บทที่ 206 – วันนี้ธงได้ถูกปักลงไปอย่างซื่อตรงเช่นเคย
ซอลจีฮูได้ลากเครื่องรางนำโชค หรือก็คือโฟลนไปที่ห้องสมุดในทันทีที่ได้ยินเรื่องราวของเธอ ซอลจีฮูได้รีบเคลื่อนไหวในทันทีที่เขามีแผนขึ้นมา
เจดีย์แห่งโรคระบาด
นี่คือที่ที่โฟลนได้ชี้บอกถึงที่ที่อาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลรอชเชอร์ถูกซ่อนเอาไว้อยู่
ซอลจีฮูได้ค้นทุกซอกทุกมุมของห้องสมุดด้วยความกระตือรือร้นอยู่หลายวัน และได้รวบรวมข้อมูลดีๆมามากมาย
และผลลัพธ์มันก็ทำให้เขาตกใจมากจริงๆ
-ถูกขีดฆ่าทิ้ง
“…นี่มันอะไรกัน?”
การหาข้อมูลเกี่ยวกับเจดีย์แห่งโรคระบาดไม่ได้ยากเลย ปัญหาก็คือบันทึกทุกๆอย่างในช่วงหลังๆจะเต็มไปด้วยคำที่ถูกขีดฆ่าเอาไว้
แม้กระทั่งคนโง่ก็ยังรู้เลยว่าเนื้อหาส่วนหลังถูกลบออกไป ซอลจีฮูได้ตรวจดูบันทึกประวัติศาสตร์อยู่หลายเล่ม รวมไปถึงบันทึกประวัติศาสตร์ที่ไม่เป็นทางการ แต่ว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้ก็ถูกลบไปโดยไม่มีข้อยกเว้น
มันราวกับว่าทั่วทั้งพาราไดซ์ได้มารวมตัวกันสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้
แต่ว่าจากบันทึกทั้งหมดที่เขาได้อ่าน เขาก็รวบรวมข้อมูลได้สองอย่าง
-จักรพรรดิได้หวาดกลัวว่า (ถูกขีดฆ่าทิ้ง) จะโจมตีจักรวรรดิ และได้วางมาตราการพิเศษเอาไว้ นั่นก็คือการลบการมีอยู่ของ (ถูกขีดฆ่า) ไปทั้งหมด
และ
-หลังจากวันนั้นไม่ว่าจะจักรวรรดิ และประเทศในเครืองทั้งหมดต่างก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะจับกุมใครก็ตามที่พูดคุยเรื่อง (ถูกขีดฆ่า) บนถนน และรวมไปถึงการเผยความลับความลับที่ต้องเก็บเอาไว้อีกด้วย…
“…โธ่เว้ย”
ซอลจีฮูได้เม้มปากขึ้นมาหลังจากได้อ่านข้อความอยู่หลายบรรทัด เขาไม่รู้สึกดีกับเรื่องนี้เลยสักนิด
เขาได้ตรวจสอบดูความลับของรอชเชอร์เผื่อดู และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด เขาไม่อาจจะเจอบันทึกใดที่เกี่ยวข้องกับเจดีย์แห่งโรคระบาดเลยสักนิดเดียว
-รอชเชอร์ หนึ่งในตระกูลสี่ดยุคที่ก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมา พวกเขาได้รับใช้ในเทพแห่งพรหมจรรย์
-คาสทิทัส เทพธิดาแห่งพรหมจรรย์ได้มอบอาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ให้กับตระกูลรอชเชอร์ หอกพิศุทธิ์ที่ซึ่งได้เก็บจิตวิญญาณธาตุอาร์คัสเอาไว้ ดังนั้นตระกูลจึงได้ถูกขนานนามว่าหอกแห่งจักรวรรดิ และพวกเขาก็มักจะอยู่ในแนวหน้าของสงครามต่อสู้กับศัตรูภายนอกอยู่เสมอเหมือนอย่างชื่อ
-พวกเขาได้ว่ากันว่าได้ถูกฟินิกซ์ในตำนานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขคุ้มครอง
อีกสิ่งหนึ่งที่เขาได้รับก็คือการได้ยืนยันถึงเรื่องราวของตระกูลรอชเชอร์และการมีอยู่ของหอกพิศุทธิ์
