ตอนที่ 116 เขาไม่กลับมาแล้วใช่หรือเปล่า / ตอนที่ 117 ป๊าม๊า

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 116 เขาไม่กลับมาแล้วใช่หรือเปล่า

 

 

คำพูดของซ่งไข่เมื่อครู่นี้ ชุยหังสนใจเพียงแค่ประโยคเดียวคือไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่หลูจื้อถึงจะได้กลับมา

 

 

ประโยคนี้ทำเอาความสนใจของชุยหังรวมตัวกันเป็นหนึ่งในทันที

 

 

“ครูฝึกซ่ง ครูฝึกหลูจะไม่กลับมาแล้วจริงๆ ใช่ไหม” เขาถามอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ซ่งไข่ได้ยินเขาถามคำถามนี้ออกมาก็นิ่งเงียบไปเล็กน้อย

 

 

แต่ว่าเพราะความนิ่งเงียบนี้ของเขาที่ทำให้ชุยหังยิ่งมั่นใจว่าการคาดเดาของตนคงจะถูกต้องอย่างแน่นอน

 

 

“ไม่เป็นไร คุณบอกผมมาตรงๆ เลย ก็ไม่ใช่ว่าผมจะรับไม่ไหวซะหน่อย” ชุยหังกล่าว

 

 

แต่ว่าซ่งไข่มองไม่เห็นสีหน้าที่แทบจะล้มลงของเขาที่อยู่ในสายโทรศัพท์ทางฝั่งนี้

 

 

นิ่งไปสักพักซ่งไข่ก็พูดขึ้นว่า: “อันนี้ยังไม่มีกำหนดออกมา เพียงแต่ว่ามีความเป็นไปได้”

 

 

“ความเป็นไปได้อะไร” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“คือหลังจากที่เขาไปเรียนที่นั่นแล้วก็อาจจะยื่นขออยู่ที่นั่นเลยก็ได้” ซ่งไข่พูดตอบ

 

 

“ที่นั่นคือที่ไหน” ชุยหังยังอยากจะรู้

 

 

ซ่งไข่ตอบว่า: “อันนี้ไม่สามารถบอกนายได้ ยังไงซะเมื่อถึงตอนนั้นเขาคงจะให้ข่าวสารที่ชัดเจนกับนายเอง”

 

 

ชุยหังรู้ว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่ว่าตนจะสามารถถามเกินไปได้ตามใจชอบ

 

 

เรื่องบางอย่างเกี่ยวเนื่องไปถึงกฎระเบียบข้อบังคับของกองทัพ ถ้าหากตนต้องการถามให้ได้แบบนั้นซ่งไข่ก็จะทำผิดกฎ

 

 

“งั้นผมเข้าใจแล้วครับ” ชุยหังว่า

 

 

“ทำไมหรอ เสียใจแล้วใช่หรือเปล่า” ซ่งไข่พูด

 

 

ชุยหังไม่ยอมรับ: “ไม่นับมั้ง ในเมื่อเขาได้เลื่อนยศแล้วก็นับเป็นเรื่องที่ดี คนเดินขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ”

 

 

“ถ้าเกิดเขาไม่กลับมาจริงๆ นายก็คงจะตัดใจได้แล้วใช่ไหม” ซ่งไข่ถาม

 

 

ชุยหังตอบว่า: “เดิมทีผมก็ไม่ได้มีความหวังอะไรมากมาย คุณก็เคยพูดไม่ใช่หรอว่าเขาเป็นชายแท้ ไม่ใช่คนที่อยู่เส้นทางเดียวกับพวกเรา”

 

 

อันที่จริงเขากำลังใช้คำพูดนี้มาปลอบใจตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องทรมานมากเกินไป

 

 

ซ่งไข่ย่อมรู้อย่างแน่นอนว่าชุยหังตั้งใจทำเป็นเข้มแข็ง

 

 

“ถ้ารู้แต่แรกก็คงจะไม่บอกนายแล้ว นายดูสภาพนายตอนนี้สิ ยังไงซะก็จะเปิดเทอมแล้วถึงตอนนั้นเรื่องของพวกนายก็จะมากขึ้น นายคงจะสามารถคิดเรื่องอื่นได้บ้าง ถ้ามีเวลาล่ะก็ฉันจะไปดูนายบ้าง นายจะกล้าออกมาไหม?” ซ่งไข่ถาม

 

 

ชุยหังคิดแล้วตอบกลับว่า: “มีอะไรให้ต้องไม่กล้าล่ะ ในเมื่อคุณก็ไม่กินคนซะหน่อย”

 

 

“นั่นมันก็ไม่แน่ วันนั้นฉันก็แค่ไม่อยากจะลงมือจริงๆ เวลาก็ไม่พอ คราวหน้าก็ไม่แน่หรอก” ซ่งไข่หัวเราะไปพูดไป

 

 

ชุยหังก็ถูกเขาเล่นเอาซะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกพูดกลับไปว่า: “ครูฝึกซ่ง อย่าล้อเล่นแบบนี้เลยดีกว่านะครับ”

