— ตูม! —

มังกรเพลิงสีแดงเข้มพุ่งออกมา ไม่เพียงแต่สัตว์วิญญาณระดับหกตัวนั้นที่โดนมู่เฉียนซีจัดการ สัตว์วิญญาณที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ก็พลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย

พลังความแข็งแกร่งของกระบี่เล่มนี้น่ากลัวยิ่งนัก ทำให้ผู้คนถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กัน พวกเขารู้สึกว่าผู้มีพลังวิญญาณเป็นถึงระดับราชาก็ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของสัตว์วิญญาณในครั้งนี้ด้วย

หลางเทียนกล่าวขึ้นด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “เหอะ! เจ้าเด็กบัดซบ เจ้าอวดดีไปเถอะ การโจมตีครั้งนี้ทำให้พลังวิญญาณของเจ้าหมดลง รอบต่อไปข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะทำอย่างไร เจ้าจะให้คนอื่นมาช่วยปกป้องเจ้าหรือไม่ ?”

แต่สุดท้าย มู่เฉียนซีก็ทำให้หลางเทียนผิดหวังจนได้

มู่เฉียนซีใช้พลังไปจนหมดสิ้น แต่นางก็กินยาวิญญาณระดับสูงเข้าไปไม่น้อย ทำให้พลังวิญญาณของนางกลับคืนมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง

บางคนในกลุ่มนักผจญภัยอิสระเห็นเช่นนี้พลันมุมปากกระตุก “ยาวิญญาณเหล่านั้นอย่างน้อยก็ต้องเป็นยาระดับเจ็ด”

“ข้าเคยเห็นยาระดับเจ็ดมาก่อน นั่นเป็นยาระดับเจ็ดจริงแท้ ไม่ผิดแน่นอน”

“สวรรค์โปรด! เขากินยาระดับเจ็ดเข้าไปเป็นสิบกว่าเม็ด ระ… ร่ำรวยเกินไปแล้ว!”

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ยาของพวกเขา แต่พวกเขาก็รู้สึกเสียดายมันจริง ๆ

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงความเย้ย “ข้าบอกแล้วว่าข้าขายยาวิญญาณ เพราะฉะนั้นยาวิญญาณพวกนี้ข้ามิขาดแคลน”

คำกล่าวของมู่เฉียนซีเป็นความจริงทุกประการ หอหมอปีศาจของนางขายยาวิญญาณ อีกอย่าง นางก็หลอมยาได้ ดังนั้นนางจะกินยาวิญญาณมากเพียงใดก็ย่อมได้

หลังจากที่พลังวิญญาณกลับคืนมาแล้ว มู่เฉียนซีก็เข้าไปในกลุ่มสัตว์วิญญาณอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีสัตว์วิญญาณระดับหกเข้ามาโจมตีมู่เฉียนซีอีกครา พวกเขาก็ไม่เป็นกังวลแล้ว

ในเมื่อสัตว์วิญญาณเหล่านั้นเข้ามายั่วยุมู่เฉียนซีแล้ว สุดท้ายผู้ที่ต้องน่าสังเวชนั้นไม่ใช่นาง ทว่ากลับเป็นสัตว์วิญญาณเหล่านั้นต่างหาก

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

สัตว์วิญญาณนับไม่ถ้วนล้มลงไป กำแพงเมืองทางด้านขวาในเวลานี้มีสัตว์วิญญาณน้อยลง ไม่นานนักก็เหลือสัตว์วิญญาณเพียงไม่กี่ตัว และพวกเขาก็ปิดล้อมการโจมตีของสัตว์วิญญาณกลุ่มที่สองนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนกำแพงเมืองทางด้านซ้าย เวลานี้มีสัตว์วิญญาณน้อยลงแล้วเช่นกัน กลุ่มนักผจญภัยกลุ่มนั้นยังคงต่อสู้กับสัตว์วิญญาณเสมือนว่านี่คือสมรภูมิสงครามนองเลือด

“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”

พวกเขาต่อสู่อย่างสุดกำลังเป็นเวลานาน  ในที่สุดก็ฆ่าสังหารสัตว์วิญญาณเหล่านั้นได้จนหมด ทุกคนต่างก็ทุ่มเทกันจนสุดแรง ในขณะที่ฝ่ายนักผจญภัยอิสระยังมีกำลังเหลือเฟือ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พวกเขาก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก!