ซอลจีฮูได้ถามโฟลนเรื่องเจดีย์แห่งโรคระบาด แต่ว่าเธอก็พูดแค่ว่า ‘หืม? อะไรล่ะนั่น? ฉันไม่เห็นเคยได้ยินเลย’
การที่โฟลนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนนั่นจึงหมายความได้ว่ามาตราการของจักรพรรดิประสบความสำเร็จ
‘เจดีย์แห่งโรคระบาด’
เพียงแค่ชื่อของมันก็ดูน่าจะเต็มไปด้วยปัญหาแล้ว
‘ใครกันนะถึงเอาชื่อโรคระบาดมาตั้ง…’
มีจุดที่น่าสงสัยอยู่หลายจุด แต่ว่าซอลจีฮูก็ไม่คิดที่จะคิดแผนใหม่เลยสักนิด
เขาจะต้องไป
นี่คือโอกาสที่เขารออยู่ หากว่าเขายอมแพ้ในตอนนี้ การยกระดับคาเพเดี่ยมให้กลายเป็นองค์กรมันก็คงจะเป็นความฝันที่สิ้นหวัง
ถึงแม้ว่าจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโบราณจะระแวงในที่แห่งนี้…
‘มาเผชิญหน้ากับมันกันเถอะ’
ซอลจีฮูได้เดินไปข้างหน้าโดยสลัดความหวาดกลัวออกไป
***
หลังจากกลับมาถึงสำนักงานคาเพเดี่ยมแล้ว ซอลจีฮูก็ได้ตกอยู่ในความคิด นอกเหนือจากเรื่องที่ต้องพิชิตเจดีย์แห่งโรคระบาดแล้ว การไปที่นั่นก็เป็นปัญหาเช่นกัน
พื้นแห่งนั้นก็คล้ายกันกับป่าแห่งการปฏิเสธที่ติดอยู่กับพรมแดนของปรสิต ที่นั่นเป็นพรมแดนระหว่างเขตมนุษยชาติกับสหพันธรัฐ
พูดตรงๆแล้วมันใกล้กับสหพันธรัฐมากกว่าฝั่งมนุษย์ซะอีก
‘ฉันจะต้องหานักบุกเบิกให้มั่นใจ…’
นักบุกเบิกเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้เนื่องจากว่าเขาสามารถจะเจอเข้ากับปรสิตได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้จักนักธนูเลย แต่ว่ามาแชล จิโอเนียนั่นด้อยในด้านการสอดแนม และยี่ซอลอาก็ขาดประสบการณ์
‘นักรบ…’
คาเพเดี่ยมนั่นค่อนข้างจะเต็มไปด้วยนักรบที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย โชฮง ฟีโซรา แล้วก็ฮิวโก้
แต่ว่านั่นก็แค่ในด้านพลังทำลาย
ในแง่ของขนาดปาร์ตี้พวกเขาแล้ว การเดินทางไปเจดีย์แห่งโรคระบาดนั่นเป็นปฏิบัติการณ์ ไม่ใช่การสำรวม และซอลจีฮูก็มีความรู้สึกอย่างแรกว่าแค่ต่อสู้ได้ดีมันยังไม่พอสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้
ความกังวลนี้เกิดขึ้นมาจากการขาดข้อมูล พูดให้ชัดก็คือเขายังคงหวั่นใจกับความสามารถของเขาในฐานะของหัวหน้าเพราะความไร้ประสบการณ์
เขาต้องการประสบการณ์ ไหวพริบที่รวดเร็วที่สามารถจะควบคุมนักรบเจ้าอารมณ์ของคาเพเดี่ยมในกรณีที่ฉุกเฉินได้
หากว่ามีคนที่มีทักษะเท่ากับดีแลนด์ก็คงจะยอดเยี่ยม มันไม่ใช่ว่าเขานึกถึงใครไม่ได้ แต่ว่าเขาก็ลังเลเพราะว่าการยอมรับความช่วยเหลือจากคนนอกนั่นก็หมายความว่าเขาจำเป็นจะต้องตอบแทนความช่วยเหลือนั้นกลับคืนไป
เขารู้ถึงผลลัพธ์ของปฏิบัติจะน่าทึ่งขนาดไหน หากจะบอกว่าการที่เขาไม่เสียใจเลยที่ต้องแบ่งกับของรางวัลที่ได้กับคนนอกมันก็คงเป็นการโกหก
‘ฉันควรจะทำยังไงดีนะ?’
