ซูหวานหว่านแอบสะกดรอยตามทั้งสองคนไป และฟังสิ่งที่สองแม่ลูกพูดคุยกัน

“หากจะพูดถึงร้านอาหารในเมืองนี้ที่อร่อยที่สุด มันก็จะต้องเป็นร้านอาหารเจวียเซ่ออยู่แล้ว! ในเมืองนี้ไม่มีร้านอาหารร้านไหนที่ดังเท่าร้านเจวียเซ่อ! ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใดมันก็อร่อยและดังมาก! พี่สาวของเจ้า…ไม่ใช่สิ ก่อนหน้านั้นนังวิญญาณชั่วร้ายนั่นพาข้ามากินอาหารที่นี่ ราคาของมันสูงมากและก็น่ากินมาก…” แม่เจิ้นพูดออกมา

“ท่านแม่ ท่านจะพูดถึงนางขึ้นมาอีกทำไม จากนี้ไปข้าจะเป็นคนสร้างบ้านให้กับท่านเอง ทำให้ท่านได้กินของดี ๆ!” นางกล่าวอย่างโกรธเคือง

“ใช่ ใช่ ใช่! เจ้านี่ช่างเป็นเด็กดีของแม่จริง ๆ!” แม่เจิ้นรีบตอบรับทันที นางรู้สึกกลัวเล็กน้อยขึ้นมาภายในใจ จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

เมื่อทั้งสองได้เดินมาถึงร้านอาหารเจวียเซ่อ ซูเสี่ยวเหยียนก็พูดกับผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “พี่ชาย ข้ามีบางอย่างที่อยากจะมานำเสนอขาย มันสามารถช่วยทำความสะอาดขจัดคราบน้ำมันได้อย่างง่ายดายเมื่อใช้ล้างจาน และมันยังช่วยขจัดคราบน้ำมันบนเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย! ได้โปรดเรียกผู้ดูแลร้านออกมาให้ข้าที ข้าอยากที่จะคุยกับเขา…”

ยังพูดไม่ทันจบประโยค ผู้ชายคนนั้นก็จ้องมองไปที่แม่เจิ้น เขารู้สึกคุ้นหน้าของนางมากและจำได้ว่านางคือแม่ของซูหวานหว่าน พลันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องที่หลานของตนเล่าให้ฟังขึ้นมาได้ ชายหนุ่มเอ่ยขัดซูเสี่ยวเหยียนขึ้นมาทันที และโบกมือไล่ออกมาพร้อมกับพูดว่า “ไป ไป ไป! ไสหัวออกไปซะ ต่อให้เจ้ามีของดีแค่ไหน ร้านของเราก็ไม่รับซื้อหรอก!”

ซูหวานหว่านเป็นคนที่ดีมากในสายของทุกคนในร้านอาหารเจวียเซ่อ ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดีเท่านั้น อีกทั้งยังเพิ่มเงินให้สูงมากอีกด้วย! คนดี ๆ เช่นนี้ถูกฆ่าไปแบบนั้น! มีหรือที่พวกเขาจะไม่รู้สึกโกรธเคือง?

สีหน้าของซูเสี่ยวเหยียนเต็มไปด้วยความโกรธ ชายคนนั้นจึงพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ไสหัวออกไปซะ! อย่ามายุ่งกับร้านอาหารของเรา!”

สีหน้าของซูเสี่ยวเหยียนแดงก่ำไปด้วยความโกรธ

ส่วนซูหวานหว่านนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ทางเข้าประตูของร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เพราะเกรงว่านังหญิงสาวบ้าผู้ชายอย่างซูเสี่ยวเหยียนจะเห็นเข้า เมื่อเห็นซูเสี่ยวเหยียนเดินเข้าไปในร้าน ซูหวานหว่านจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเดินเข้าไปซ่อนตัวในร้านอาหารอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็พลันโค้งตัวทำตัวเคารพนางแล้วเดินตามนางไป

“ตาไม่มีแวว! ต่อไปข้าจะเป็นคนที่รวยมหาศาลให้ดู” ซูเสี่ยวเหยียนกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธ

