“ห้ะ เด็กนั่นเป็นคนทำเจ้ารึ”

เมื่อเห็นสภาพลูกชายชองตนที่ยับเยินไม่ต่างจากหมูตรงหน้า รองผู้นำตระกูลเจียง เจียงหวู่ ก็ได้ขมวดคิ้วแน่น

“ขอรับ เป็นมัน ไอ้เศษขยะนั่นใช้วิธีการบางอย่างทำให้ตัวมันทรงพลังขึ้นมา ข้าว่า…ข้าว่ามันกลับมาบ่มเพาะได้อีกครั้งแล้ว”

เจียงหมิงพยักหน้ารับ พร้อมกับน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

เจียงหวู่ที่ด้ยินก็จิบชาไปทีหนึ่ง ก่อนจะปรากฎรังสีฆ่าฟันขึ้นมาบนใบหน้า “ไม่ พวกเราต้องรีบลงมือ นายน้อยที่ไม่มีอะไรดีนั่นต้องรีบถูกกำจัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

เมื่อเจียงหมิงได้ยินก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยและรอยยิ้มพึงพอใจ “พรุ่งนี้ ในวันพรุ่งนี้จะมีการประกาศเทศกาลล่าสัตว์ประจำตระกูล ถ้าไอ้ขยะนั่นกล้าที่จะเข้าร่วม ข้าจะนำคนที่ฝีมือดีไปจัดการมันโดยไม่ให้ผู้คนรู้ตัว”

“ดี”

….

“ติ้ง….ท่านกินปลาปีศาจไม่มีระดับ พลังวิญญาณน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ค่าสถานะธาตุน้ำเพิ่มขึ้น พลังบ่มเพาะธาตุน้ำเพิ่มขึ้น”

“ดิ้ง…เส้นชีพจรยุทธของท่านแข็งแกร่งขึ้น”

“ดิ้ง…ระดับบ่มเพาะของท่านแข็งแกร่งขึ้น”

“ดิ้ง….ท่านกินไก่ปีศาจไร้ระดับ…”

ในขณะที่กำลังกินอย่างมีความสุขอยู่นั้น เจียงหยวนก็ได้เผยรอยยิ้มร่าขึ้นมาบนใบหน้า ขณะหยิบของที่ระบบของเขายังไม่เคยลิ้มรสเข้าปากไป

เฉียวเว่ยที่เห็นเจียงหยวนราวกับผีอดอยากปากแห้งนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วถามออกมา “นายน้อย ท่านค่อยๆกินก็ได้นี่นาเดี๋ยวท่านจะสำลักเอานะ นี่ ซุปเจ้าค่ะ”

เจียงหยวนได้ส่ายมือไปมาในขณะที่กิน ก่อนจะพูดออกมา “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่าเฉียวเว่ย เจ้าเองก็กินด้วยสิ วัยกำลังกินกำลังโตแบบเจ้าต้องกินเข้าไปเยอะๆ นอกเสียจากว่าเจ้าไม่อยากจะโตไปมากกว่านี้ล่ะนะ”

เฉียวเว่ยที่ได้ยินก็มีแก้มแดงระเรื่อ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเขินอาย “นายน้อย ท่านแกล้งข้าอีกแล้วนะ”

“จริงสิ นายน้อย วันพรุ่งนี้จะเป็นฤดูกาลล่าสัตว์ของตระกูลของเรา คนของตระกูลที่เกลียดชังท่านเพราะความโดดเด่นของท่านจะต้องก่อการแน่ๆ ท่านต้องระวังตัวเอาไว้นะเจ้าคะ”

เจียงหยวนที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “พวกนั้นก็แค่ระดับฝึกหัดไม่ใช่รึไง ช่างมันเถอะน่า ข้าเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง แถมยังเกือบจะเป็นยอดยุทธมาแล้วนะ ข้าจะทำให้พวกมันยอมศิโรราบต่อข้าในวันพรุ่งนี้เนี่ยแหล่ะ”

เมื่อเห็นว่าเจียงหยวนกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง เฉียวเว่ยก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและไม่มีข้อกังขาแม้แต่น้อยพูดออกมา “อื้ม นายน้อย ทำได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”

หลังจากมื้อค่ำเสร็จสิ้น เฉียวเว่ยก็เดินออกไป

เจียงหยวนได้นำสมุนไพรตัวยาต่างๆที่ได้รับเมื่อเย็นออกมา

“เริ่มการหลอมยา”

เพียงสิ้นเสียงของเจียงหยวน วงกลมที่มีอักขระต่างๆก็ได้ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือซ้ายและขวาของเขา อักขระเหล่านี้ได้เปล่งประกาย พร้อมๆกับมีเปลวไฟปรากฎขึ้นมาตรงหน้าของเขา

ไม่นาน ลวดลายอักขระต่างๆก็ได้ก่อรูปขึ้นมาเป็นเตาปรุงยา ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเจียงหยวน

ต้องรู้กันก่อนว่าวิธีการหลอมยาของเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุล้วนแล้วต้องทำผ่านเตาปรุงยาทั้งหมดทั้งสิ้น ส่วนวิธีการที่เจียงหยวนกำลังใช้อยู่นี้ เป็นวิธีการที่หายสาบสูญไปแล้ว วิธีนี้ถูกใช้โดยเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุในสมัยโบราณกาล

ดังคำกล่าวที่ว่าการหลอมยาก็คือการปรุงยาที่ดึงพลังฟ้าดินออกมาจากตัวยาแล้วบีบอัดให้กลายเป็นเม็ด หรือก็คือ วิธีการปรุงยาขึ้นอยู่กับพลังฟ้าดินที่ใช้

โลกในตอนนี้แทบจะไม่เหลือใครที่ใช้วิธีการนี้ได้อีก แต่ระบบก็ยังมอบวิธีการหลอมยาแบบนี้ให้เขาราวกับของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้

ในตอนนี้ มือของเจียงหยวนยังคงขยับไปมาอย่างไม่หยุด นี่ทำให้อุณหภูมิของเตาปรุงยาที่เกิดจากอักขระได้เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างที่สุด เป็นเพียงที่อักขระเหล่านั้นมีท่าทางราวกับจะปริแตก เจียงหยวนจึงได้หยุดการเคลื่อนไหวของมือของตน

เขาได้ขยับมือซ้ายของตัวเองเล็กน้อย และนี่ทำให้มีพลังฟ้าดินได้ห่อหุ้มสมุนไพรตัวยาต่างๆของเขาเอาไว้แล้วถูกโยนเข้าไปในเตาอักขระของเขาพร้อมๆกัน

หากคนอื่นมาเห็นเขาในตอนนี้ พวกเขาจะต้องผงะหงายหลังอย่างแน่นอน เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การปรุงยาจะต้องมีระดับขั้นในการปรุงยา แล้วพวกเขาจะกล้าทำเรื่องบ้าๆอย่างที่เจียงหยวนทำที่โยนตัวยาและสมุนไพรทั้งหมดลงไปในเตาที่อุณหภูมิสูงล้ำแบบนี้ได้ยังไง