ตอนที่ 12 ร่างกายที่ท้าทายสวรรค์

อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์

เสียงประกาศดังขึ้นเหนือท้องฟ้า ในขณะที่หยวนร่ายรำไปรอบๆ อย่างสง่างามโดยใช้ดาบเหล็กในมือของเขาฟันหมาป่าสีเงินสี่ตัวที่อยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ซากศพหมาป่าดิ่งลงสู่พื้น แต่หยวนยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวของดาบ และยังคงร่ายรำสังหารหมาป่าสองตัวที่พยายามวิ่งหนีต่อไป

เสี่ยวฮัวเฝ้ามองหยวนอยู่ห่างๆ ปรบมือเหมือนเป็นผู้ชมที่กำลังดูการแสดงข้างถนน

“การเติบโตของพี่หยวนเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก พี่หยวนเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับน้ำ สามารถเข้าใจทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่ความอ่อนแอของตัวเองไปจนถึงความแข็งแกร่งในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ความสามารถในการใช้ดาบ และการควบคุมพลังฉีของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด”

ทันใดนั้น สายตาของเสี่ยวฮัวก็สั่นไหวด้วยความเสียใจ

“ถ้าพี่หยวนเติบโตมาในสวรรค์ชั้นสูงสุดแทนที่จะเป็นสวรรค์ชั้นล่างก็คงจะดีกว่านี้ เพราะสวรรค์ชั้นล่างนี้ ทั้งคุณภาพของพลังฉี และปริมาณ มันทั้งน้อยและคุณภาพแย่มากจนน่าสงสารเลยทีเดียว…”

หลังจากสังหารหมาป่าสีเงินตัวสุดท้ายแล้ว หยวนก็ดึงแกนมอนสเตอร์ของมันออกมา จากนั้นเขาก็หยิบแกนมอนเตอร์ทั้งหมดที่ได้จากการสังหารตลอดทางออกมานับ

“ได้มาแค่เจ็ดแกนเอง หลังจากที่ฆ่าไปตั้งหลายสิบตัว”

หยวนร้องออกมาด้วยความเสียดาย เนื่องจากแกนมอนสเตอร์ที่ได้นั้นมีจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบกับเวลา และความพยายามอย่างมากในการสังหารมอนเตอร์พวกนั้น

“แกนมอนสเตอร์เจ็ดแกนถือว่าเป็นการล่าที่ประสบความสำเร็จอย่างมากนะพี่หยวน”

เสี่ยวฮัวบอกกับหยวน เมื่อเห็นเขาผิดหวัง

“หากใช้มันอย่างถูกต้อง แกนมอนสเตอร์ทั้งเจ็ดอันนี้สามารถใช้ฝึกฝนพลังได้ถึงหนึ่งเดือนเลยนะ”

“แต่ในกรณีของพี่หยวนนั้น…”

“แค่เจ็ดแกนนี้คงไม่กี่นาทีสำหรับพี่หรอก นับประสาอะไรกับหนึ่งเดือน!”

จู่ๆ หยวนก็โยนแกนมอนสเตอร์ทั้งหมดเข้าปากของเขา และแน่นอนว่านั่นก็ทำให้เสี่ยวฮัวตกใจอีกครั้ง

“พี่หยวน…พี่…”

เสี่ยวฮัวมองหยวนเหมือนเธอเห็นผี สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ และสับสน

“รสชาติเหมือนขนมเลย”

หยวนเลียริมฝีปาก และพูดว่า

“ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีพลังฉีเท่ากับแกนมอนสเตอร์ของกบหยก แต่มันก็ยังมีประโยชน์อย่างมากในการฝึกฝนพลังของพี่”

“พะ…พะ…พี่หยวน…”

เสี่ยวฮัวเรียกหยวน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหลังจากนั้น

“มีอะไรหรอ?”

หยวนมองเสี่ยวฮัวด้วยสายตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทำเหมือนกับว่าตัวเขาไม่รู้ว่าความสามารถของเขาน่าทึ่งขนาดไหน

“เมื่อผู้ฝึกพลังดูดพลังซับฉีภายในแกนมอนสเตอร์ พวกเขาสามารถดูดซับพลังฉีจากแกนมอนสเตอร์ได้ในปริมาณที่จำกัด ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแกนมอนสเตอร์ ที่เขากำลังดูดซับ แต่ยังไงก็ตามแม้แต่แกนมอนสฃเตอร์ระดับสูง ก็สามารถดูดซับพลังฉีได้เพียงครึ่งหนึงหรือน้อยกว่านั้นเพราะส่วนใหญ่พลังฉีอีก 50% จากทั้งหมดจะสลายกลับสู่โลก นี่เป็นกฎที่กำหนดโดยสวรรค์ และไม่สามารถท้าทายได้ แต่…จากสถานการณ์ของพี่หยวน บางทีกายกลั่นสวรรค์ของพี่อาจจะสามารถละเลยกฎนี้ และท้าทายสวรรค์ก็ได้นะ”

เสี่ยวฮัวสั่นสะท้านเมื่อคิดว่าหยวนน่าจะมีร่างกายที่สามารถท้าทายสวรรค์ได้

“ท้าทายสวรรค์งั้นหรอ?”

หยวนนึกถึงร่างกายจริงของเขา

“ถ้าฉันสามารถมีร่างกายแบบนี้ได้ในโลกจริงๆก็คงจะดีสินะ”

หยวนถอนหายใจในใจ ทันใดนั้นเสี่ยวฮัวก็หันศีรษะและสายตาของเธอก็หรี่ลงเล็กน้อย

“พี่หยวน มีคนอยู่ใกล้ๆพวกเรานะ”

‘หืม? คนหรอ? ผู้เล่นหรือ NPC?’

