แท้จริงแล้วก็โกรธที่ตนเองถูกตบหน้านี่เอง!

ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะ หญิงสาวในร่างชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปหาซูเสี่ยวเหยียนด้วยท่าทีกดดัน ทำให้อีกฝ่ายผงะถอยหลังไป ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงเจรจาต่อรองกับข้าเช่นนี้!”

หลังจากกล่าวกับนางจบ ซูหวานหว่านก็หันไปพูดกับผู้ดูแลหลิว “นี่ถือเป็นคำสั่ง นับตั้งแต่วันนี้ไปภายในสัปดาห์นี้ หากลูกค้าคนใดนำเกลือมาเองหนึ่งชั่ง พวกเขาจะได้รับอาหารซึ่งทำจากดอกไม้นำไปทอดและปลาสองชิ้นไปโดยไม่ต้องเสียเงิน”

“ขอรับ” ท่าทางของเป่ยฉวนเฟิงหลิวคล้ายกับซูหวานหว่านมาก ผู้ดูแลหลิวจึงเชื่อใจเขาแบบไร้ข้อกังขา เขาหันไปสั่งเด็กในร้านให้เตรียม พู่กัน หมึก และกระดาษมาทันที จัดการเขียนมันลงบนกระดาษและนำไปแขวนไว้ที่หน้าร้าน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนซูเสี่ยวเหยียนและหวังหยวนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ!

เหล่าลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านอาหารที่ได้สั่งอาหารไปแล้ว แต่อาหารยังไม่ถูกยกขึ้นมา เมื่อพวกเขารู้เรื่องนี้เข้าก็กลับไปเอาเกลือที่บ้านของตนทันที และเมื่อคนอื่น ๆ รู้ข่าวจึงนำเกลือมาด้วยเช่นกัน พ่อครัวที่อยู่ในครัวจึงทำอาหารได้ไม่หยุดมือ

เมื่อเห็นทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้ซูเสี่ยวเหยียนจึงเอ่ยออกมาอย่างโกรธเคือง “เจ้าคิดว่าเจ้าทำแบบนี้แล้วมันจะแก้ไขสถานการณ์เรื่องที่ร้านเจ้าขาดเกลือได้อย่างงั้นรึ?”

“ใช่ ๆ” หวังหยวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เพียงข้าประกาศออกไปว่าไม่ขายเกลือให้กับพวกเขา พวกเขาก็กลัวเกลือที่บ้านจะหมด ต่อไปพวกชาวบ้านก็จะไม่นำเกลือมาให้กับร้านอาหารของเจ้าแล้ว!”

การขายเกลือนี้ถูกควบคุมโดยทางการมาโดยตลอด และในเมืองนี้พ่อค้าเกลือรายใหญ่เพิ่งจ้างหวังหยวนมาช่วยขายเกลือที่เมืองนี้ หากหวังหยวนไม่ขายเกลือ มีหรือที่พวกเขาจะไม่รับรู้ ซูหวานหว่านหัวเราะพลางชูสามนิ้วออกมาด้วยท่าทางหยิ่งผยอง “เจ้ากล้าไม่ขายอย่างงั้นรึ? คิดว่าประชาชนที่นี่จะไม่กล้าก่อความเดือดร้อนหรืออย่างไร? เมื่อประชาชนไปร้องเรียนเรื่องนี้ต่อท่านนายอำเภอ ข้าจะคอยดูสิว่าพ่อค้ารายใหญ่เขาจะไม่กล้าไล่เจ้าออก!”

“เจ้า!” หน้าอกของหวังหยวนกระเพื่อมขึ้นลง “เจ้ามันเจ้าเล่ห์นัก! ถ้าเช่นนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน! ข้าจะขายเกลือให้ร้านอาหารของเจ้า! 1 ชั่งต่อ 20 เหรียญ!”

คิดว่านางยังต้องการที่ซื้อเกลือจากเขาอยู่อีกหรือ?

นางจะไม่มีวันยอมให้คนเห็นแก่ตัวประสบผลสำเร็จแน่!

ซูหวานหว่านยิ้มออกมา “ต้องขออภัย ร้านอาหารของเราไม่จำเป็นต้องซื้อเกลือจากเจ้า แทนที่จะซื้อเกลือจากเจ้าเปลี่ยนมาแลกของกับลูกค้าจะไม่ดีกว่าหรอกรึ? ต่างคนต่างได้รับประโยชน์ และผลพลอยได้คืออาจจะทำให้ชื่อเสียงของร้านอาหารของเรานั้นดังยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้”

หวังหยวนเกิดอาการกังวล “เจ้า…พวกเรานั้นมีสัญญาร่วมกัน! หากเจ้าทำเช่นนี้ข้าต้องร้องเรียนเจ้า!”