“แบร๋!”
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ก็มีเสียงดังเข้ามาในหูของเขา พอเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นโชฮงยืนอ้าปากอยู่ตรงหน้า
ซอลจีฮูได้หัวเราะออกมาเบาๆ
“สนุกไหมล่ะ?”
“ไอ้เวรนี่ อย่ามาทำให้ฉันอายนะ”
โชฮงได้ก้าวถ้อยไป และบ่นออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“แล้วนี่มาทำอะไรอยู่คนเดียวล่ะ? แถมยังยืนกอดอกหลับตาด้วย”
“คิดน่ะ”
“คิดอะไร?”
“คิดไปเรื่อยน่ะ”
“อ๊า หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว”
โชฮงได้ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้ล่ะ? นายรู้ตัวไหมว่าบางทีนายก็น่ารำคาญ?”
เธอได้ม้วนผมพร้อมกับวิจารณ์เขาออกมา
“แต่ว่านะ ช่วยบอกฉันทีว่านายกำลังคิดเรื่องภารกิจต่อไปอยู่ จะเป็นภารกิจสอดแนมหรือสำรวจอะไรฉันก็ไม่ว่าหรอก”
“คงจะเบื่อมากสินะ”
“เบื่อสุดๆเลยล่ะ ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก จัดการกับมอนสเตอร์ แล้วก็มาเปลี่ยนจังหวะกันดีกว่า นายคิดว่ายังไงล่ะ?”
โชฮงได้พูดออกมาอย่างมีพลังพร้อมทั้งโบกมือ
ซอลจีฮูได้หยักหน้านิ่งๆ
“ฉันก็กำลังคิดเรื่องภารกิจอยู่”
“โอ้? แล้วมันมาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือใช่ไหม?”
“ยิ่งกว่าน่าเชื่อถืออีก”
“เข้าใจแล้ว…”
โชฮงได้ถูมือเข้าด้วยกัน และหัวเราะออกมา
“ใช่แล้ว นายไม่ใชคนที่จะนั่งอยู่เฉยๆ ฉันก็คิดไว้แล้วว่าเดี๋ยวนายก็เคลื่อนไหว”
จากนั้นจู่ๆเธอก็พูดขึ้นราวกับนึกอะไรได้
“โอ้ จริงสิ นายไปที่วังมายัง?”
ซอลจีฮูได้ขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อจู่ๆเธอก็พูดถึงวัง
“ไม่นิ ฉันจะไปที่นั่นทำไม?”
“ไปเอาเงินไง”
“เงิน? จากอะไรล่ะ? การเข้าร่วมสงครามเป็นเรื่องจำเป็น”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น นายได้ว่าจ้างเด็กพวกนั้นมาจากทีมเส้นโลหิตนี่”
จากนั้นซอลจีฮูถึงได้ร้องอ่อออกมา
เขาจำได้ว่าเทเรซ่าก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ นั่นก็คือเขาควรที่จะไปหาทหารรับจ้าง และเธอก็จะจ่ายเงินให้กับเขาทีหลัง
ซอลจีฮูลังเล
“ฉันไม่รู้ว่าการรับเงินนั่นมามันจะถูกไหมนี่สิ… ฉันไม่ได้จ้างพวกเขาด้วยเงินของฉัน”