แม่เจิ้นได้ฟังคำพูดนั้นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ “เสี่ยวเหยียน พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ในเมื่อขายมันไม่ได้ พวกเราก็เอากลับไปใช้เอง”

นางสามารถหาเงินได้มหาศาลหากนางขายสิ่งนี้ได้! เหตุใดนางถึงต้องไม่ขายมัน? ซูเสี่ยวเหยียนเดินเข้าไปอย่างโกรธเคือง พร้อมกับหาที่นั่งลงและสั่งอาหารจานใหญ่มาห้าจาน หากแต่ก็ไม่มีใครสนใจนาง คนที่เข้ามาในร้านอาหารทีหลังนั้นได้อาหารหมดแล้ว รวมถึงซูหวานหว่านที่กำลังนั่งกินมันอย่างเอร็ดอร่อย!

“ผู้ดูแลร้านอยู่ที่ใด! ไปเรียกเขาออกมา เหตุใดอาหารของโต๊ะข้าถึงยังไม่มาเสียที!” ซูเสี่ยวเหยียนตบไปที่โต๊ะด้วยความโกรธและพูดออกมาเสียงดัง

ซูหวานหว่านที่กินอิ่มแล้วพลันยืนขึ้นและหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน ตอนนี้ได้เวลาแล้ว นางมองดูสบู่ในมือของซูเสี่ยวเหยียนและพูดว่า “ของสิ่งนี้มันจะขายได้ราคาเท่าไรกันเชียว? ถึงได้หยิ่งยโสมากขนาดนี้!”

“สิ่งนี้…” ซูเสี่ยวเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สิ่งนี้มันเรียกว่าสบู่ ข้าทำขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หากแต่ใช้แล้วกลับมีประโยชน์อย่างมาก”

หลังจากนั้นนางก็จ้องไปที่ซูหวานหว่านและสัมผัสใบหน้าสีแดงของตัวเอง นางจะไม่มีวันลืมเลยว่านางเคยถูกซูหวานหว่านซึ่งอยู่ในร่างผู้ชายตบหน้า!

“เจ้าทำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ?” ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว “สิ่งนี้มันดูมันเยิ้ม และสกปรก แน่นอนว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร”

“จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร!” ซูเสี่ยวเหยียนพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ “สบู่นี้ข้าทำขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยข้านั่นนำน้ำกลั่น และน้ำมันหมู และส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไป มันจะสกปรกตรงไหน!”

น้ำกลั่นเหรอ?

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและมั่นใจมากว่าซูเสี่ยวเหยียนคนคือยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติมา!

สบู่นี้มันใช้ดีก็จริง แต่…ซูหวานหว่านแสยะยิ้มเย็นชา มองดูผู้ดูแลหลิวที่วิ่งเข้ามาแล้วพูดว่า “อย่าเสียเวลาเลย ผู้ดูแลหลิวเขาไม่ซื้อสบู่ของเจ้าหรอก เพราะ…ข้าเป็นเจ้าของที่นี่”

“เฮอะ! เจ้าน่ะรึเจ้าของร้านแห่งนี้ แม่ของข้าเคยบอกว่าเจ้าของร้านที่นี่คือคุณชายถัง ไม่ใช่แซ่เป่ยฉวน!” ซูเสี่ยวเหยียนพูดเยาะเย้ยออกมา

ทันใดนั้นผู้ดูแลหลิวก็เดินเข้ามาและพูดว่า “ใครเป็นคนเรียกข้า”

เมื่อเห็นผู้ดูแลหลิวเดินเข้ามา ซูเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ถามเรื่องว่าทำไมพนักงานถึงไม่นำอาหารมาให้นาง แต่นางกลับแนะนำว่าสบู่ของตัวเองว่าดีอย่างไร

อย่างที่ทุกคนรู้ว่าซูหวานหว่านได้ทำสบู่ธรรมดาจำนวนมากเอาไว้ใช้สำหรับล้างจานอาหารที่ร้านเจวียเซ่อ ส่วนสบู่ของซูเสี่ยวเหยียนนั้นนอกจากผู้ดูแลหลิวจะไม่รับซื้อมันแล้ว! ครอบครัวตระกูลซูผู้ดูแลหลิวก็เกลียดมากเช่นกัน!

