เสียงประกาศดังขึ้นเหนือท้องฟ้า ในขณะที่หยวนร่ายรำไปรอบๆ อย่างสง่างามโดยใช้ดาบเหล็กในมือของเขาฟันหมาป่าสีเงินสี่ตัวที่อยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ซากศพหมาป่าดิ่งลงสู่พื้น แต่หยวนยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวของดาบ และยังคงร่ายรำสังหารหมาป่าสองตัวที่พยายามวิ่งหนีต่อไป
เสี่ยวฮัวเฝ้ามองหยวนอยู่ห่างๆ ปรบมือเหมือนเป็นผู้ชมที่กำลังดูการแสดงข้างถนน
“การเติบโตของพี่หยวนเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก พี่หยวนเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับน้ำ สามารถเข้าใจทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่ความอ่อนแอของตัวเองไปจนถึงความแข็งแกร่งในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ความสามารถในการใช้ดาบ และการควบคุมพลังฉีของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
ทันใดนั้น สายตาของเสี่ยวฮัวก็สั่นไหวด้วยความเสียใจ
“ถ้าพี่หยวนเติบโตมาในสวรรค์ชั้นสูงสุดแทนที่จะเป็นสวรรค์ชั้นล่างก็คงจะดีกว่านี้ เพราะสวรรค์ชั้นล่างนี้ ทั้งคุณภาพของพลังฉี และปริมาณ มันทั้งน้อยและคุณภาพแย่มากจนน่าสงสารเลยทีเดียว…”
หลังจากสังหารหมาป่าสีเงินตัวสุดท้ายแล้ว หยวนก็ดึงแกนมอนสเตอร์ของมันออกมา จากนั้นเขาก็หยิบแกนมอนเตอร์ทั้งหมดที่ได้จากการสังหารตลอดทางออกมานับ
“ได้มาแค่เจ็ดแกนเอง หลังจากที่ฆ่าไปตั้งหลายสิบตัว”
หยวนร้องออกมาด้วยความเสียดาย เนื่องจากแกนมอนสเตอร์ที่ได้นั้นมีจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบกับเวลา และความพยายามอย่างมากในการสังหารมอนเตอร์พวกนั้น
“แกนมอนสเตอร์เจ็ดแกนถือว่าเป็นการล่าที่ประสบความสำเร็จอย่างมากนะพี่หยวน”
เสี่ยวฮัวบอกกับหยวน เมื่อเห็นเขาผิดหวัง
“หากใช้มันอย่างถูกต้อง แกนมอนสเตอร์ทั้งเจ็ดอันนี้สามารถใช้ฝึกฝนพลังได้ถึงหนึ่งเดือนเลยนะ”
“แต่ในกรณีของพี่หยวนนั้น…”
“แค่เจ็ดแกนนี้คงไม่กี่นาทีสำหรับพี่หรอก นับประสาอะไรกับหนึ่งเดือน!”
จู่ๆ หยวนก็โยนแกนมอนสเตอร์ทั้งหมดเข้าปากของเขา และแน่นอนว่านั่นก็ทำให้เสี่ยวฮัวตกใจอีกครั้ง
“พี่หยวน…พี่…”
เสี่ยวฮัวมองหยวนเหมือนเธอเห็นผี สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ และสับสน
“รสชาติเหมือนขนมเลย”
หยวนเลียริมฝีปาก และพูดว่า
“ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีพลังฉีเท่ากับแกนมอนสเตอร์ของกบหยก แต่มันก็ยังมีประโยชน์อย่างมากในการฝึกฝนพลังของพี่”
“พะ…พะ…พี่หยวน…”
เสี่ยวฮัวเรียกหยวน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหลังจากนั้น
“มีอะไรหรอ?”
หยวนมองเสี่ยวฮัวด้วยสายตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทำเหมือนกับว่าตัวเขาไม่รู้ว่าความสามารถของเขาน่าทึ่งขนาดไหน
“เมื่อผู้ฝึกพลังดูดพลังซับฉีภายในแกนมอนสเตอร์ พวกเขาสามารถดูดซับพลังฉีจากแกนมอนสเตอร์ได้ในปริมาณที่จำกัด ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแกนมอนสเตอร์ ที่เขากำลังดูดซับ แต่ยังไงก็ตามแม้แต่แกนมอนสฃเตอร์ระดับสูง ก็สามารถดูดซับพลังฉีได้เพียงครึ่งหนึงหรือน้อยกว่านั้นเพราะส่วนใหญ่พลังฉีอีก 50% จากทั้งหมดจะสลายกลับสู่โลก นี่เป็นกฎที่กำหนดโดยสวรรค์ และไม่สามารถท้าทายได้ แต่…จากสถานการณ์ของพี่หยวน บางทีกายกลั่นสวรรค์ของพี่อาจจะสามารถละเลยกฎนี้ และท้าทายสวรรค์ก็ได้นะ”
เสี่ยวฮัวสั่นสะท้านเมื่อคิดว่าหยวนน่าจะมีร่างกายที่สามารถท้าทายสวรรค์ได้
“ท้าทายสวรรค์งั้นหรอ?”
หยวนนึกถึงร่างกายจริงของเขา
“ถ้าฉันสามารถมีร่างกายแบบนี้ได้ในโลกจริงๆก็คงจะดีสินะ”
หยวนถอนหายใจในใจ ทันใดนั้นเสี่ยวฮัวก็หันศีรษะและสายตาของเธอก็หรี่ลงเล็กน้อย
“พี่หยวน มีคนอยู่ใกล้ๆพวกเรานะ”
‘หืม? คนหรอ? ผู้เล่นหรือ NPC?’
