พวกเขาทั้งสองต่อสู้กันอย่างน่าหวาดเสียวมาหลายยกจนนับไม่ถ้วน ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจ “ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว พลังวิญญาณของพวกเขายังไม่หมดอีกรึ ?”
“โอ้! ความอดทนนี้ถือว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาแห่งภูตเสียอีก”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครทําอะไรใครได้ เช่นนั้นถ้าหากว่าผู้ใดใช้พลังวิญญาณหมดก่อน ผู้นั้นก็จะพ่ายแพ้!
นักผจญภัยที่อยู่รอบ ๆ กล่าวว่า “ทั้งสองคนเป็นพวกวิปริตที่สามารถสิ้นเปลืองพลังได้อย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรเจ้าเด็กหนุ่มชุดเทาผู้นั้นก็ระดับสูงกว่าเจ้าหนุ่มนัยน์ตาเขียวถึงสามระดับ พลังวิญญาณของเขาจะต้องหมดช้าอย่างแน่นอน และหากเจ้าเด็กหนุ่มนัยน์ตาเขียวผู้นั้นใช้พลังหมดก่อน เกรงว่าคงต้องพ่ายแพ้ไป”
พวกเขาเดาได้ไม่เลว มู่เฉียนซีใช้พลังหมดก่อนจริง ๆ เพียงแต่หลังจากใช้พลังหมดแล้ว นางก็ยังสามารถกินยาฟื้นฟูพลังได้
มู่เฉียนซีหยิบขวดยาฟื้นฟูพลังวิญญาณออกมาและกลืนมันลงคอไป เหล่านักผจญภัยเห็นการกระทำนั้น ถึงกับต้องเพ่งตาจ้องมอง
“ยะ… ยานั่น กินกันเช่นนี้เลยรึ ? พวกเราดูผิดแล้วกระมัง!”
“กะ… กรอกลงคอ ยาเม็ดนั่นถูกกินไปเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อก่อนพวกเราคงใช้ผิดวิธีแล้ว”
“ถ้าหากนี่เป็นวิธีที่ถูกต้อง แล้วยังจะมีผู้ใดกินได้อีกหรือไม่ ?”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีกินยาเม็ดเสมือนเป็นลูกอมราคาไม่แพง ผู้นำกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เขากล่าวว่า “บัดซบ! ลืมเตรียมยาให้เจ้าบ้านั่นเสียแล้ว”
เจ้าหนุ่มชุดเทาเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ ผู้นำกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนคิดว่าความสามารถของเจ้าหนุ่มที่เขาส่งไปประลอง มากเกินพอแล้วที่จะต่อกรกับเจ้าเด็กระดับสองผู้นั้น เช่นนั้นแล้วจะเอายาล้ำค่าให้เจ้าหนุ่มชุดเทากินได้อย่างไร แต่ทว่าน่าเสียดาย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าความตระหนี่ถี่เหนียวจะเป็นบ่อเกิดที่ทําให้เขาแพ้เจ้าเด็กนัยน์ตาเขียวนั่น
ช่างน่าเกลียดเกินไปแล้ว!
คู่ต่อสู้ที่มีระดับใกล้เคียงกัน หากเปรียบเทียบการสิ้นเปลืองพลัง เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถแข่งขันกับมู่เฉียนซีที่มียาฟื้นฟูวิญญาณให้กลืนกินได้นับครั้งไม่ถ้วน
หากเทียบกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นทารุณกรรมตัวเองเสียเปล่า ๆ
ความแข็งแกร่งและพลังวิญญาณของเจ้าหนุ่มชุดเทาลดลงอย่างรวดเร็ว หลางเทียนรู้สึกไม่ดีอย่างมาก เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าบ้า ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าแพ้ หากเจ้ากล้าแพ้ก็ลองดูซี่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น เจ้าหนุ่มชุดเทากลับไม่สนใจ แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถพ่ายแพ้ได้
แววตาสงบไร้คลื่นอารมณ์ของเจ้าหนุ่มชุดเทาลุกโชนด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว พลังการต่อสู้อันบ้าคลั่งนี้ทําให้เขาถึงกับมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง
— ฟั่บ! —
“เรื่องบัดซบอันใดกัน ? ฟื้นฟูกลับมาได้แล้วรึ ?”