“ไป ไป ไป ไสหัวออกไปซะ! ตระกูลซูของพวกเจ้าอย่ามาที่นี่อีก! ต่อไปร้านอาหารของเราจะไม่รับซื้ออะไรจากพวกเจ้าอีก! แม้แต่จะเข้ามารับประทานอาหารในร้านอาหารของเราก็ไม่ได้! พวกเราไม่ต้อนรับ!” ผู้ดูแลหลิวพูดออกมาอย่างหมดความอดทน

“เจ้า!” นางคิดไม่ถึงเลยว่าที่ร้านอาหารเจวียเซ่อจะไม่ร่วมมือกับพวกนางเป็นเพราะซูหวานหว่าน! ซูเสี่ยวเหยียนโกรธมาก และต้องการจะอธิบายอะไรบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านดังขึ้นจากประตูหน้าร้าน “เด็กในร้านไปไหนกันหมด? เร็วเข้า! ข้าเก็บพริกสด ๆ มาแล้ว!”

เมื่อผู้ดูแลหลิวได้ยิน เขาก็รีบสั่งให้เด็ก ๆ ไปดูแลทันที จากนั้นก็บอกว่า “สำหรับเขานั้นคิดหนึ่งชั่งต่อสิบเหรียญ! ถือว่าไม่น้อยไปสำหรับราคารับซื้อนี้!”

การปฏิบัติต่อผู้อื่นของซูหวานหว่านั้นแตกต่างกันมาก แต่เมื่อปฏิบัติกับพวกนาง…

นางรู้สึกเกลียดนัก! นางอุตส่าห์ทำมาถึงขนาดนี้ นางไม่เชื่อว่าตนจะมีชีวิตที่ดีกว่าซูหวานหว่านไม่ได้!

ซูเสี่ยวเหยียนครุ่นคิดไปสักพัก นางก็ลากแม่เจิ้นออกไปด้วยความโกรธจัด

เมื่อเห็นแบบนี้ ผู้ดูแลหลิวก็พูดออกอย่างมีความสุขว่า “ไปดีมาดี ข้าไม่ขอส่งนะ!”

ซูหวานหว่านลูบคางตนเองแผ่วเบาพร้อมกับใช้ความคิดของตัวเอง ครั้งนี้ซูเสี่ยวเหยียนมาคุกคามนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ซูหวานหว่านตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไรนางในตอนนี้ แต่ถ้าต่อไปซูเสี่ยวเหยียนต้องการที่จะยั่วโมโหนางก่อนแล้วล่ะ…งั้นก็แปลว่านางรนหาที่ตายเอง!

ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองไม่เห็นฉีเฉิงเฟิงเลยตลอดครึ่งวันที่ผ่านมา ซูหวานหว่านกำลังจะเดินออกไปนอกร้าน แต่ถูกผู้ดูแลหลิวเดินเข้ามาหาพร้อมกับหยิบกระดาษจำนวนมากออกจากแขนเสื้อของตัวเองแล้วพูดว่า “คุณชายเป่ย แม่นางซูนั้นได้ยกหุ้นส่วนของร้านนี้ที่มีอยู่ถึงครึ่งหนึ่งให้แก่ท่าน ต่อไปข้าจะให้ทั้งต้นทุนและกำไรแก่ท่าน ท่านสามารถดูสัญญาฉบับนี้ได้ว่ามีข้อผิดพลาดประการใดหรือไม่ หากไม่ท่านก็สามารถลงรายมือชื่อในสัญญานี้ได้เลย”

“ผู้ดูแลหลิวไม่เคยทำงานผิดพลาด ดังนั้นข้าไม่ต้องอ่านมันหรอก” ซูหวานหว่านพยักหน้าและยิ้มออกมา ในขณะที่นางกำลังจะลงชื่อ พ่อครัวก็วิ่งเข้ามาและเดินไปหาผู้ดูแลหลิว “ผู้ดูแลหลิว! ตอนนี้ในร้านอาหารของพวกเราไม่มีเกลือเหลืออยู่แล้ว!”

“เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้สั่งให้หลินจือไปซื้อเกลือมา เขาไม่ได้ซื้อกลับมาเหรอ?” ผู้ดูแลหลิวพูดขึ้น

ซูหวานหว่านมองสถานการณ์จากด้านข้าง แล้วก็นึกได้ว่านางเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายมาก่อน ดังนั้นจึงได้พูดออกมาว่า “ข้าเพิ่งเดินผ่านร้านเจียงเจียหมี่และเห็นเขาเดินเข้าไปในร้าน ข้าคิดว่าเขาน่าจะโดนร้านเจียงเจียหมี่ซื้อตัวไปแล้ว ไม่ต้องรอเขาหรอก ส่งคนอื่นไปซื้อมาแทนเถอะ”

ผู้ดูแลหลิวทำตามคำสั่งทันที ซูหวานหว่านขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างได้ เมื่อต้นเดือนก่อนนางซื้อเกลือขวดใหญ่เอาไว้สองขวด ซึ่งมันน่าจะพอใช้ได้ถึงตอนนี้ แล้วทำไม…

ว่าแล้วซูหวานหว่านก็ได้ใช้พลังวิเศษถามนกนางแอ่นที่ทำรังอยู่ใต้ชายคานอกประตูร้าน ทำให้นางรู้เรื่องราวทุกอย่างทันที ปรากฏว่าหลินจือนั้นได้ลักลอบนำเกลือออกไป! ผลของมันก็คือตอนนี้ไม่มีเกลือเหลือแล้ว!

แต่ว่าร้านขายเกลือนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แน่นอนว่าจะซื้อเกลือกลับมาได้โดยเร็ว ซูหวานหว่านจึงนั่งรอเกลืออยู่ด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย

ไม่นานนักเด็กในร้านที่ถูกส่งไปซื้อเกลือก็กลับมา แต่ท่าทางของเขาดูโกรธมาก จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านขายเกลือเดินตามเขามา ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดอะไร หวังหยวนที่เป็นผู้ดูแลร้านขายเกลือก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าไม่มีเกลือเหลือเลย? ร้านของเรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะส่งเสบียงให้!”

ผู้ชายคนนั้นพูดต่อ “เกลือหนึ่งหรือสองถุงของเจ้านั้นจะต้องใช้เงินในการซื้อหกสิบเหรียญ!”

“เจ้าบ้าไปแล้วรึ? ช่วงนี้ราคาเกลือค่อนข้างแพงมากก็จริง แต่นั่นมันราคาสูงเกินไปนะ”

หลังจากนั้นหวังหยวนก็หัวเราะออกมาจนตาแทบจะปิด แล้วพูดบอกผู้ดูแลหลิวกับซูหวานหว่านว่า “พวกท่านทั้งสอง หากพวกท่านต้องการซื้อเกลือของข้า ต้องเป็นราคานี้เท่านั้น! แต่ว่าร้านที่ขายเกลือในเมืองนี้ก็มีแต่ร้านของข้าเท่านั้น! ข้าจะดูสิว่าพวกท่านจะทำอย่างไร”

“แล้วที่สำคัญ” ซูเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ตอนไหนไม่รู้ยิ้มแล้วพูดว่า “หากเจ้าต้องการซื้อเกลือ เจ้าก็ต้องซื้อสบู่ของข้าด้วย เพราะพวกเราทำงานร่วมกัน เมื่อพวกเราคุ้นเคยกันแล้ว ต่อไปราคาของมันอาจจะถูกลงก็ได้นะ”

“พวกเจ้าขายมันแพงเกินไป เห็นได้ชัดว่ากำลังเอาเปรียบร้านอาหารของพวกเราอยู่!” ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันทำลายร้านอาหารของนาง!

“แล้วอย่างไรเล่า? หากไม่มีเกลือร้านอาหารของเจ้าก็จะไม่สามารถทำอาหารได้! ยังไม่ยอมก้มหัวให้พวกเราอีกอย่างงั้นหรือ?!” ซูเสี่ยวเหยียนมองไปที่ซูหวานหว่านอย่างยั่วยุและพูดออกมา “คุณชายเป่ย หากท่านนั้นยืนเฉย ๆ ให้ข้าตบสักทีสองที ข้าอาจจะช่วยพูดให้หวังหยวนลดราคาขายเกลือให้ท่านก็ได้นะ!”