หลังจากการต่อสู้รอบที่สองสิ้นสุดลง หลางเทียนก็ออกไปจากกำแพงเมือง การที่เขาออกไปจากกำแพงเมืองเป็นคนแรกของกลุ่มนักผจญภัยเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติยิ่งนัก

ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายเล็กน้อย นางเรียกอู๋ตี้ออกมา “อู๋ตี้ ตามหลางเทียนไป สอดส่องดูว่าเขาจะทำสิ่งใด”

อู๋ตี้ยิ้มพลางตอบรับ “อู๋ตี้รับบัญชานายท่าน”

อู๋ตี้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง บริเวณรอบ ๆ ไม่มีจักรพรรดิแห่งภูตอยู่เลย กอปรกับความรวดเร็วอันแปลกประหลาดของมันแล้ว ไม่มีทางที่ผู้ใดจะรู้ว่ามันลอบตามหลางเทียนไป แม้กระทั่งหลางเทียนเองก็ไม่รู้

ไม่นานนักหลางเทียนก็กลับมา  อู๋ตี้ก็กลับมาเช่นกัน

อู๋ตี้ “นายท่าน โชคดีที่นายท่านให้ข้าตามเขาไป เขาผู้นั้นเลวระยำยิ่งนัก”

“เขาทำอะไรรึ ?!” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

อู๋ตี้ “เขาติดสินบนนักผจญภัยอิสระที่มาสายผู้หนึ่ง ให้นักผจญภัยผู้นั้นโรยผงบางอย่างที่สามารถดึงดูดให้สัตว์วิญญาณคลุ้มคลั่งมาทางกำแพงเมืองด้านขวาให้มากที่สุด”

“เขาอิจฉาที่ฝ่ายของพวกเราจัดการกับสัตว์วิญญาณได้อย่างง่ายดายจึงใช้วิธีสกปรกโสโครกนี้เล่นงานพวกเรา แต่นักผจญภัยผู้นั้นโดนข้าจัดการจนสลบไปแล้ว ภายในเวลาครึ่งชั่วยามเขาจะยังไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ ส่วนผงที่ทำให้สัตว์วิญญาณบ้าคลั่ง อยู่นี่แล้วขอรับนายท่าน”

อู๋ตี้ส่งถุงผงนั้นให้กับมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีรับถุงนั้นมา  เอาออกมาดมเล็กน้อย “เหอะ! ก็แค่ผงยาวิญญาณระดับปฐพี เพียงแต่ผงยาชนิดนี้ต้องเป็นนักปรุงยาเท่านั้นที่จะสามารถทำขึ้นมาได้”

นางรู้ดีว่ากลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนมีนักปรุงยาผู้หนึ่งอยู่เบื้องหลัง เป็นเพราะตอนนั้นที่ได้มีเรื่องกับฮุยหลาง  เรื่องที่เขามาจองห้องให้กับนักปรุงยาผู้นั้น สุดท้ายนางได้ซื้อโรงเตี๊ยมนั้นไว้และไล่ฮุยหลางกับกลุ่มของเขาออกไปจากโรงเตี๊ยม อีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะว่าฮุยหลางเกรงกลัวพลังระดับจักรพรรดิของเถ้าแก่

มู่ฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญาณออกมาจากมิติจำนวนหนึ่ง จากนั้นนางทำเป็นผงยายื่นให้กับอู๋ตี้ “อู๋ตี้ เจ้านำเอาผงยานี้ไปโรยที่กำแพงเมืองทางด้านซ้าย อย่าให้ผู้ใดรู้ตัวเด็ดขาด”

อู๋ตี้ยิ้มพลางกล่าว “ไม่มีปัญหานายท่าน  ว่าแต่นายท่าน ผงนี้มีผลอย่างไรรึ ? หากให้ข้าเดา มันคงจะร้ายแรงกว่าผงยานั่นของพวกเขาแน่นอน”

ถึงแม้ว่าจะเห็นนายท่านทำออกมาอย่างง่ายดาย อู๋ตี้ก็รู้ดีว่าประสิทธิภาพของยานั้นร้ายแรงพอที่จะทำให้คนตะลึงอึ้งตาค้างได้เลยทีเดียวเชียว

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว แต่มันจะเป็นอย่างไรนั้นเดี๋ยวเจ้ารอดูก็รู้เอง”

“ขอรับ ข้าจะไปทำภารกิจที่นายท่านมอบหมายให้สำเร็จโดยเร็ว” เงาร่างสีขาวพุ่งออกไป ตัดผ่านกลางอากาศไปที่กำแพงเมืองทางด้านซ้ายทันที

เวลานี้หลางเทียนไม่รู้เลยว่านักผจญภัยอิสระผู้ที่ตนว่าจ้างได้ถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องผงยาของเขานั้นก็ถูกมู่เฉียนซีจับได้ อีกทั้งมู่เฉียนซียังมอบผงยาที่รุนแรงกว่ามาโรยใส่กำแพงเมืองฝั่งของเขาด้วย

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

หลังจากที่อู๋ตี้โรยผายาเสร็จได้ไม่นานนัก เสียงของสัตว์วิญญาณดังออกมาราวกับเสียงฟ้าร้องก็มิปาน