“เจ้าเป็นคนปรับขึ้นราคา และทำผิดสัญญาเองก่อน หากเจ้าร้องเรียนร้านของเรา เจ้าลองบอกสิว่าผู้ใดจะต้องเป็นคนจ่ายค่าชดเชย ข้ายังไม่ได้เรียกค่าชดเชยจากเจ้าเสียด้วยซ้ำ รีบไสหัวออกไปซะ!” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกับส่งสัญญาณมือเพื่อเรียกผู้คุ้มกันร้านออกมา

หวังหยวนถึงกับตกตะลึงทันที เพราะตอนนี้เขาได้สูญเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างร้านอาหารเจวียเซ่อไปแล้ว เขาจ้องมองไปที่ซูเสี่ยวเหยียนพร้อมกับตบหน้าของนาง ทำให้ใบหน้าของนางบวมแดงเสมอกันทั้งสองข้าง

ซูหวานหว่านเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา “อย่ามาทำพฤติกรรมต่ำทรามเช่นนี้ที่ร้านข้า หากอยากทำก็ไปทำที่อื่นเสีย ร้านอาหารเราไม่ชอบพฤติกรรมที่ทำตัวเหมือนหมาข้างถนนแล้วมาต่อรองเรื่องเงิน”

ซูเสี่ยวเหยียนในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทว่าร่างกายกลับสั่นสะท้านด้วยโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของซูหวานหว่าน นางแทบจะข่มอารมณ์ตัวเองไม่อยู่อยากจะเข้าไปตบอีกฝ่ายสักหนึ่งที แต่ก็มีสิ่งที่ค้ำคอเตือนนางเอาไว้ว่า ‘เป่ยฉวนเฟิงหลิว’ นั้นเป็นคนที่เฉลียวฉลาด!

เมื่อเห็นว่าพวกเขาทะเลาะกันเองแบบนี้ ผู้คุ้มกันร้านที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงจับพวกเขาทั้งสองโยนออกไปนอกร้านทันที ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ซูเสี่ยวเหยียนได้สติ รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งหนีไป!

“นังผู้หญิงสารเลว! ไหนเจ้าบอกว่าถ้าทำแบบนี้แล้วร้านอาหารเจวียเซ่อจะยอมทำตาม! แต่…เจ้ากลับกล้าที่จะวิ่งหนีข้าไปง่าย ๆ แบบนี้อย่างงั้นรึ? เจ้าจะต้องจ่ายเงินชดเชยมาให้ข้า!” หวังหยวนพูดออกมา เขาจะไม่ปล่อยให้ซูเสี่ยวเหยียนหนีไปได้แน่นอน! เขารีบวิ่งไล่ตามนางอย่างรวดเร็ว!

เมื่อเห็นสุนัขสองตัวกำลังกัดกัน ซูหวานหว่านก็พบว่ามันช่างน่าขบขันสิ้นดี

เมื่อนางนึกถึงแม่เจิ้นที่ไม่ได้ติดตามซูเสี่ยวเหยียนมาด้วย เปลือกตาของซูหวานหว่านพลันกระตุกขึ้นมา เร่งใช้พลังวิเศษของนางถามนกที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ ก็ได้รับรู้ว่าแม่เจิ้นนั้นกำลังจะไปที่ร้านแลกตั๋วเงินเพื่อไปเอาเงินที่นางฝากเอาไว้ก่อนหน้านี้กลับมา

แม่เจิ้นคงยังไม่รู้ว่าซูหวานหวานนำเงินที่ฝากเอาไว้เอาออกมาหมดแล้ว และนำไปเก็บที่มิติฟาร์มเรียบร้อย นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับป๋ายเหล่าและฮวงเหล่านั้นค่อนข้างดี คิดว่าพวกเขาคงไม่มอบเงินให้กับแม่เจิ้นไปแน่ ๆ

ไม่นานหลังจากนั้น ซูหวานหว่านก็เห็นแม่เจิ้นลากตัวซูเสี่ยวเหยียนวิ่งหนีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ไล่ตามพวกนางมาจากข้างหลัง ตอนนี้ทั้งสองเหมือนกับพวกหนูที่วิ่งหนีตายตามข้างถนน ช่างขายหน้าสิ้นดี!

ซูหวานหว่านเข้าไปในร้าน บอกให้พ่อครัวทำอาหารสองสามอย่าง และนำไปส่งที่บ้านพักของฮวงเหล่าเพื่อรอให้ฉีเฉิงเฟิงกลับบ้าน

แต่ในตอนนี้พระอาทิตย์ได้ตกดินแล้ว ก็ยังไม่เห็นท่าทีว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นจะกลับมาเลย

ในตอนนี้มีโม่จิงที่เป็นสตรีเพียงคนเดียวในลานบ้าน ไป๋หยวนซูจึงกลัวว่านางจะอยู่กับซูหวานหว่านที่เป็นผู้ชายตามลำพัง ดังนั้นเขาจึงพาโม่จิงไปพักที่บ้านของตัวเองก่อน