“ช่างเป็นจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวเสียจริง! ไม่แปลกใจเลยที่ถูกเรียกว่า ‘เจ้าบ้า’ เขาบ้ามากอย่างแท้จริง”
เงาร่างสีขาวและเงาร่างสีเทาปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้งในอากาศ จิตสังหารสองสายปะทะกันทําให้คนรอบข้างรู้สึกเย็นยะเยือก
การต่อสู้ตรงหน้านี้เริ่มดุเดือดขึ้นอีกแล้ว ดูไม่เหมือนการต่อสู้ของคู่เด็กหนุ่มประสบการณ์น้อย แต่มันเหมือนกับการต่อสู้ของสองอัจฉริยะ
ยอดเยี่ยม น่าหวาดกลัว น่าประหลาดใจ…
— ปัง! —
เมื่อพลังวิญญาณปะทะกันอีกครั้ง ทั้งสองคนก็ถอยหลังไปหลายก้าว
“มังกรวารีพิฆาต!”
มู่เฉียนซีต่อสู้กับเด็กหนุ่มชุดเทามาเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าการต่อสู้จะสนุกเพลิดเพลินมากสำหรับนาง ทว่านางก็ตัดสินใจที่จะยุติการต่อสู้ในครั้งนี้ลง หากยังสู้เช่นนี้ต่อไป สู้กันจนถึงฟ้ารุ่งพรุ่งนี้ก็คงไม่จบไม่สิ้นง่าย ๆ …พรุ่งนี้นางจะต้องเข้าร่วมงานล่าสัตว์เสียด้วย
ไอเย็นแผ่กระจายออกมาพร้อมกับอุณหภูมิที่หนาวเย็นจนสามารถทำให้โลหิตแข็งตัวได้
ทุกผู้คนต่างตะลึงลาน เบิกตากว้างมองการประลองตรงหน้า!
“การโจมตีนี้น่ากลัวอย่างมาก!”
พลังอันน่าสยดสยองพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มชุดเทา ต่อให้เขาบ้าคลั่งเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีอันทรงพลังนี้ได้ ทั้งร่างลอยกระเด็นออกไป
— ปัง! —
ทุกคนตะลึงงัน “เด็กหนุ่มนัยน์ตาเขียวผู้นั้นชนะแล้ว เขาชนะแล้ว!”
“ใช่ น่าจะชนะแล้วกระมัง!”
เด็กหนุ่มชุดเทาลุกขึ้นยืน ร่างกายอยู่ในสภาพน่าสังเวช บนร่างยังมีคราบโลหิตเปรอะเปื้อนทว่าเขายังคงพยายามลุกยืนขึ้น
เขาเตรียมจะพุ่งเข้าไปสู้ต่อ ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้แน่!
ในตอนนั้นเอง ท่านเจ้าเมืองเอ่ยปากขึ้น “ข้าบอกแล้วว่าสู้แค่รู้แพ้ชนะ หลางเทียน เจ้ายังไม่หยุดคนของเจ้าอีก หยุดเขาเร็ว!”
หลางเทียนนั้นทราบดีว่าหากเขายังคงก่อเรื่องต่อไป จะเป็นการล่วงเกินท่านเจ้าเมืองอย่างแน่นอน เขาจึงรีบกล่าวขึ้นในทันใด “เจ้าบ้า พอได้แล้ว หยุดลงมือประเดี๋ยวนี้!”
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มชุดเทาบ้าคลั่งผู้นี้ยังคงเชื่อฟังคําสั่งของผู้นำกลุ่มนักผจัญของตน ร่างของเขาพุ่งออกมาโดยไม่สนใจว่าอาการบาดเจ็บบนร่างของตนเองนั้นจะหนักหนาเพียงใด เขารีบกลับไปนั่งที่มุมนั้น และไม่มองใครอีกเลย
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าหนู เยี่ยมยอดอย่างมาก!”