ผู้นำกลุ่มนักผจญภัยอิสระขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ครั้งนี้น่าจะตัวใหญ่ ทุกคนจงระวังตนเองให้ดี มันน่าจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด”

สำหรับสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด คู่ต่อสู้ของมันคือผู้มีพลังระดับราชาขึ้นไป สำหรับปรมาจารย์ภูตและปรมาจารย์ยุทธ์ หากต่อสู้ด้วยแล้วต้องเป็นอันตรายถึงชีวิตแน่นอน

ในกลุ่มของพวกเขานั้น ผู้มีพลังระดับราชามีน้อยกว่าผู้ที่มีพลังระดับปรมาจารย์มาก ในเวลานี้พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะรับมือแล้ว และต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะหยุดยั้งสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดนี้เอาไว้ให้ได้ อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักผจญภัยในกลุ่มที่มีพลังวิญญาณต่ำกว่าระดับราชาเป็นอันตราย

ในขณะที่พวกเขากำลังเคร่งเครียดอยู่กับศัตรูที่กำลังจะมา กลับพบว่ากลุ่มสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดเหล่านั้นไม่ได้มีทีท่าว่าจะพุ่งไปยังกำแพงทางด้านขวาแต่อย่างใด พวกมันทั้งหมดกลับพุ่งไปทางกำแพงทางด้านซ้ายอย่างบ้าคลั่ง!

แย่แล้ว!

“อ๊าก!” ทางด้านของหลางเทียนมีเสียงตะโกนร้องดังขึ้น

“มันเกิดอะไรขึ้น ? เหตุใดสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดถึงได้พุ่งเข้ามาทางฝั่งพวกเรากันหมด”

ทั้งสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดรวมถึงระดับหก… สัตว์วิญญาณระดับสูงเหล่านี้ต่างก็พุ่งเป้าไปที่กำแพงทางด้านซ้าย ส่วนกำแพงทางด้านขวามีเพียงสัตว์วิญญาณระดับต่ำที่อ่อนแอเท่านั้น

สัตว์วิญญาณเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าสัตว์วิญญาณกลุ่มแรกนัก ดังนั้นพวกเขาจึงรับมือต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ดูเหมือนว่าพวกเราจะอ่อนแอเกินไป เหตุใดสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดเหล่านั้นถึงไม่มาโจมตีพวกเรา ?”

“ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ สัตว์วิญญาณระดับสูงต่างก็พุ่งเข้าไปโจมตีกลุ่มนักผจญภัยเหล่านั้น เห็นทีพวกนั้นจะโชคไม่ดีเข้าแล้ว”

หลางเทียนพยายามครุ่นคิดทว่าคิดเช่นไรก็คิดไม่ออก เขาเป็นผู้ที่ใช้ให้นักผจญภัยอิสระผู้หนึ่งไปโรยผงยาด้วยตัวเขาเอง เหตุใดสัตว์วิญญาณเหล่านี้จึงมุ่งเป้ามาที่พวกเขาได้

มุ่งเป้ามาหาพวกเขาไม่พอ สัตว์วิญญาณที่มาโจมตีล้วนแต่เป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงทั้งนั้น ส่วนสัตว์วิญญาณที่โจมตีนักผจญภัยอิสระ ล้วนแต่เป็นสัตว์วิญญาณระดับต่ำที่อ่อนแอ

“ฮ่า ๆ ๆ” อู๋ตี้หัวเราะชอบใจ

“นายท่านยอดเยี่ยมไปเลย สามารถทำผงยาดึงดูดสัตว์วิญญาณระดับสูงนั้นได้ เช่นนี้ต่อให้พวกมันสงสัยก็คงจะไม่สงสัยพวกเราเป็นแน่ เพราะนายท่านของข้าทำการใดไม่เคยทิ้งร่องรอยเอาไว้”

“ผู้มีพลังวิญญาณต่ำกว่าระดับราชารีบถอยออกไปเร็ว!” หลางเทียนตะโกนอย่างร้อนใจ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้มีพลังต่ำกว่าระดับราชาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อ มิเช่นนั้นแล้วคงมีแต่ตายกับตาย

หลางเทียนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในเวลานี้ เร่งนำพากองกำลังที่มีพลังระดับราชาออกมาต่อสู้กับสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดนองเลือด

อีกทั้งเมื่อเขาเห็นว่านักผจญภัยอิสระทางด้านขวาจัดการกับสัตว์วิญญาณสำเร็จแล้ว ความโกรธของเขายิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น

“จางอี้ พวกเจ้ายังไม่คิดจะมาช่วยกันอีกรึ ?! เจ้าจะยืนดูสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดทำลายเมืองฉู่หรืออย่างไรกัน ?”

.