— ตูม! ตูม! ตูม! —
สัตว์วิญญาณจำนวนมากเข้ามาโจมตี ทำให้ผืนพสุธาสั่นสะเทือน
ในป่าชีชงอันห่างไกล มีกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ดูมืดสนิทกำลังพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พวกมันคือสัตว์วิญญาณ
ฝ่ายของนักผจญภัยอิสระมีผู้แข็งแกร่งนำหน้าอยู่ เขาคือหวางอี้ผู้เป็นราชายอดยุทธ์ระดับเก้า เขากล่าวขึ้นว่า “สัตว์วิญญาณกลุ่มนี้เป็นสัตว์วิญญาณระดับห้าลงมา ไม่ยากในการรับมือนัก ทุกคนไม่ต้องตกใจไป”
เพียงแค่สัตว์วิญญาณระดับห้าลงมา รับมือได้ไม่ยาก พวกเขาไม่หวั่นเกรงอยู่แล้ว
— ปัง! —
สัตว์วิญญาณพุ่งตรงไปที่กำแพง จากนั้นพวกเขาก็ชักอาวุธของตัวเองออกมาทีละอย่าง
การต่อสู้เริ่มขึ้น
สัตว์วิญญาณระดับนี้ ผู้ที่มีพลังระดับปรมาจารย์ภูตก็สามารถรับมือต่อสู้ได้ ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงนั่นก็คือ เจ้าหนูนัยน์ตาเขียวนั้นเร็วกว่าพวกเขา ทั้งยังจัดการกับสัตว์วิญญาณได้รวดเร็วกว่าพวกเขามาก ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกราวกับเจอผีสาง
ทุกที่ที่เจ้าหนุ่มมู่ซีพรวดเข้าไป สัตว์วิญญาณพวกนั้นก็ล้มลงในทันที
ในตอนแรกนั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่านางจัดการกับสัตว์วิญญาณเหล่านั้นได้อย่างไร แม้แต่อาวุธวิญญาณสักชิ้น นางก็ไม่ได้เอาออกมาใช้เสียด้วยซ้ำ!
ทว่าก็มีคนที่สังเกตอย่างถี่ถ้วนและเห็นว่ามู่ซีใช้เข็มเล็ก ๆ บาง ๆ แทงเข้าไปในร่างของสัตว์วิญญาณโดยที่ไม่ให้พวกมันได้รู้ตัว ด้วยเหตุนี้ สัตว์วิญญาณจึงล้มลงไปอย่างน่าประหลาดใจ
สัตว์วิญญาณเหล่านี้ไม่ได้ตาย เพียงแค่หมดสติล้มลงไปก็เท่านั้น
ต้องทราบก่อนว่าสัตว์วิญญาณที่ยังมีชีวิตนั้นมีค่ามากกว่าสัตว์วิญญาณที่ตายไปแล้ว เพราะหากเชิญผู้ฝึกสัตว์วิญญาณมาฝึกให้เชื่อง นั่นก็หมายความว่าจะสามารถขายได้ในราคาที่สูงเสียดฟ้าเป็นแน่
ทั่วทั้งเซี่ยโจว การฝึกสัตว์วิญญาณเป็นที่แก่งแย่งกันยิ่งนัก
โดยทั่วไปแล้วสัตว์วิญญาณเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีเลย ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเก็บสัตว์วิญญาณเหล่านี้เอาไว้ก่อน ถึงแม้ว่านางจะได้ศึกษาวิชาการฝึกสัตว์ที่น่าหลานอวี้มอบให้แล้ว นางก็ยังไม่เคยทดลองฝึกสัตว์ให้เชื่องแม้แต่ครั้งเดียว นางจึงตั้งใจที่จะใช้โอกาสในการแข่งขันล่าสัตว์นี้ หาสัตว์วิญญาณระดับต่ำเพื่อทำการทดลองฝึกสัตว์ดู
— ตูม! ตูม! ตูม! —
มู่เฉียนซีจัดการกับสัตว์วิญญาณเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็วประหนึ่งตัวนางเป็นหุ่นยนต์สังหารก็มิปาน ทำให้นักผจญภัยที่อยู่รอบข้างตกใจจนกล่าวอะไรไม่ออก
สวรรค์! เจ้าหนุ่มผู้นี้เป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ภูตจริง ๆ รึ ? แม้แต่ระดับราชาแห่งภูตก็คงจะไม่ทรงพลังเท่าเขาแน่
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ถึงแม้ว่าทางฝั่งประตูด้านขวาจะมีสัตว์วิญญาณจำนวนมาก ทว่านักผจญภัยอิสระก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ส่วนทางฝั่งประตูด้านซ้าย แม้ว่าคนของกลุ่มนักผจญภัยจะมีมากกว่า เวลานี้พวกเขาก็ยังคงต่อสู้กับสัตว์วิญญาณอย่างบ้าคลั่ง เมื่อหลางเทียนเหลือบไปเห็นว่าฝ่ายของนักผจญภัยอิสระกำลังพักผ่อนอย่างสบาย ๆ เขาพลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบกระอักเลือดออกมา
‘พวกมัน… เหตุใดพวกมันถึงจัดการกับสัตว์วิญญาณได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?’