 

 

“อืม โอเค ถ้าถึงตอนที่ฉันพักร้อนฉันจะไปหานาย” ซ่งไข่ว่า

 

 

“ถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากันเถอะครับ” จนถึงตอนนี้แล้วชุยหังยังคงไม่มีความประนีประนอมเลย

 

 

เขารู้ว่าการปฏิเสธใครสักคนก็จะต้องไม่ให้ความหวังใดๆ กับฝ่ายตรงข้ามแม้แต่นิดเลย

 

 

ไม่อย่างนั้นล่ะก็นับว่าเป็นความโหดร้ายเลย

 

 

ที่เขาพูดไปมันชัดเจนมากแล้ว ถึงแม้จะนิ่มนวลรื่นหูแต่ความหมายที่สื่อออกไปชัดเจนแจ่มแจ้งแน่นอน

 

 

“เรื่องนี้ไม่ขึ้นอยู่กับนาย เอาเถอะ ทางฉันมีธุระนิดหน่อยไม่คุยกับนายแล้วนะ” ซ่งไข่ว่า

 

 

“อืม แล้วเจอกันครับครูฝึกซ่ง”

 

 

“โอเค แล้วเจอกัน”

 

 

เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว เขาก็เดินกลับเข้าไปในร้านจากนั้นก็นั่งลงตรงที่นั่งของตนเอง

 

 

ชย่าอวี่ชิวจัดการผสมซอสกระเทียมเอาไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว : “ฉันใส่น้ำมันงาลงไปให้นายด้วย นายคงกินน้ำงาใช่ไหม”

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “อืม ต้นตำหรับคนตงเป่ย ควรจะใส่อะไรก็ใส่ไปแค่นั้นก็โอเคแล้ว”

 

 

“เมื่อกี้ใครโทรมาหานายหรอ ทำไมถึงได้ทำให้นายดูกลัดกลุ้มใจ?” ชย่าอวี่ชิวมองดูสีหน้าของชุยหัง ดูเหมือนจะไม่ดีเท่าก่อนหน้านี้เลย

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ไม่มีอะไร ครูฝึกพวกเราเอง”

 

 

“ครูฝึกพวกนาย? ครูฝึกคนไหน” ชย่าอวี่ชิวถาม

 

 

ชุยหังพูดตอบว่า: “คนที่มาทีหลัง ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเบอร์โทรศัพท์ของฉันมาจากไหน”

 

 

“ทำไม เขาก็ชอบนายเหมือนกัน?”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 117 ป๊าม๊า

 

 

คำพูดของชย่าอวี่ชิวทำเอาน้ำซุปที่เกี๊ยวที่ชุยหังพึ่งจะดื่มไปเมื่อครู่นี้เกือบจะพ่นออกมา

 

 

“นายอย่าล้อฉันเล่นได้ไหม นายคิดว่าฉันเป็นใคร ใครๆ ถึงจะต้องตกหลุมรักฉันหมดน่ะ” ชุยหังปฏิเสธอย่างกินปูนร้อนท้อง

 

 

แต่ว่าชย่าอวี่ชิวก็ไม่ได้คิดไปในทางประเด็นนั้นจริงๆ ก็แค่พูดโพล่งออกมายังไม่ทันคิดเท่านั้น

 

 

ดังนั้นกับความผิดปกติของชุยหัง เขาก็ไม่ได้คิดมาก

 

 

เกี๊ยวยกออกมาเสริฟแล้ว ชุยหังได้กินอาหารสไตล์ท้องถิ่นบ้านเกิดแบบดั้งเดิมก็ตื้นตันใจมาก

 

 

หลายวันมานี้เขาไม่ค่อยได้โทรศัพท์กลับไปหาที่บ้านเลย

 

 

เมื่อได้กินเกี๊ยวนี้ถึงได้คิดถึงคนในบ้าน คิดถึงกลิ่นไอของบ้าน

 

 

แค่โทรศัพท์สายเดียวของซ่งไข่เมื่อครู่ ทั้งเขายังพูดอีกว่าหลูจื้ออาจจะไม่กลับมาแล้ว ตนก็เสียใจถึงขนาดนั้นแล้ว

 

 

อันที่จริงมันไม่ค่อยสมควรเลยนะ

 

 

เมื่อชุยหังนึกถึงตรงนี้ภายในใจก็เกิดความรู้สึกผิดลอยขึ้นมา

 

 

เขาอยากจะใช้ความรู้สึกผิดนี้ กดความคิดถึงที่ตนมีต่อหลูจื้อเอาไว้ให้หมด

 

 

แต่ว่าผลที่ได้กลับไม่มาก

 

 

เพราะในใจของเขารู้ดีว่าเมื่อมีหญ้าเกิดขึ้นในใจแล้ว ไม่ใช่ว่าเครื่องถอนหญ้าอะไรก็จะสามารถเปิดเข้าไปได้

 

 