หยวนสงสัย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอคนอื่น นอกจากเสี่ยวฮัว
“มีสามคน ผู้ฝึกวิญญาณระดับเจ็ดสองคน และผู้ฝึกวิญญาณระดับแปดหนึ่งคน พวกเขากำลังต่อสู้กับกิ้งก่าเพลิงระดับสูงสุดอยู่”
“น่าสนใจแฮะ”
หยวนกล่าว
“เราไปดูกันเถอะ”
“อื้ม”
เสี่ยวฮัวตอบรับ
ผู้ชายสองคน และผู้หญิงหนึ่งคน ยืนอยู่ห่างจากกิ้งก่าเพลิงที่มีเกล็ดสีแดงไม่กี่เมตร ซึ่งมีเส้นสีดำแผ่กระจายไปทั่วเหมือนรอยไหม้จากฟ้าผ่า พวกเขามองมันด้วยความกลัว และกังวลใจ ภายใต้เสื้อผ้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาต่อสู้กับกิ้งก่าเพลิงตัวนี้มาสักพักแล้ว แต่ไม่มีใครฝ่าการป้องกันของกิ้งก่าเพลิงตัวนี้ไปได้เลย
“บ้าซะมัด! เกล็ดของมันแข็งพอๆกับเหล็กเลย! พี่ใหญ่โม่พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่พลังฉีของพวกเราจะหมดนะ!”
“พี่รองหวังพูดถูกพวกเราไม่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์ตัวนี้ได้ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้! รีบออกไปกันดีกว่า ก่อนจะสายเกินไป!”
คนที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม โม่โจว เขากัดริมฝีปากของเขาในขณะที่มองไปยังกิ้งก่าเพลิงที่อยู่ตรงหน้า เขาใช้เทคนิคทั้งหมดกับกิ้งก่าเพลิงแล้ว แต่ก็ทิ้งเพียงรอยขีดข่วนบนผิวเกล็ดของมันเท่านั้น
“ฉันไม่ไป!”
เขาตะโกน
“พี่โม่โจว!”
อีกสองคนเริ่มกังวลเมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา
“พวกแกทั้งสองคนออกไป! แต่ฉันจะอยู่ที่นึ่จนกว่าไม่ฉันก็กิ้งก่าเพลิงตัวนี้จะตายกันไปข้าง ชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับแกนมอนสเตอร์ของกิ้งก่าเพลิงตัวนี้!”
โม่โจวกัดริมฝีปากของเขาจนเลือดออก และยังมองไปที่กิ้งก่าเพลิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ไม่ว่าฉันจะตายที่นี่ หรือจะกลับไปที่นิกายและตายที่นั่น มันก็ไม่ต่างกัน! ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นฉันจะวางเดิมพันทุกอย่างไว้กับกิ้งก่าเพลิงตัวนี้”
“งั้นก็เชิญพี่ตายที่นี่ไปแล้วกัน! ฉันทำได้แค่สงสารพี่แล้ว!”
ชายอีกนึงพูดก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปจากการต่อสู้
“เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าพี่ไม่ไปทำให้ศิษย์พี่เหรินขุ่นเคือง!”
ผู้หญิงอีกคนพูดก่อนที่ละทิ้งการต่อสู้เช่นกัน ทั้งสองคนไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา ทั้งๆที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี
โม่โจวถอนหายใจกับคำพูดของศิษย์น้องของเขา
“ศิษย์น้องหลิงพูดถูก แต่ฉันก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อหัวใจของฉันได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะไปทำให้ผู้ที่ถูกเลือกไม่พอใจเช่นนี้”
โม่โจวยกดาบขึ้นอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับกิ้งก่าเพลิง
“มาเลยเจ้าขยะ!!”
“หืม? ไหนเสี่ยวฮัวบอกว่ามีสามคนไงละ ทำไมถึงมีแค่คนเดียวเอง?”
หยวนชี้ไปที่โม่โจวที่กำลังต่อสู้กับกิ้งก่าเพลิงอยู่
“พวกเขาหนีออกไปก่อนที่พวกเราจะมาถึงแล้วค่ะ”
เสี่ยวฮัวตอบอย่างใจเย็น
“แล้วเขาคิดว่าเขาจะชนะเหรอ?”
เสี่ยวฮัวส่ายหน้า
“พลังฉีจากฐานการฝึกพลังของเขาเกือบจะเหือดแห้งแล้ว เขาทำได้เพียงแค่ยื้อเวลาไว้ก่อนที่พลังฉีของเขาจะหมดลงก็เท่านั้น”
“เขาเป็นคนแรกที่ฉันได้เจอจนถึงตอนนี้ นอกจากเจ้าเสี่ยวฮัว มันคงน่าเสียดายถ้าฉันจะต้องปล่อยเขาให้ตายที่นี่…”
จู่ๆ หยวนก็กระโดดเข้าต่อสู้ พร้อมกับยกดาบของเขาขึ้น
“ดาบตัดโลหิต!”
ดาบวิญญาณเจาะทะลุเกล็ดเหล็กของกิ้งก่าเพลิงได้อย่างง่ายดาย และแทงทะลุหัวใจของมันโดยตรงทันที หยวนสามารถฆ่ามันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“นายเป็นยังไงบ้าง?”
หยวนถามโม่โจวซึ่งกำลังงุนงงกลับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจ้องมองหยวนเหมือนคนใบ้ ปากเขาอ้ากว้างด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น