ถึงแม้ว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้จะอ่อนแอ แต่จำนวนของมันนั้นไม่น้อยเลย การฆ่าสังหารพวกมันทีละตัว ๆ เช่นนี้ทำให้พวกเขาอ่อนแรงลงได้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับจัดการกับสัตว์วิญญาณได้หมดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ทุกท่าน สัตว์วิญญาณเหล่านี้มันจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาน แต่อีกสักประเดี๋ยวสัตว์วิญญาณกลุ่มต่อไปก็คงจะเข้ามาโจมตีพวกเราในอีกไม่ช้า ข้าคงต้องรบกวนพี่ใหญ่ทุกท่านช่วยข้าขนสัตว์วิญญาณเหล่านี้กลับไปให้ข้าด้วย ข้าจะมอบยาระดับสามคนละขวดเป็นค่าตอบแทน”
“หือ ?! ยาระดับสาม” พวกเขาอ้าปากค้างอย่างตระหนกตกใจ
มอบให้คนละขวด พวกเขามีกันตั้งหลายคน หากรวม ๆ กันแล้วมันก็ถือเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
“เจ้าต้องการให้พวกข้าขนไปจริง ๆ รึ ?”
พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าอยู่ ๆ จะโชคดีเช่นนี้
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางตอบ “ใช่ คงต้องลำบากพี่ใหญ่ทุกท่านแล้ว”
พวกเขายิ้มพลางกล่าว “หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเจ้า พวกเราก็คงไม่อาจผ่านการโจมตีครั้งแรกนี้ไปได้ง่าย ๆ พวกเราจะช่วยเจ้าไม่เอาค่าตอบแทน ยาระดับสามเจ้าเก็บเอาไว้เองเถอะ”
ยาวิญญาณระดับสามนั้นช่างดึงดูดใจเสียจริง แต่สิ่งที่พวกเขาช่วย พวกเขาต้องการจะช่วยด้วยน้ำใจจริง พวกเขาไม่ได้มีความโลภเลย
คนมาก กำลังการต่อสู้ก็มาก
มู่เฉียนซีจัดการกับสัตว์วิญาณกลุ่มแรกได้อย่างง่ายดาย นางหยิบเอายาวิญญาณออกมาชุดหนึ่ง “ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่ทุกท่านจะไม่ต้องการ แต่ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าจะตอบแทนก็ต้องตอบแทนให้ได้ การโจมตีของสัตว์วิญญาณกลุ่มต่อ ๆ ไปอาจจะดุเดือดเลือดพล่าน พวกมันอาจจะร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่ใหญ่ทุกท่านควรมียาระดับสามติดตัวเอาไว้ นั่นเท่ากับว่ามีชีวิตอีกสองสามชีวิต มาถึงสถานการณ์เช่นนี้แล้ว พี่ใหญ่ทุกท่านโปรดอย่าปฏิเสธข้าเลย”
“แต่นี่… มันมากเกินไป เช่นนั้นให้พวกข้าคนละเม็ดไม่ดีกว่ารึ ?”
เมื่อเห็นขวดยาเหล่านี้ พวกเขาแทบจะตาลายไปตาม ๆ กัน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “อย่าได้เกรงอกเกรงใจยาที่ข้ามอบให้เลย ข้ามีหอยาสำหรับค้าขายยาวิญญาณเหล่านี้ เพียงยาระดับสามไม่ทำให้ขนหน้าแข้งข้าร่วงหรอก”
มุมปากของพวกเขากระตุกเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นคนขายยามาก่อน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นนั่นก็คือคนขายยาที่ใจกว้างเช่นนี้ต่างหากเล่า
ขวดยาระดับสามถูกส่งออกไปด้วยมือหลายขวด อย่างน้อยที่จวนก็คงจะมีนักปรุงยาหลายร้อยท่านแน่นอนถึงได้ใจกล้าแจกยาระดับสามอย่างสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ได้!
