ตอนที่ 294 เจ้าบ้าสงคราม

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

นักผจญภัยอิสระที่กล้าเข้าไปในเทือกเขาชีชง อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์ภูต ระดับปรมาจารย์ยุทธ์ หากต่ำกว่าระดับนี้ก็จงอย่าได้เข้าไปในป่าชีชงเลย เช่นนั้นมันจะไม่ใช่การผจญภัยแต่จะเป็นการเข้าไปตายอย่างเสียเปล่าแทน

ผู้ที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีแต่มีพลังระดับปรมาจารย์ภูตนั้น แน่นอนว่าในหมู่พวกนักผจญภัยอิสระไม่มีเลยแม้สักคน

ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ คนอื่นยังไม่ไปที่สำนักนิกายครึ่งระดับ และถูกมองเหมือนดั่งบรรพบุรุษ ได้เสพสุขกับสิ่งของดี ๆ  เหตุใดจึงต้องมาทุกข์ทรมานที่เทือกเขาชีชงแห่งนี้ด้วย

กลุ่มนักผจญภัยอิสระนั้นไม่มีใครมาเข้าร่วมเลย พวกเขารู้สึกว่าหลางเทียนกำลังต้องการจะทำให้พวกเขาขายหน้า

ในเวลานั้นเอง มีคนเอ่ยปากขึ้นว่า “คุณชายน้อยผู้นั้น เหมือนจะอยู่คนเดียวกระมัง! อายุของเขาคงจะยังไม่ถึงยี่สิบปี”

ทางด้านของนักผจญภัยแบบกลุ่มนั้น ดวงตาของพวกเขาส่องประกายออกมา  บุรษร่างกายกำยำหลายคนก็ได้เดินมาที่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าหนุ่ม เจ้าอายุยังไม่ครบยี่สิบปีกระมัง ?”

มู่เฉียนซีกล่าวโดยไม่เงยหน้า “ข้าเพิ่งอายุสิบหกปีบริบูรณ์”

“หืม! สิบหก อายุของเจ้านั้นน้อยนัก เหตุใดเจ้าถึงได้มาที่นี่”

เมื่อได้ยินว่ามู่เฉียนซีอายุเพิ่งบรรลุภาวะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เดิมทีที่พวกเขาคิดว่าจะให้นางเป็นคนลงมือ ในตอนนี้พวกเขานั้นลังเลเสียแล้ว

คนของหลางเทียนไม่ใช่คนดีอะไร เด็กหนุ่มเพิ่งจะอายุสิบหกผู้นี้ จะสามารถสู้คนพวกนั้นที่มีแปดถึงสิบคนได้จริงหรือ ?

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “พี่ใหญ่ทุกท่านอยากจะให้ข้าไปสู้กับพวกหลางเทียนแทนนักผจญภัยอิสระใช่หรือไม่ ? ข้าเองก็กำลังนึกอยากจะสู้กับยอดฝีมือรุ่น ๆ ของพวกหลางเทียนอยู่เช่นกัน” มู่เฉียนซีรู้ดีว่าหลางเทียนก่อเรื่องนี้ขึ้น ก็เพื่อจะจัดการกับนาง  นางหาใช่คนโง่งม มีหรือนางจะไม่รู้เท่าทัน

นางจะกลัวได้อย่างไร ? เมื่อพวกนั้นต้องการท้าทาย นางก็ควรลงมาเล่นด้วย

ใครกลัวใครกันเล่า ?

บรรดานักผจญภัยอิสระเหล่านี้ล้วนตกตะลึง มีคนกล่าวถามขึ้น “เจ้าหนุ่ม เจ้าตอบตกลงจริงหรือ ?”

มู่เฉียนซี “อืม นี่เป็นโอกาสสำหรับการออกกำลังที่ข้าผู้นี้ไม่ควรพลาดไป”

นักผจญภัยอิสระหลายคนกล่าวเตือนสติ ใบหน้าทาบทาความไม่สบายใจ “เช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้มากสักหน่อย หากมีอันตรายใด เจ้ารีบถอยออกมาก็พอแล้ว แพ้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” พวกเขานั้นเลือกที่จะกล่าวอย่างตรงไปตรงมา  แม้ในใจพวกเขาไม่ใคร่จะชอบพวกกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนและอยากเอาชนะพวกนั้นก็ตามที

มู่เฉียนซีค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน  ก้าวเดินไปยังพื้นที่โล่งตรงกลาง สายตาของนางจับจ้องมองคนของหลางเทียน แล้วจึงกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง “ตัวแทนฝั่งนักผจญภัยอิสระคือข้า ตัวแทนของพวกเจ้าล่ะ อยู่ที่ใดรึ ?”

ฮุยหลางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่ ท่านยังคงร้ายกาจ เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ติดเบ็ดแล้ว”

“เจ้าบ้า ไปซี่ ไปฉีกมันให้เป็นชิ้น ๆ!” หลางเทียนกล่าวกับผู้ที่นั่งก้มหน้าอยู่ด้านหลังของนักผจญภัยอิสระ

เมื่อเด็กหนุ่มผู้นั้นได้ยินคำสั่งของหลางเทียน ร่างของเขาก็ได้พุ่งเข้าไปราวกับเสือดาวกระโดดทะยาน

มู่เฉียนซีมองไปที่เด็กหนุ่มชุดเทาที่อยู่ตรงหน้าของนาง ดวงตาของเขานั้นช่างดูเงียบเหงาทอประกายหม่นเศร้า ไม่มีคลื่นอารมณ์อันใดเลย

เมื่อทุกคนได้เห็นเด็กหนุ่มผู้นี้ต่างก็ตะลึงงัน “พวกหลางเทียนได้รับคนมารวมกลุ่มใหม่อีกคนแล้ว ไม่รู้ว่าคนใหม่ผู้นี้อยู่ระดับใด”

“อย่างน้อยก็คงเป็นระดับปรมาจารย์ภูต เจ้าก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้กฎของพวกหลางเทียน”

“สายตาของเจ้าเด็กหนุ่มนี่ ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน ดูหม่นเศร้าเคล้าความหงอยเหงาพิกล”

ท่านเจ้าเมืองกระแอมในลำคอเพื่อเรียกความสนใจมาที่ตนก่อนจะประกาศขึ้นว่า “เอาล่ะ ในเมื่อได้ตัวแทนครบทั้งสองฝั่งแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มการประลองได้ แต่ประเด็นสำคัญคือประลองกันเอาแค่ให้รู้แพ้ชนะก็พอ อย่าทําให้ต้องได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต”

เมื่อได้ยินคํากล่าวของท่านเจ้าเมือง เด็กหนุ่มชุดเทาก็พุ่งตรงไปยังมู่เฉียนซี ดาบปลายโค้งพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซีในทันที  เริ่มลงมือก็จะฆ่าแกงกันแล้ว!

— ฟึ่บ! —

“เด็กหนุ่มผู้นี้มาจากที่ใดกัน ? เป็นปรมาจารย์ภูตระดับห้า ข้ามองไม่ผิดไปใช่หรือไม่ ?”

เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มชุดเทามีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทุกคนต่างทอดถอนใจ

ท่านเจ้าเมืองก็ได้กล่าวเตือนก่อนแล้วว่าประลองเอาเพียงแค่รู้แพ้รู้ชนะ  แต่เด็กหนุ่มผู้นี้… กลับใช้กระบวนท่าสังหารในทันทีที่เริ่มต้น ท่านเจ้าเมืองมองฮุยหลางอย่างไม่พอใจ

ฮุยหลางหัวเราะ “เจ้าเด็กนี่ข้ารับมาใหม่ ข้ายังไม่ได้สั่งสอน ท่านเจ้าเมือง นี่ไม่ใช่ความผิดของข้าจริง ๆ นี่เป็นเพียงนิสัยของเขาเท่านั้นเอง แต่ไม่ต้องกังวล เขาจะไม่ฆ่าเจ้าเด็กตาเขียวสุกใสนั่น”

เมื่อคมดาบของเด็กหนุ่มชุดเทานั้นกําลังจะเข้าไปถึงจุดสําคัญร้ายแรงของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็หลบหลีกการโจมตีของเขาได้ในทันที

ลมหนาวเย็นยะเยือกพัดมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มชุดเทาไล่ตามมู่เฉียนซีอย่างดุเดือดไม่ลดละ

“มังกรวารีพิฆาต!” มู่เฉียนซีก็ไม่ได้เกรงใจเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้  นางใช้กระบวนท่าของปรมาจารย์ภูตธาตุวารีออกมาอย่างคล่องแคล่ว

มังกรวารีสีฟ้ายาวพุ่งตัดผ่านอากาศ ตรงไปยังชายหนุ่มชุดเทา!

— ตูม! —

เสียงอันรุนแรงดังขึ้น

และทุกคนก็ต้องตกใจอีกครั้ง “ปรมาจารย์ภูตระดับสอง จอมภูตธาตุวารี!”

“เจ้าเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้ สรุปแล้วมาจากที่ใดกัน ?!”

“แต่เจ้าเด็กนัยน์ตาเขียวผู้นี้แค่ระดับสอง หากจะเอาชนะเจ้าเด็กชุดเทาระดับห้านั่นได้ มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย”

— ปัง! —

ทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้ง แต่ไม่มีใครแพ้ใคร

หลังจากผ่านการต่อสู้ระดับสาม มู่เฉียนซีเริ่มมีประสบการณ์ นางสามารถจัดการกับเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ แต่นางกลับรู้สึกถึงอันตรายจากดวงตาสีดําสนิทนั่นของเขา!