หยวนสงสัย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอคนอื่น นอกจากเสี่ยวฮัว

“มีสามคน ผู้ฝึกวิญญาณระดับเจ็ดสองคน และผู้ฝึกวิญญาณระดับแปดหนึ่งคน พวกเขากำลังต่อสู้กับกิ้งก่าเพลิงระดับสูงสุดอยู่”

“น่าสนใจแฮะ”

หยวนกล่าว

“เราไปดูกันเถอะ”

“อื้ม”

เสี่ยวฮัวตอบรับ

ผู้ชายสองคน และผู้หญิงหนึ่งคน ยืนอยู่ห่างจากกิ้งก่าเพลิงที่มีเกล็ดสีแดงไม่กี่เมตร ซึ่งมีเส้นสีดำแผ่กระจายไปทั่วเหมือนรอยไหม้จากฟ้าผ่า พวกเขามองมันด้วยความกลัว และกังวลใจ ภายใต้เสื้อผ้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาต่อสู้กับกิ้งก่าเพลิงตัวนี้มาสักพักแล้ว แต่ไม่มีใครฝ่าการป้องกันของกิ้งก่าเพลิงตัวนี้ไปได้เลย

“บ้าซะมัด! เกล็ดของมันแข็งพอๆกับเหล็กเลย! พี่ใหญ่โม่พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่พลังฉีของพวกเราจะหมดนะ!”

“พี่รองหวังพูดถูกพวกเราไม่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์ตัวนี้ได้ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้! รีบออกไปกันดีกว่า ก่อนจะสายเกินไป!”

คนที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่ม โม่โจว เขากัดริมฝีปากของเขาในขณะที่มองไปยังกิ้งก่าเพลิงที่อยู่ตรงหน้า เขาใช้เทคนิคทั้งหมดกับกิ้งก่าเพลิงแล้ว แต่ก็ทิ้งเพียงรอยขีดข่วนบนผิวเกล็ดของมันเท่านั้น

“ฉันไม่ไป!”

เขาตะโกน

“พี่โม่โจว!”

อีกสองคนเริ่มกังวลเมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา

“พวกแกทั้งสองคนออกไป! แต่ฉันจะอยู่ที่นึ่จนกว่าไม่ฉันก็กิ้งก่าเพลิงตัวนี้จะตายกันไปข้าง ชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับแกนมอนสเตอร์ของกิ้งก่าเพลิงตัวนี้!”

โม่โจวกัดริมฝีปากของเขาจนเลือดออก และยังมองไปที่กิ้งก่าเพลิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ไม่ว่าฉันจะตายที่นี่ หรือจะกลับไปที่นิกายและตายที่นั่น มันก็ไม่ต่างกัน! ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นฉันจะวางเดิมพันทุกอย่างไว้กับกิ้งก่าเพลิงตัวนี้”

“งั้นก็เชิญพี่ตายที่นี่ไปแล้วกัน! ฉันทำได้แค่สงสารพี่แล้ว!”

ชายอีกนึงพูดก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปจากการต่อสู้

“เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าพี่ไม่ไปทำให้ศิษย์พี่เหรินขุ่นเคือง!”

ผู้หญิงอีกคนพูดก่อนที่ละทิ้งการต่อสู้เช่นกัน ทั้งสองคนไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา ทั้งๆที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี

โม่โจวถอนหายใจกับคำพูดของศิษย์น้องของเขา

“ศิษย์น้องหลิงพูดถูก แต่ฉันก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อหัวใจของฉันได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะไปทำให้ผู้ที่ถูกเลือกไม่พอใจเช่นนี้”

โม่โจวยกดาบขึ้นอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับกิ้งก่าเพลิง

“มาเลยเจ้าขยะ!!”

“หืม? ไหนเสี่ยวฮัวบอกว่ามีสามคนไงละ ทำไมถึงมีแค่คนเดียวเอง?”

หยวนชี้ไปที่โม่โจวที่กำลังต่อสู้กับกิ้งก่าเพลิงอยู่

“พวกเขาหนีออกไปก่อนที่พวกเราจะมาถึงแล้วค่ะ”

เสี่ยวฮัวตอบอย่างใจเย็น

“แล้วเขาคิดว่าเขาจะชนะเหรอ?”

เสี่ยวฮัวส่ายหน้า

“พลังฉีจากฐานการฝึกพลังของเขาเกือบจะเหือดแห้งแล้ว เขาทำได้เพียงแค่ยื้อเวลาไว้ก่อนที่พลังฉีของเขาจะหมดลงก็เท่านั้น”

“เขาเป็นคนแรกที่ฉันได้เจอจนถึงตอนนี้ นอกจากเจ้าเสี่ยวฮัว มันคงน่าเสียดายถ้าฉันจะต้องปล่อยเขาให้ตายที่นี่…”

จู่ๆ หยวนก็กระโดดเข้าต่อสู้ พร้อมกับยกดาบของเขาขึ้น

“ดาบตัดโลหิต!”

ดาบวิญญาณเจาะทะลุเกล็ดเหล็กของกิ้งก่าเพลิงได้อย่างง่ายดาย และแทงทะลุหัวใจของมันโดยตรงทันที หยวนสามารถฆ่ามันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

“นายเป็นยังไงบ้าง?”

หยวนถามโม่โจวซึ่งกำลังงุนงงกลับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจ้องมองหยวนเหมือนคนใบ้ ปากเขาอ้ากว้างด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น