลกระเพื่อมไหวอยู่เหนือศีรษะ

บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการที่ไม่มีน้ำ ชาวเงือกจึงไม่มีหางปลาอย่างที่วาดไว้ในภาพวาด และแบ่งออกเป็นสองขาเช่นกัน เพียงแต่ขาของพวกเขาอ่อนนิ่มกว่าคนปกติ ยามที่เดินเหินจึงส่ายไปส่ายมาเหมือนงู ไม่ว่าชายหรือหญิงล้วนดูยักย้ายส่ายสะโพกกันทุกคน มีเสน่ห์เฉพาะตัว

ถึงแม้ประมุขเงือกจะดูทรงเสน่ห์อย่างยิ่ง ทว่าเป็นคนมีวัฒนธรรมคนหนึ่ง ทักทายตี้ฝูอีเล็กน้อย เมื่อดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้นร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว ก็เริ่มเจรจาพาที “แม่หญิงท่านนี้ยิ่งกว่านางสวรรค์ ติดตามพี่หวงมา ไม่ทราบว่ามีฐานะอย่างไร?”

“ว่าที่ภรรยาของข้า” ตี้ฝูอีตี้ฝูอีเอ่ยออกมาเพียงหกคำ

ริมฝีปากจิ้มลิ้มของประมุขเงือกอ้าออกเล็กน้อย สีหน้าปานถูกฟ้าผ่าใส่ “ว่าที่ภรรยา?! ท่านมีคู่หมั้นแล้วหรือ?!” น้ำเสียงเหมือนภรรยาที่จับชู้ได้คาเตียง

หากกู้ซีจิ่วไม่รู้มาก่อนว่าตี้ฝูอีไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน คงเกือบนึกว่าประมุขเงือกเป็นเคะน้อยของเขาแล้ว

ตี้ฝูอีเหลือบมองประมุขเงือกอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง “ประหลาดใจมากหรือ?”

“สวรรค์” ประมุขเงือกไม่เจรจาพาทีแล้ว เริ่มพูดภาษามนุษย์แล้ว “โอ้สวรรค์! ไม่น่าเชื่อว่าปรงคู่พันปีจะผลิดอกแล้ว[1] ตาเฒ่าที่โสดมาพันปีอย่างท่านในที่สุดก็มีว่าที่ภรรยาแล้ว!”

สายตาเขาวนเวียนรอบตัวกู้ซีจิ่วสามรอบเต็มๆ “แม่นาง ท่านชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร? เหตุใดมาคว้าเขาได้? บอกเราได้หรือไม่?”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน…

ตี้ฝูอีลากกู้ซีจิ่วมามาอยู่ข้างกายตน โบกแขนเสื้อให้เขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าว “หลานเหยากวง เปิ่นจุนพานางมาให้เจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้ใส่งั้นหรือ? เมื่อก่อนตอนเจ้ารับสนมตั้งเจ็ดแปดนาง แต่ก็ยังไปพึ่งใบบุญเปิ่นจุนไม่น้อยเลย…”

————————————————————————————-

[1] ปรงคู่พันปีผลิดอก อุปมาถึง ปาฏิหาริย์ที่ไม่คาดคิด