เมื่อมู่เฉียนซีชนะ นักผจญภัยอิสระทุกคนก็คึกคักเจี๊ยวจ๊าว
“ฮ่า! เราชนะแล้ว พวกเราชนะแล้ว”
นักผจญภัยคนแรกที่ออกมาเชิญมู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “ท่านเจ้าเมือง หลางเทียน ดังนั้นพรุ่งนี้ดินแดนทางขวาของเมืองฉู่จะถูกเฝ้าโดยนักผจญภัยอิสระของพวกเรา พวกหลางเทียนไปอีกด้านหนึ่งแล้วกัน”
หลางเทียนและกลุ่มนักผจญภัยคนอื่น ๆ ไม่เต็มใจนัก แต่ใครกันที่ทําให้พวกเขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้
แม้ว่าด้านขวาจะมีสัตว์วิญญาณมากมายและอันตราย ทว่านั่นก็หมายถึงการได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์นานัปการ เดิมทีพวกเขาล้วนคาดหวังมากที่จะได้ไปทางฝั่งนั้น
หลังจากจบการประลองระหว่างมู่เฉียนซีและเด็กหนุ่มชุดเทา งานเลี้ยงนี้ก็ใกล้จะจบลงแล้ว
ท่านเจ้าเมืองกล่าวคํากล่าวสุดท้าย “นักผจญภัยทุกคน คืนนี้พักผ่อนกันให้เต็มที่ พรุ่งนี้งานล่าสัตว์จะเริ่มขึ้น ข้าจะตั้งตารอการแสดงที่กล้าหาญของพวกเจ้า”
พวกเขาพากันตอบว่า “แน่นอนอยู่แล้วท่านเจ้าเมือง ไว้ใจพวกข้าได้เลย”
“ท่านเจ้าเมืองวางใจเถอะ พวกข้าจะไม่ปล่อยสัตว์วิญญาณให้เหลือรอดไปสักตัว ไม่มีทางปล่อยให้พวกมันบุกเข้าไปทำลายในเมืองฉู่เรา”
“พวกเราจะต้องปกป้องเมืองฉู่ไว้ได้อย่างแน่นอน”
หลังจากงานเลี้ยงจบลง นักผจญภัยทุกคนก็รีบไปที่ฐานของพวกเขา และเมื่อออกจากจวนท่านเจ้าเมือง มู่เฉียนซีเห็นใครบางคนรอนางอยู่ข้างนอก นางเลิกคิ้วก่อนจะกล่าวขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ? คนของพวกเจ้าหลางเทียนแพ้ข้าในวันนี้แล้วยังอยากจะมาสู้กับข้าอีกรึ ? หรือว่าพวกเจ้าจะไปด้วยกัน ?”
หลางเทียนกล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าหนู เจ้าอย่าได้ใจเร็วเกินไปนักเลย แม้พวกข้าจะลงมือกับเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าก็อย่าได้หยิ่งผยองจนเกินไปนัก ระวังพรุ่งนี้เจ้าจะตายในสนามรบและถูกสัตว์วิญญาณกลืนกินลงท้อง ถึงตอนนั้นครอบครัวของเจ้าคิดจะเก็บศพให้เจ้าก็คงทําไม่ได้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”
มู่เฉียนซี “ดูเหมือนว่าฝีมือการต่อสู้ของกลุ่มหลางเทียนของพวกเจ้าคงจะมีไม่เท่าความสามารถในการกล่าวถากถางผู้อื่น พวกเจ้าคงมีดีเพียงการพูดพล่ามเท่านั้น มาดูกันว่าพรุ่งนี้ใครจะน่าสังเวชกว่าใคร”
มู่เฉียนซีกลับไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน
……
อรุณรุ่ง
เมื่อเสียงคํารามแรกของสัตว์วิญญาณดังออกมา แตรบนกําแพงเมืองก็ดังก้องกังวาน
นักผจญภัยทุกคนรู้ว่านี่เป็นสัญญาณของอะไร พวกเขาเร่งมุ่งหน้าไปยังประตูตะวันตกของเมืองฉู่ทันที
เวลานี้กําแพงของประตูตะวันตกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย นักผจญภัยอิสระอยู่ทางขวามือ ขณะที่นักผจญภัยแบบกลุ่มอยู่ทางซ้ายมือ
เมื่อนักผจญภัยอิสระพบเงาร่างสีขาวที่คุ้นเคย พวกเขาที่อยู่บนกำแพงเมืองก็โบกมือให้มู่เฉียนซี “เจ้าหนู ทางนี้!”
“มาเร็ว ทุกคนกําลังรอเจ้าอยู่”
เมื่อวานมู่เฉียนซีแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพลังความแข็งแกร่งและพลังการต่อสู้ที่วิปริตนั่นสามารถเอาชนะเจ้าหนุ่มชุดเทาสุดบ้าคลั่งของเทียนหลางได้ สําหรับนักผจญภัยที่ชื่นชอบความแข็งแกร่ง มู่เฉียนซีได้เป็นวีรบุรุษอายุน้อยในใจของพวกเขาไปแล้ว
มู่เฉียนซีพุ่งไปที่กําแพงเมืองราวกับสายลม และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนักผจญภัยอิสระเหล่านี้
หลางเทียนที่ยืนอยู่บนกําแพงอีกด้านชี้ไปที่มู่เฉียนซี เขากล่าวกับเจ้าหนุ่มชุดสีเทา “เจ้าบ้า เด็กหนุ่มนั่นที่เอาชนะเจ้าเมื่อวานนี้ เจ้ายังจำได้หรือไม่ ?”
เด็กหนุ่มชุดเทาพยักหน้า
หลางเทียนจึงกล่าวต่ออีกว่า “วันนี้แม้เจ้าจะต้องตาย เจ้าก็ต้องฆ่าให้ได้มากกว่ามันผู้นั้นเข้าใจหรือไม่ ? แต่ถ้าจะให้ดี ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนฆ่ามันเสียให้ตายตกไป”
.