“นั่นมันยิ่งดีเลย! นายได้จ่ายเงินพิเศษไป การที่ทีมเส้นโลหิตมาช่วยมันเป็นเรื่องจริง เพราะงั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
โชฮงยังคงรบเร้าให้เขาไปรับเงิน แต่ว่าซอลจีฮูดูจะไม่เต็มใจ
“ตอนนี้ฉันไม่คิดว่าฮารามาร์คจะมีเงินสำรองนะ”
นี่มันไม่ใช่สมมติฐานที่ไร้เหตุผล สงครามจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ในตอนนี้สงครามได้จบลงไปแล้ว ไม่เพียงแค่ฮารามาร์คจะต้องสร้างป้อมปราการในหุบเขาขึ้นมาใหม่เท่านั้น แต่ว่าพวกเขายังต้องจ่ายเงินเรื่องต่างๆเกี่ยวกับสงครามอีกด้วย
แม้กระทั่งการขยายกองกำลังทหารราบของแจน แซงตัสก็ยังเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม
“โอ้ จริงสิ เพิ่งจะมีการคุยกันเรื่องนี้อยู่เลย เรื่องที่คนไม่ได้รับเงินเลยแม้ว่าจะผ่านสงครามมาเป็นเดือนแล้ว เอาเถอะนะ นายเป็นคนที่เรียกทีมเส้นโลหิตมา เพราะงั้นทำตามใจเถอะ”
โชฮงได้หยักไหล่ออกมา
ซอลจีฮูได้ลูบคางอย่างช้าๆ
‘อีกแล้ว’
เพราะเหตุผลบางอย่างเมื่อเขาคิดถึงเรื่องเทเรซ่า จิตใจที่ซับซ้อนของเขาก็ได้เริ่มเอียงไปทางด้านหนึ่ง
ใช่แล้ว มรดกไม่ได้มีอยู่แค่ทีเดียวเท่านั้น นอกเหนือไปจากที่ที่อยู่ใจกลางจักรวรรดิที่เขาไปไม่ได้อย่างชัดเจนแล้ว มันก็ยังมีเหลืออยู่อีกตั้งสามที่
ซอลจีฮูได้พึมพำกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจออกมา การที่จะทำประโยชน์ให้เธอก่อนออกไปจากฮารามาร์คก็ไม่ใช่เรื่องแย่
ซอลจีฮูที่ตัดสินใจได้แล้วได้ลุกขึ้น
***
ซอลจีฮูได้มุ่งตรงไปหาคาซุกิทันที เขาได้ขอให้คาซุกิมาเป็นคนนำทางในปฏิบัติการครั้งนี้
เมื่อเขาได้อธิบายสถานการณ์คร่าวๆออกไป คาซุกิก็ได้ตอบรับในทันทีจนคาดไม่ถึง
“เอาสิ ฉันจะไปกับนาย”
เมื่อซอลจีฮูได้จ้องคาซุกิที่กำลังมองดูกระดาษสัญญาชั่วคราวด้วยความไม่เข้าใจ คาซุกิก็ได้เงยหน้าขึ้นมา
“อ่อ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ แถมทีมของฉันก็ถูกยุบไปแล้วด้วย”
มันดูเหมือนว่าในท้ายที่สุดแล้วอุมิทัตสึบาเมะจะแตกแล้ว ก็นะ ในเมื่อคาซุกิได้จับมือกับซันเหอ มันก็คงแปลกหากว่าสหพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นยังอยู่นิ่ง
“แล้วก็นะนี่มันไม่ใช่ปฏิบัติการแรกที่นายวางแผนด้วยตัวเองหรอ?”
นั่นสินะ?