เมื่อออกจากร้านเกี๊ยวตงเป่ยแล้ว เวลาที่ชย่าอวี่ชิวกับชุยหังเรอออกมาก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นของกระเทียมอบอวลไปหมด

 

 

“เป็นไงบ้าง รสชาติดั้งเดิมของแท้เลยใช่ไหม” ชย่าอวี่ชิวพูดขึ้น

 

 

ชุยหังตอบกลับ: “อืม ฉันจนคิดถึงแม่ฉันแล้วเนี่ย”

 

 

“คิดถึงบ้านก็โทรหาที่บ้านสักหน่อยสิ พอดีกับที่ฝึกทหารเสร็จ โทรไปรายงานความปลอดภัยกับที่บ้านไง”

 

 

“อืม ว่าไปก็จริง”

 

 

ชุยหังพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นกดโทรเข้าไปที่เบอร์พ่อของเขา

 

 

ทางฝั่งนั้นเสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าจะมีคนรับสาย

 

 

“ฮัลโหล เสี่ยวหางหรอ” เสียงของพ่อยังคงเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนอะไรแบบนั้น

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ทำอะไรอยู่ทำไมถึงพึ่งจะรับสายล่ะ”

 

 

พ่อหัวเราะแล้วพูดว่า: “เมื่อกี้ออกไปกินข้าวอยู่นอกบ้านกับม๊าแก ไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกไปด้วย”

 

 

“ป๊าม๊าก็พึ่งจะกินข้าวหรอ” ชุยหังถาม

 

 

“อืม แกกินหรือยัง”

 

 

“กินแล้ว ผมกินเกี๊ยว”

 

 

“เมืองเอ้อก็มีเกี๊ยวด้วยหรอ รสชาติเดียวกันกับทางเราหรือเปล่า” พ่อถาม

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “จะไม่ใช่รสชาติเดียวกันได้ยังไงล่ะ ก็เถ้าแก่ร้านเป็นคนเฮยหลงเจียง”

 

 

“อ๋า คนเฮยหลงเจียงไปขายเกี๊ยวอยู่ที่นั่นหรอ” พ่อถาม

 

 

ชุยหังเริ่มจะรู้สึกรำคาญหน่อยๆ เพราะเมื่อครู่นี้ตนก็แสดงออกไปชัดเจนมากแล้ว แต่เหมือนกับพ่อกลับหาคำพูดนั้นไม่เจอ จึงพูดซ้ำอีกหนึ่งรอบ

 

 

อันที่จริงพ่อแม่ทุกคนต่างก็จะมีโรคบ้าแบบนี้อยู่ ชอบใช้ใจจดจำคำพูดของลูกชายลูกสาวไว้ในใจ จากนั้นก็ยืนยันอีกหน่อย

 

 

เพียงแต่ลูกสาวส่วนใหญ่ เมื่อได้ยินการพูดซ้ำแบบนี้ก็จะรู้สึกว่ามันชักช้า แต่กับผู้ใหญ่อาวุโสกว่าที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตนกลับมีความอดทนอย่างมาก

 

 

“ทางนั้นตอนนี้ร้อนมากเลยใช่ไหม” พ่อถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “อืม ผมโดนเผาจนดำแล้วเนี่ย”

 

 

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ดำสักนิดสักหน่อยเถอะ ยังไงซะแกก็เกิดมาขาว” พ่อว่า

 

 

“ผมเดาว่าตอนที่ผมกลับไป พวกป๊าต้องจำผมไม่ได้แน่”

 

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้ที่ขนาดลูกตัวเองแท้ๆ จะยังจำไม่ได้ แม่แกมาแล้ว แกคุยกับแม่สักหน่อยไหม” นี่เป็นคำพูดที่พ่อชอบพูดที่สุดเวลาที่ชุยหังโทรมาหาพ่อ

 

 

ชุยหังพูดขึ้นว่า: “โอเค ให้เขาเถอะครับ”

 

 

ทางด้านแม่ของชุยหังก็รับสายโทรศัพท์: “ฮัลโหล ลูกแม่ กินข้าวหรือยัง”

 

 

“ผมพึ่งกินเสร็จ”

 

 

ทางนั้นดูเหมือนจะได้ยินพ่อกำลังพูดกับแม่อยู่ว่าชุยหังพึ่งกินไปเมื่อกี้ แถมยังกินเกี๊ยวด้วย เถ้าแก่ร้านเป็นคนเฮยหลงเจียง

 

 

แม่พูดว่า: “ลูกชายแม่ อยู่ที่นั่นชินหรือยัง ตอนนี้พวกลูกกำลังฝึกทหารอยู่ใช่ไหม”

 

 

“เปล่าครับ วันนี้การฝึกสิ้นสุดแล้วพ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วครับ” ชุยหังกล่าว

 

 

“ลูกจะกลับมาเมื่อไหร่” แม่ถามอย่างตรงไปตรงมามาก

 

 

ชุยหังนิ่งไปเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ปิดเทอมฤดูหนาวมั้งครับ ก็คือหลังจากเทศกาลปีใหม่ผ่านไปมั้งครับ”