พวกเขาคิดว่า …ต่อให้เป็นนายน้อยของบ้านประมูลอันดับหนึ่งในเซี่ยโจว ก็คงจะไม่ทำเรื่องซี้ซั้วเช่นนี้
มู่เฉียนซี “ถึงอย่างไรแล้วสิ่งที่ข้าให้ไป ข้าไม่เอาคืนอยู่แล้ว พวกท่านใช้ตามต้องการได้เลย”
จากนั้น พวกเขาเริ่มสังเกตการเคลื่อนไหวของเทือกเขาชีชงอย่างระมัดระวัง
พวกเขากล่าวพลางทอดถอนใจ “ไม่ทราบจริง ๆ ว่าเจ้าหนูผู้นี้เป็นนายน้อยผู้ร่ำรวยจากตระกูลใด เขาฟุ่มเฟือยมาก ทว่าก็ใจกว้างอย่างยิ่ง”
“เฮ้อ! แต่จะว่าไปเจ้าหนูนั่นก็มีน้ำใจจริงแท้ เจ้าอย่าดูถูกเขาไป”
“แต่ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเซี่ยโจวจะมีตระกูลยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่ เอายาวิญญาณดี ๆ มาแจกจ่ายประหนึ่งแจกเม็ดถั่ว ต่อให้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งสำนักระดับหนึ่งอย่างสำนักอวิ๋นเยียนก็ไม่กล้าทำเช่นนี้”
พวกเขาตะลึงกับมู่เฉียนซีไม่น้อย และในขณะนี้นั้น ทางด้านของกลุ่มนักผจญภัยก็กำลังจะต่อสู้กับสัตว์วิญญาณสำเร็จแล้ว
เวลานี้ร่างของเจ้าหนุ่มชุดเทาเต็มไปด้วยเลือดเปรอะเปื้อน ทว่านั่นมิใช่เลือดของเขา แต่เป็นเลือดของสัตว์วิญญาณ
กลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนต่างชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าหนุ่มชุดเทาผู้ที่ถูกฮุยหลางเรียกขานว่า ‘เจ้าบ้า’ เจ้าบ้าผู้นี้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มสัตว์วิญญาณและฆ่าสัตว์วิญญาณเหล่านั้นโดยที่ไม่คำนึงถึงอันตรายของตนเองแม้แต่น้อย
จำนวนของสัตว์วิญญาณที่เขาได้ฆ่าไปนั้นไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นระดับจักรพรรดิ เขาแสดงให้ผู้อื่นเห็นแก่สายตาแล้วว่าเขาวิปริตมากเพียงใด
พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่นานนักการสั่นสะเทือนของพื้นดินก็เกิดขึ้นอีกระลอก!
— ครืน! ครืน! —
เสียงดังครืน ๆ นั้นคือเสียงฝีเท้าของฝูงสัตว์วิญญาณกลุ่มที่สอง พวกมันเป็นสัตว์วิญญาณระดับหกลงมา ทว่าก็แค่ระดับหก ไม่ยากต่อการรับมือ
มันไม่คณามือพวกเขาเลย!
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งของนักผจญภัยอิสระรีบดึงดูดความสนใจของสัตว์วิญญาณระดับหกออกไป เพื่อป้องกันไม่ให้ปรมาจารย์ภูตระดับต่ำได้รับบาดเจ็บ
มู่เฉียนซียังคงต่อสู้เหมือนครั้งก่อนโดยการพุ่งเข้าหากลุ่มสัตว์วิญญาณและเริ่มลงมือสังหารมัน!
“โฮก!”
สัตว์วิญญาณระดับหกตัวหนึ่งมีตาแต่หามีแววไม่ มันคิดว่ามู่เฉียนซีที่เป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับต่ำน่าจะรับมือได้ง่าย มันจึงพุ่งโจมตีนาง
นักผจญภัยอิสระเหล่านั้นตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ “เจ้าหนู ระวัง!”
“ให้ตาย! เหตุใดถึงปล่อยให้สัตว์วิญญาณระดับหกเข้าใกล้เจ้าหนูได้”
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะสามารถต่อสู้อย่างก้าวกระโดดและเอาชนะปรมาจารย์ภูตระดับห้าได้ ทว่านี่เป็นถึงสัตว์วิญญาณระดับหก พลังของมันไม่อ่อนแอไปกว่าปรมาจารย์ภูตระดับห้าเป็นแน่ ยากมากที่นางจะรับมือได้
พวกเขารู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก คิดจะไปช่วยเจ้าหนุ่มมู่ซี
หลางเทียนรู้สึกดีใจอย่างมากที่ได้เห็นฉากอันน่าพึงพอใจนี้ เขาคิดในใจ ‘เจ้าเด็กบัดซบนั่นสมควรโดนสัตว์วิญญาณฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ!’
ทว่าสุดท้าย มู่เฉียนซีก็ชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา เปลวไฟสีแดงเข้มดูเหมือนว่าจะกระหายโลหิตขณะที่นางคำราม
“เหยียนหลงพิฆาต!”
.