พอมาคิดดูแล้วเขามักจะรับภารกิจตามคนอื่นอยู่เสมอ หรือไม่ก็ถูกลากเข้าไปเอี่ยวด้วย เขาไม่เคยตัดสินใจด้วยตัวเองเพียงลำพังเลย
ในแง่นี้แล้วนี่ก็คือปฏิบัติการแรกของซอลจีฮูที่เขาได้ตัดสินใจเอง
ฉันสงสัยนะ ฉันสงสัยว่าปฏิบัติการที่ถูกวางแผนโดยคนแบบนายมันจะเป็นยังไง แต่ยังไงก็ตามฉันไม่คิดว่าการตามนายไปจะเป็นเรื่องแย่หรอกนะ”
คาซุกิได้ชมเขาตรงๆจนทำให้ซอลจีฮูยิ้มเขิน
“ขอบคุณที่เชื่อใจฉันนะ”
คาซุกิได้มองดูรอยยิ้มของซอลจีฮูที่ดูจะขมขื่น ไม่นานนักจู่ๆเขาก็หัวเราะออกมา
“ฉันไม่ได้รู้สึกถึงความรู้สึกถือตัวจากนายเลย เพราะงั้นฉันถึงเชื่อในตัวนาย”
จากนั้นคาซุกิก็สะบัดกระดาษ
“ยังไงก็ตามเรื่องข้อกำหนดพวกนี้”
“ครับ”
“อาร์ติแฟคจะถูกแบ่งออกไปตามคลาสของผู้เข้าร่วม นี่มันก็ดีนะ แต่ว่า…”
คาซุกิได้หรี่ตาลง
“อาร์ติแฟคที่ไม่ถูกแบ่งตามคลาส และอาร์ติแฟคที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์จะเป็นของซอลจีฮู”
การแบ่งของได้เป็นไปตามกฎทั่วไป ยกเว้นอาร์ติแฟคแล้ว นี่เป็นกฎพื้นฐานที่ใช้กันในพาราไดซ์แม้กระทั่งคนแบกของ
แน่นอนว่าซอลจีฮูที่เป็นคนคิดแผนทั้งปฏิบัติการนี้มีสิทธิ์ที่จะได้รับส่วนแบ่งที่มากกว่าคนอื่น แต่ว่าเขากลับไม่ได้บอกว่าเขาจะจ่ายเงินเพื่อเป็นเจ้าของของพวกนั้นที่ซึ่งมันเป็นบรรทัดฐานตามปกติ กลับกันเขากำลังขอสิทธิ์เป็นเจ้าของขาดของสิ่งพวกนั้น
“นายพอจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้ฉันได้ไหม?”
“อืมม… ได้สิครับ นี่มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้ว”
มันไม่ใช่ว่าคาซุกิจเป็นคนโลภ และเนื่องจากว่าซอลจีฮูก็รู้ถึงกฎของพาราไดซ์เป็นอย่างดี เขาจึงเผยความคิดของเขาออกไปตรงๆ
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเขาแล้ว คาซุกิก็อ้าปากค้างออกมา
“งั้นมันก็เพราะคุณซอยูฮุย”
“ครับผม นับจากนี้ผมคิดว่าจะให้เครื่องเซ่นทั้งหมดที่ได้มาให้กับเธอ เพราะงั้นผมก็เคยคิดจะใช้ข้อตกลงนี้ไปอีกสักพัก”
“ถ้าแบบนั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะบ่นแล้วล่ะ พวกเอาแบบนี้แหละ”
คาซุกิได้เซ็นสัญญาโดยไม่ลังเลเลย และซอลจีฮูได้หยักหน้าออกมา
ซอลจีฮูรู้ว่าคาซุกิเข้าใจ เพราะยังไงแล้วคาซุกิก็เป็นคนที่เป็นหนี้ซอยูฮุยเช่นกัน
“ฟู่ววว”
คาซุกิได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากที่ส่งสัญญาคืนซอลจีฮูไป
“หากว่าปฏิบัติการนี้เป็นไปด้วยดี ในที่สุดแล้วฉันก็จะได้มีเวลาได้พักหายใจ”
“หมายความว่าไงครับ?”
“อ๊า ฉันจะต้องตั้งทีมใหม่ก่อนที่จะไปอีวา แต่ว่าฉันค่อนข้างขาดเงิน ฮ่าวอวิ่นก็ให้เงินทุนฉันมาบ้างแล้ว แต่ว่าทั้งหมดนั่นคือหนี้”
ซอลจีฮูได้เบิกตากว้างขึ้นมา
“คุณก็กำลังจะไปอีวาเหมือนกันหรอครับ?”
“แน่นอนสิ เขาที่ฉันกำลังซ่อนอยู่กำลังจะไปอีวา เพราะงั้นทำไมฉันถึงจะไม่ไปล่ะ? ฮ่าวอวิ่นไม่ได้บอกนายหรอ?”
