บทที่ 9 ให้ข้าเก็บเอาไว้

ข้าแค่อยาก “กิน” อย่างเงียบๆ

หลังจากที่เจียงหยวนได้ใส่สมุนไพรตัวยาต่างๆลงในเตาแล้ว ไฟจากสี่ทิศทางของปากปล่องเตาปรุงยาได้พ่นออกมาอย่างร้อนแรง พร้อมกับอุณหภูมิที่สูงล้ำกำลังกลั่นตัวยาอยู่ภายในเตา

เมื่อเห็นพลังวิญญาณที่ร่องรอยออกมาจากภายในเตาอย่างช้าๆ เจียงหยวนได้กวาดมือขวาของตนที่เต็มไปด้วยอักขระที่แปลกประหลาดออกไป และนี่ทำให้เตาปรุงยาที่เกิดจากอักขระได้สั่นสะเทือนอย่างน่าหวาดหวั่น

ในตอนนี้ เปลวไฟกำลังห่อหุ้มและผลักดันตัวยาสมุนไพรต่างๆจนหลอมรวมกัน

“รวบรวมเปลวไฟ”

เจียงหยวนที่ในตอนแรกหลับตานิ่งได้เปิดตาขึ้นมา พร้อมกับเตาปรุงยาที่เกิดขึ้นจากอักขระต่างๆได้แตกกระจายจนเหลือเปลวไฟที่ดูร้อนแรงกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงกลางกำลังลังผสมรวมตัวยาทั้งหมดที่มี

“เสร็จแล้ว”

เมื่อสิ้นคำ เปลวไฟดังกล่าวได้หายไป เตาปรุงยาจากอักขระที่เคยคงอยู่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงแค่ก้อนเม็ดยาสามก้อนที่มีรวดลายประหลาดลอยอยู่กลางอากาศ

“สูตรยาเม็ดสมบูรณ์นี่มันสุดยอดจริงๆ ทำให้ข้าได้รับเม็ดยาระดับสูงสุดมาได้แบบนี้”

เจียงหยวนได้คว้าเม็ดยารวมพลังทั้งสามนี้เอาไว้และพูดออกมา

-ไม่สิ-

-หากเม็ดยาทั้งสามนี้ถูกขายออกไปล่ะก็ การที่อยู่ๆเม็ดยาระดับสูงนี่ปรากฎขึ้นมาในเมืองเล็กๆแบบนี้ ย่อมต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน-

-และสุดท้าย ผู้คนจะจับจ้องมาที่เขาอีกครั้ง-

-คนที่ละโมบย่อมชักนำเภทภัยมาสู่ตัว-

-อย่างการที่ชีพจรของข้าที่ถูกขโมยไปก่อนหน้า นั่นคือบทเรียนอย่างดี-

หลังจากจ้องมองไปที่เม็ดยาทั้งสามตรงหน้า เจียงหยวนก็จมจ่อมอยู่ในห้วงความคิด เป็นตอนนี้ที่จุดลมปราณของเจียงหยวนได้เชื่อมต่อให้กับพลังวิญญาณที่ร่องลอยออกมาจากเม็ดยา และเพียงชั่วพริบตา พวกมันก็ได้หายไป

เม็ดยาระดับสูงหายไปต่อหน้าต่อตาเจียงหยวน

พระอาทิตย์ยามเช้าได้สาดส่อง

“หยวนเอ๋อร์ อย่าได้เข้าร่วมกับเทศกาลล่าสัตว์ในวันนี้เลยนะ พ่อเองก็อยากจะให้เจ้าได้รับทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ดีที่สุดไปก็จริง แต่…”

เจียงเหวิ่นในตอนนี้ดูแก่ชรากว่าเมื่อวานมากมายนักแม้จะผ่านมาแค่วันเดียวก็ตาม แม้แต่แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงและสง่างามมาโดยตลอด ในตอนนี้ก็ยังโค้งงอลงเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าพ่อของตนกำลังจะพูดบางสิ่งออกมา เจียงหยวนกลับถามตัดคำพูดของพ่อของตนในทันที “เป็นอะไรรึเปล่าขอรับ ท่านพ่อ ถ้าท่านพ่อมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถิด ข้าไม่โกรธท่านหรอก แต่ยังไงซะ กาลล่าสัตว์ในวันนี้ ข้าต้องเข้าร่วมให้ได้”

หลังจากฝืนใจแข็งแล้ว เจียงเหวิ่นได้กัดฟันแน่นก่อนจะพูดออกมา “เจ้าพอที่จะยกเม็ดยารวมพลังให้เป็นรางวัลของงานเทศกาลในวันนี้ได้หรือไม่”

“ได้สิ”

เจียงหยวนพูดตอบรับออกมาอย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะส่งเม็ดยารวมพลังเม็ดหนึ่งที่เขาหลอมขึ้นมาเองกับมือออกไป และไม่คิดจะบอกพ่อของตนว่านี่เป็นเม็ดยาที่เขาหลอมขึ้นมาเอง

“เด็กน้อย…มันเป็น…ข้าขอโทษ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และเมื่อวานนี้…เป็นความผิดของพ่อ…”

เจียงเหวิ่นในตอนนี้มีร่างกายที่สั่นระรัวในขณะที่ยื่นมือไปหยิบเม็ดยาล้ำค่า ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำตระกูล สำหรับเขาแล้ว ความอับอายและถูกข่มเหงรังแกในครั้งนี้มันได้สร้างบาดแผลทางจิตใจให้เขาอย่างมากจนไม่อยากจะทนอีกต่อไป

ในอีกทางหนึ่งนั้น บาดแผลทางใจของเขาก็เกิดจากแรงกดดันจากบรรดาผู้อาวุโสภายในตระกูลและน้องชายของเขาถูกอ้างเหตุผลว่าเขามีลูกชายที่ไม่ได้เรื่อง

“ท่านพ่อ ไม่เป็นอะไร หากเป็นของๆข้า ข้าย่อมคว้ามันมาเอาไว้ด้วยตัวเอง”

เจียงหยวนพูดพลางตบไหล่ของพ่อของตน ในตอนนี้ไหล่ของสองพ่อลูกได้สูงเสมอกันแล้ว

“ลูก….”

….

“ดูนั่นสิ นั่นมันไอ้ขยะไม่ใช่เหรอ เมื่อวานมันก่อเรื่องไว้งามหน้ามากเลยนี่นา ทำถึงขั้นไปถอนหมั้นกับว่าที่ฮูหยินถึงที่บ้าน ฮ่าฮ่าฮ่า แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่เศษขยะอยู่ดีล่ะนะ”

“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าเม็ดยารวมพลังของมันที่ได้รับก็ยังถูกนำมาเป็นรางวัลของวันนี้อีกด้วยนะ”

“เจ้าขยะนี่ช่างน่าอดสูจริงๆเลยนะว่าอย่างนั้นรึเปล่า”

“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าไอ้ขยะนี่เล่นงานเจียงหมิงเมื่อวานนี้ ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องลวง”

เจียงหยวนที่ยังคงนิ่งเงียบได้รับฟังเสียงพูดคุยของผู้คนโดยรอบที่ชี้มาที่เขาและพูดต่างๆนานา ในขณะที่เขาเดินหน้าตรงไปเรื่อยๆ

“ไอ้ระยำ ในวันนี้ข้าจะทำให้มันตกตายอย่างสาสม”

เจียงหมิงพูดออกมาในทันทีที่เห็นว่าเจียงหยวนปรากฎอยู่ในสายตาของตน