ตอนที่ 293 ยั่วยุในคืนงานเลี้ยง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีรับจดหมายเชิญมาก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบใจสำหรับจดหมายเชิญ ฝากขอบคุณท่านเจ้าเมืองแทนข้าด้วย”

“ข้าน้อยจะบอกท่านเจ้าเมืองให้ขอรับ”

มู่เฉียนซีพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่ได้ซื้อเอาไว้

มีนักปรุงยาอย่างมู่เฉียนซีอยู่ด้วย ร่างกายของอวี้เอ๋อร์ดีขึ้นทุกวัน ๆ  แน่นอนว่าเถ้าแก่อารมณ์ดีขึ้นในทุก ๆ วันเช่นกัน

“โฮก!”

สัตว์วิญญาณในป่าชีชงเริ่มออกอาละวาด ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม ทว่าก็ยังได้ยินเสียงคำรามของสัตว์วิญญาณจำนวนมากอย่างชัดเจน

สัตว์วิญญาณในป่าชีชงดูเหมือนว่าจะกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานนักก็มีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่าในวันพรุ่งนี้ สัตว์วิญญาณเหล่านี้จะออกอาละวาดไปทั่ว

เจ้าเมืองเร่งให้ผู้ฝึกตนทุกคนมารวมตัวกัน  การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับสัตว์วิญญาณกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

เถ้าแก่ “เจ้าหนุ่ม เจ้าจะเข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์วิญญาณในครั้งนี้จริง ๆ รึ ? การออกอาละวาดของสัตว์วิญญาณในครานี้รุนแรงกว่าร้อยปีที่ผ่านมามากนัก ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่หากเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนั้นแล้ว ข้าเกรงว่าเจ้าจะได้รับอันตราย”

มู่เฉียนซี “ข้ารู้ดี เถ้าแก่วางใจเถอะ”

เวลานี้หน้าจวนเจ้าเมืองมีนักผจญภัยเดี่ยวและนักผจญภัยเป็นกลุ่มเกาะกลุ่มกันอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาแต่ละคนมีพลังอันแข็งแกร่งยิ่ง ทั้งยังล้วนต้องการต่อสู้เพื่อเอาสัตว์วิญญาณมาอวดโอ้กันในการแข่งขันครานี้

เจ้าเมืองแห่งเมืองฉู่เป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีความสง่าและดูอ่อนโยน เขาเดินออกมา  กล่าวขึ้นว่า “ข้ามีความปีติยินดีอย่างยิ่งที่วันนี้ได้เห็นทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้เพื่อพิทักษ์เมืองฉู่ ในปีนี้นอกจากสัตว์วิญญาณของเทือกเขาชีชงจะออกอาละวาดอย่างรุนแรงแล้ว เมืองฉู่ก็มีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องปกป้องเมืองฉู่ให้ดีที่สุด…

และในค่ำคืนนี้ ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่จวนเพื่อเลี้ยงตอบแทนนักรบของเรา”

ทุกคนกล่าวด้วยความยินดีพร้อม ๆ กัน “ขอบคุณท่านเจ้าเมือง”

เมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้น มู่เฉียนซีในฐานะแขกรับเชิญก็เข้าไปในจวนเจ้าเมือง สวนหลังจวนเจ้าเมืองในเวลานี้เต็มไปด้วยที่นั่งมากมาย

บุปผาเบ่งบานงดงามราวกับสตรีที่มีความโดดเด่นงดงาม มองดูแล้วสวยงามสบายตา

ผู้ผจญภัยหลายคนเข้าไปนั่งประจำที่ เจ้าเมืองยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าขอประกาศว่า งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้”

“เฮ!”