มันดูอันตรายราวกับสัตว์ป่าร้ายกระหายเลือด

— ชิ้ง! —

แขนของมู่เฉียนซีขยับ พลันมีกระบี่มังกรเพลิงปรากฏขึ้นในมือของนาง

— ฟึ่บ! —

“กระบี่สนิม!”

“เจ้าเด็กนั่นทําอะไรกัน ?! ออกมาผจญภัยก็ไม่รู้จักนำเอาอาวุธวิญญาณดี ๆ มา กระบี่สนิมเล่มนี้ดูจะหักได้ทุกเมื่อ จะสามารถใช้ต่อสู้ได้รึ ?”

ปลายกระบี่มังกรเพลิงระเบิดแสงสีแดงออกมา ปราณสังหารอันรุนแรงพลันกระจาย  ทุกผู้คนที่ชมดูอยู่ตกตะลึง

นี่เป็นกระบี่สนิม แต่คงไม่ใช่กระบี่ธรรมดาแน่นอน กระบี่ธรรมดาไม่มีทางมีพลังถึงเพียงนี้

เมื่อเผชิญหน้ากับการท้าทายของกระบี่มังกรเพลิง เด็กหนุ่มชุดสีเทาผู้นี้นั้นดูราวกับกระบี่ล้ำค่าคมกริบที่ถูกชักออกจากปลอก ดวงตาที่ดูไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใด ๆ ของเขา  ทันใดนั้นส่องประกายของความเป็นศัตรูอันตรายออกมา

มู่เฉียนซีรู้สึกว่าการต่อสู้ในครั้งนี้นางจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น จึงพุ่งร่างเข้าไป ตะโกนอย่างโหดเหี้ยมว่า “บุปผาหลั่งสายฝน!”

การโจมตีที่ราวกับสายฝนตกหนัก แต่เด็กหนุ่มชุดเทาผู้นี้กลับสามารถเดินในสายฝนได้อย่างง่ายดาย จิตสังหารอันตรายกระจายออกมา พุ่งเข้าหามู่เฉียนซี ดาบปลายโค้งตัดผ่านอากาศ มันพุ่งตรงไปที่คอของมู่เฉียนซี!

มู่เฉียนซีในร่าง ‘มู่ซี’ หันหน้าหนีอย่างรีบเร่ง ดาบปลายโค้งเฉี่ยวไป มันตัดผ่านผมสีเขียวบางส่วนและร่วงหล่นลง กระบี่มังกรเพลิงแทงตรงไปที่ลําคอของนางอย่างไม่เกรงใจ

ชายหนุ่มชุดเทาเคลื่อนถอยหลังไปหลายก้าวราวกับสายฟ้าฟาด และหลบหลีกการโจมตีของกระบี่มังกรเพลิง

ทุกคนถอนหายใจ หลายคนกล่าวว่า “โอ้สวรรค์! ช่างน่าหวาดเสียวดีแท้”

“อีกเพียงนิดเดียว  นิดเดียวทั้งสองคนคงต้องจบเห่เสียแล้ว”

เมื่อครู่ทั้งสองเกือบได้รับอันตรายถึงชีวิตจากการเข้าต่อสู้ ดวงตาของพวกเขานั้นไร้ซึ่งความกลัวใด ๆ  กลับกันกับเหล่าผู้ชมดูที่อยู่รอบ ๆ  พวกเขาตกใจจากการต่อสู้เป็นอย่างมาก

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป เด็กหนุ่มทั้งสองคนสามารถเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารร้ายแรงที่ถึงแก่ชีวิตได้อย่างใจเย็น ทำให้เหล่านักผจญภัยที่รอดชีวิตจากความตายในเทือกเขาชีชงรู้สึกเหงื่อตกและอับอายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ไม่ทราบเลยจริง ๆ ว่าเจ้าเด็กสองคนนี้โผล่มาจากที่ใดกัน

ความแข็งแกร่งของเขานั้นระดับห้า ซึ่งสูงกว่ามู่เฉียนซีถึงสามระดับ การสู้ข้ามขั้นสามระดับนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่หากว่าเจอเข้ากับผู้ที่ห่างกันสามระดับแล้วมีประสบการณ์เช่นนี้ มันไม่ง่ายเลยสำหรับมู่เฉียนซี แต่นางรู้สึกว่าตัวนางเมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มที่กำลังเผชิญหน้าอยู่นั้น นางยังมีไพ่ตายดี ๆ ที่ยังนำออกมาใช้ได้

.