ตอนนี้มันก็มืดค่ำแล้ว มีเพียงเสี่ยวเฮ่ยที่อยู่ในลานบ้าน และเสี่ยวเฮ่ยก็รู้ตัวตนของซูหวานหว่าน นางจึงไม่จำเป็นต้องปิดอะไร เดินกลับเข้าไปพักในห้องนอนของตัวเองทันที

ทันใดนั้นนางก็ได้เสียงเคลื่อนไหวกำลังคืบคลานเข้ามา หญิงสาวจึงลืมตาขึ้นก็พบกับปลายดาบเย็นเฉียบกำลังจ่ออยู่บริเวณคอของตนเอง ใต้แสงจันทร์สลัวปรากฏให้เห็นด้วยตาเปล่งประกายที่มีลักษณะคล้ายดวงดาวที่เย็นชาและน่าดึงดูดกำลังจ้องมองอยู่!

ซูหวานหว่านรู้ได้ทันทีว่าเขาผู้นี้คือฉีเฉิงเฟิง นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและกำลังจะเอ่ยออกมา แต่แล้วเสียงฉีเฉิงเฟิงก็ดังขึ้นมาก่อน “เป่ยฉวนเฟิงหลิว? ช่างเป็นชายที่มีรูปงามจริง ๆ! บังอาจเข้ามานอนในห้องของผู้หญิงของข้า! ไสหัวเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”

“เจ้า…” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมา ไม่คาดคิดเลยว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นจะหึง หญิงสาวจึงคิดจะเล่นสนุกขึ้นมา คว้าดาบของเขาเอาไว้โยนมันลงบนพื้นทันที พร้อมกับคว้าตัวฉีเฉิงเฟิงแล้วกดร่างกายของเขาลงบนเตียง

ในตอนนี้ร่างกายของฉีเฉิงเฟิงถูกคร่อมทับโดยซูหวานหว่านที่อยู่ในร่างของเป่ยฉวน พร้อมกับพูดว่า “เมื่อข้าเห็นคุณชายฉีในวันนี้ ข้ารู้สึกว่าคุณชายฉีช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลานัก ถูกใจข้ามาก ถึงแม้ว่าเจ้าและข้าจะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แต่มันก็คงจะไม่เป็นไร ถ้าพวกเราจะ…”

พูดยังไม่ทันจบ ซูหวานหว่านก็วางมือลงบริเวณกลางลำตัวของฉีเฉิงเฟิง และลูบคลำบางอย่าง แกล้งทำเป็นว่ากลืนน้ำลาย “นานแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ เหตุใดพวกเราถึงไม่…”

“ไสหัวออกไปซะ!” ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วและจ้องไปที่ ‘เป่ยฉวนเฟิงหลิว’ ขณะเดียวกันนั้นเขาก็เหลือบเห็นไฝที่คอของซูหวานหว่าน ทำให้เขารู้ว่านี่คือภรรยาของตน ใบหน้าเคร่งขรึมในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “หากอย่างงั้น คุณชายเป่ยฉวนเสนอมาแบบนี้แล้ว อย่ามาโทษข้าทีหลังแล้วกัน!”

“…”

ทำไมฉีเฉิงเฟิงถึงให้ความร่วมมือ? ซูหวานหว่านตกตะลึง นางหยุดการกระทำของตัวเองทันที

ฉีเฉิงเฟิงได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของซูหวานหว่านอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวเกิดความสับสน เป็นไปได้ไหมที่ฉีเฉิงเฟิงนั้นจะชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย?

ในตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในความงุนงง ฉีเฉิงเฟิงจึงผละออกมาและเอ่ยกระซิบข้างหูนางว่า “หวานหว่าน เจ้าอย่าหยุดสิ ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบเล่นอะไรสนุก ๆ เช่นนี้หรอกรึ? มาเล่นกันต่อเถอะ”

“เจ้า!”

ฉีเฉิงเฟิงรู้แล้วอย่างงั้นรึ ซูหวานหว่านถึงกับหน้าแดงทันที!

ฉีเฉิงเฟิงกำลังจะทำอะไรบางอย่างต่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปลดกลอนประตูดังมาจากด้านนอกของลานบ้าน และเขาก็ได้ยินเสียงกระดิ่งที่คุ้นเคยเหล่านั้นดังขึ้น นักบวชกลุ่มนั้นกำลังจะทำบางอย่างที่นอกประตูบ้าน!

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงต่างมองหน้ากัน พร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าใส่ให้เรียบร้อยทันทีและออกจากห้องนอน ฉีเฉิงเฟิงกำลังจะออกไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ก่อน แต่จู่ ๆ ซูหวานหว่านก็ถอดหน้ากากออกก็เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง!

“เจ้าทำแบบนี้ทำไม? เช่นนี้จะทำให้คนอื่นรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่นะ?” ฉีเฉิงเฟิงตื่นตระหนก เขารู้ว่าซูหวานหว่านเสี่ยงมากที่ทำแบบนี้! นางอาจจะถูกลอบทำร้ายได้!