นักผจญภัยเหล่านี้ ส่วนมากเป็นผู้ที่กระตือรือร้นและกล้าหาญมาก งานเลี้ยงนี้จึงเต็มไปด้วยความครึกครื้น แต่มู่เฉียนซีกลับนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ในมุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆ

ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีอยากจะอยู่เงียบ ๆ  สตรีหลายคนก็สังเกตเห็นบุรุษผู้รูปงามจนไม่อาจบรรยายได้นั่งอยู่ในมุมนั้น

ท่าทางการยกจอกเหล้านั้นช่างดูงดงามมีเสน่ห์จนทำให้ผู้คนที่เห็นต่างก็หลงใหล จนในที่สุดก็มีสตรีนักผจญภัยผู้ใจกล้าผู้หนึ่งเดินเข้าไปทักทาย ‘มู่ซี’

สตรีใจกล้าผู้นี้มีรูปร่างที่งดงามอย่างมิอาจเปรียบได้ นางยิ้ม กล่าวว่า “หนุ่มน้อย มิทราบว่ามีผู้ใดดื่มเป็นเพื่อนเจ้าหรือไม่ ให้ข้าดื่มเป็นเพื่อนเจ้านะ”

มู่เฉียนซียิ้ม “แม่นาง ไม่รบกวนเจ้าดีกว่า ข้าชอบอยู่คนเดียว”

“นั่งดื่มคนเดียวน่าเบื่อจะตายไป สู้ให้ข้านั่งดื่มเป็นเพื่อนเจ้าน่าจะสนุกกว่า” แม่นางผู้นี้ไม่กล่าวเฉย ๆ นางขยับเข้าใกล้มู่เฉียนซีอย่างใจกล้า

มู่เฉียนซีรีบหลีกเลี่ยงแม่นางผู้นี้ แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกได้!

มีคนจำนวนไม่น้อยสังเกตเห็น เหล่าบุรุษทั้งหลายต่างก็กัดฟันด้วยความอิจฉาที่บุรุษผู้นี้มีหญิงงามเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน  พวกเขาต้องการเป็นบุรุษที่มีหญิงงามเข้าหาเช่นนี้บ้างทว่าก็ไม่มีสตรีใดมาสนใจ

เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้โชคดีเสียจริง!

เวลานี้ฮุยหลางที่นั่งอยู่กับกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนเหลือบมองเจ้าหนุ่มมู่ซี เขากัดฟัน กล่าวด้วยความเคียดแค้นคับใจ “พี่ใหญ่ เจ้าเด็กผู้นี้ เจ้าเด็กผู้นี้นี่ล่ะที่ข้าอยากจะสังหารมัน อยากจะขยี้มันจริง ๆ”

หลางเทียนผู้เป็นผู้นำกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนกล่าวขึ้นว่า “ฮุยหลาง เจ้าหุนหันพลันแล่นเกินไป เด็กหนุ่มผู้นั้นมีผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิคอยหนุนหลังอยู่ หากมันพากันมาฆ่าพวกเรา เรามีแต่เสียกับเสีย”

ฮุยหลาง “แล้วจะปล่อยให้มันอวดดีเช่นนี้ต่อไปอย่างนั้นรึ ? แม้แต่แม่นางคนงามผู้นั้นก็ยังไปสนใจเจ้าหนุ่มนั่น”

หลางเทียน “เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่เห็นกลุ่มผจญภัยหลางเทียนของพวกเราอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ข้าไม่ปล่อยมันไปง่าย ๆ แน่ เพียงแต่เราจะต้องทำทุกอย่างอย่างไร้ร่องรอย เพื่อไม่ให้ใครสืบสาวราวเรื่องได้ว่าพวกเราเป็นคนฆ่ามัน”

สุดท้ายแม่นางที่เข้าหามู่เฉียนซีผู้นั้นก็ถูกมู่เฉียนซีปฏิเสธไป  ทว่าจากนั้นกลับมีหญิงสาวพราวเสน่ห์หลายคนต้องการท้าทายมู่เฉียนซี  ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างก็จนปัญญา

เด็กหนุ่มรูปงามอย่างไร้ที่ติที่เพิ่งเติบโตกลับมีเสน่ห์ดึงดูดหญิงงามได้มากกว่าบุรุษวัยกลัดมันอย่างพวกเขา ช่างเป็นเรื่องที่หักหน้ากันชัด ๆ!

เมื่อมู่เฉียนซีเห็นว่าตนเองกำลังจะตกเป็นศัตรูหัวใจกับเหล่าบรรดาบุรุษนักผจญภัยทั้งหลาย นางจึงกระซิบข้างหูหญิงงามผู้นั้น “แม่นาง อย่ามัวเสียเวลากับข้าเลย แท้ที่จริงแล้วข้าชอบบุรุษ  อืม… ข้าชอบบุรุษเท่านั้น”

หญิงงามผู้นั้นถึงกับผงะไป นางเบิกตากว้างมองดูใบหน้าบุรุษรูปงามผู้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า ไม่เปล่งเสียงเอ่ยคำใดและหันหลังเดินจากไปทันที

ก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีปฏิเสธหญิงงามคนอื่น ๆ อย่างสุภาพ และก่อนหน้านี้ก็ไม่มีผู้ใดร้องห่มร้องไห้เพราะถูกปฏิเสธ  เมื่อหญิงงามผู้นี้ร้องไห้เดินจากไป ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ต่างก็พากันไปถามไถ่นาง

สุดท้ายสายตาของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันที หญิงงามเหล่านั้นมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาราวกับเป็นเพื่อนสตรีด้วยกัน  สายตาหลงใหลเมื่อครู่แปรเปลี่ยนกลายเป็นสายตาที่มองด้วยไมตรีจิตอันดี เพียงแต่ไม่อยากเข้าใกล้นางแล้วเพราะกลัวว่านางจะเสียหาย

งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

หลางเทียนลุกยืนขึ้นมากล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้นอกจากดื่มด่ำสุราเมรัยก็ไม่มีสิ่งใดน่าตื่นเต้นเลย ข้าว่าพวกเรากลุ่มนักผจญภัยกับนักผจญภัยอิสระมาประลองฝีมือกันจะดีหรือไม่ ?”

เจ้าเมือง “ประลองฝีมือรึ ? คงจะไม่ส่งผลดี  วันพรุ่งก็จะเป็นวันแข่งขันการล่าสัตว์แล้ว หากคืนนี้ประลองกันแล้วมีคนได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นมา วันพรุ่งเราจะเสียกำลังคนในการสู้รบเอาได้”

หลางเทียน “เพียงแค่ประลองฝีมือกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่บาดเจ็บง่าย ๆ หรอกท่านเจ้าเมือง  อีกอย่าง มันเป็นเพียงการประลองกันเท่านั้น คงจะไม่ส่งผลต่อพลังความแข็งแกร่งอะไรมากนัก”

การประลองระหว่างกลุ่มนักผจญภัยกับนักผจญภัยอิสระ…

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ระหว่างกลุ่มนักผจญภัยกับนักผจญภัยอิสระนั้นมีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาไม่น้อยเลย การเข้าร่วมกลุ่มนักผจญภัยสามารถลดความเสี่ยงอันตรายลงได้มาก อีกทั้งการร่วมมือกัน ผู้ใดก็ทราบดีว่ามันสามารถช่วยให้พวกเขาทุกคนทำภารกิจให้สำเร็จเสร็จสิ้นเร็วขึ้นอีกด้วย

ทว่านักผจญภัยอิสระนั้นมีอิสรภาพมากกว่า เสี่ยงอันตรายแต่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เจ้าเมือง “หลางเทียน พวกเจ้าคิดจะประลองกันอย่างไรรึ ?”

หลางเทียน “กลุ่มผจญภัยของเรามีผู้เข้าร่วมใหม่ เป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุด ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบแปด ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นผู้ผจญภัยที่อายุน้อยที่สุด พวกข้าจะให้เขาลงประลอง ส่วนนักผจญภัยอิสระก็ส่งคนที่มีอายุไล่เลี่ยกันลงมาประลองเป็นอย่างไร ?”

“คนหนุ่มเหล่านี้ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากพอ ต่อให้วันพรุ่งออกสนามรบจริงก็ไม่อาจออกกำลังได้มากนัก คืนนี้ให้พวกเขาได้มาประลองฝีมือกันสักตั้ง ดูว่าผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน ฝ่ายชนะจะได้เฝ้าประตูเมืองด้านขวา เพราะฝั่งนั้นมีสัตว์วิญญาณแข็งแกร่งอยู่เป็นจำนวนมาก”

เจ้าเมือง “ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ของเจ้า ไม่ทราบว่าฝ่ายของนักผจญภัยอิสระจะส่งผู้ใดลงมาประลองครั้งนี้ ?”