คาซุกิได้ตอบกลับมาในทันทีก่อนจะยิ้มขึ้น
“ยังไงก็ตามขอบคุณนะ! นายมาช่วยฉันเอาไว้เลย”
ซอลจีฮูได้โบกมือออกมา
“มันยังเร็วไปที่จะพูดขอบคุณครับ? เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรจะรอเราอยู่ที่นั่น”
“นั่นก็จริง ทุกๆคนต่างก็เคยกลับมามือเปล่าจากปฏิบัติการหรือการสำรวจทั้งนั้น”
คาซุกิที่พูดแบบนี้ได้เหลือบมองซอลจีฮู และแอบยิ้มออกมา
“แต่ว่าดูจากที่นายไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลย ฉันก็คิดว่าฉันพอจะหวังได้ล่ะนะ”
ฉันไม่เคยล้มเหลวมาก่อนงั้นหรอ? ซอลจีฮูได้เอียงหัวออกมาอีกครั้งหนึ่ง
***
ที่ต้องไปที่ซอลจีฮูไปก็คือพระราชวัง
“ปฏิบัติการ?”
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่จู่ๆก็มาหาเธอ เทเรซ่าก็เบิกตากว้างขึ้นมาเหมือนกับกระต่าย
“ใช่แล้ว”
ซอลจีฮูได้หยักหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
“ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้เสียงมันค่อนข้างจะดัง เพราะงั้นการออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับยืดเส้นสักหน่อยก็น่าจะดีนะ”
“…”
เทเรซ่าหมดคำพูดอย่างชัดเจน
ซอลจีฮูไม่ได้พูดผิดเลย เพราะการเงินของพวกเขากำลังมีปัญหา เธอจึงกำลังคิดกล้ำกลืนน้ำตา และกำลังจะขายที่ดินของตระกูล
เมื่อเห็นซอลจีฮูที่กำลังยิ้มสดใส เทเรซ่าก็ตรวจดูสัญญาอีกครั้ง
เงื่อนไขนั้นดูตระหนี่แปลกๆ
ไม่สิ มันไม่ปกติตั้งแต่แรกแล้วที่เจ้าหญิงถูกมาชวนไปทำปฏิบัติการ มันไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้รู้สถานการณ์ของราชวงศ์ เพราะงั้นมันจึงแปลกที่เขามาบอกเธอว่า ‘ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับยืดเส้น’
นอกไปจากนี้เธอก็ยังไม่ใช่นักเวทย์หรือนักบวชด้วย คาเพเดี่ยมได้เต็มไปด้วยนักรบที่มีความสามารถ เพราะงั้นเธอจึงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้อยากจะพานักรบไปด้วยอีก
มีจุดที่น่าสงสัยอยู่มากมาย
แต่ยังไงก็ตามด้วยความสามารถของเทเรซ่านั้นเธอก็พอจะรู้ได้ว่า ซอลจีฮูไม่มีทางพูดแบบนี้ออกมาโดยไม่มีเหตุผลแน่
เทเรว่าได้แอบเหลือบมองซอลจีฮู และมองสำรวจดูเขา เขาให้ความรู้สึกดูมั่นใจแปลกๆ
‘เดี๋ยวก่อนนะ’
ทันใดนั้นเทเรซ่าก็ได้คิดถึงข้อเสนอที่เธอเคยได้รับมาจากกุหลาบขาว เธอได้ครุ่นคิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะไปชวนซอลจีฮูเข้าร่วมปฏิบัติการ แต่ว่าในตอนนั้นซอลจีฮูได้ต่อต้านเรื่องนั้นเป็นอย่างมาก
เทเรซ่าเชื่อใน ‘สัญชาตญาณ’ ของสามีเธอ และไม่ได้ไปกับกุหลาบขาว แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ ไม่เพียงแค่ปฏิบัติการนั้นจะล้มเหลวเท่านั้น แต่ก็ยังมีความยุ่งเหยิงทางการเมืองเกิดขึ้นอีกด้วย ในตอนนั้นเทเรซ่ายังจำได้ดีว่าเธอโล่งใจขนาดไหนกัน
สิ่งสำคัญก็คือทัศนคติของซอลจีฮูในตอนนี้ต่างไปจากตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง เขาไม่เพียงแต่จะมั่นใจเท่านั้น แต่เขาก็ยังหวังว่าจะพาเธอไปกับเขาด้วยอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าฟาดเข้ามาในหัวของเธอ
‘นี่มันแจ็คพ็อต แจ็คพ็อตใหญ่!”
เธอไม่รู้รายละเอียด แต่ว่าเขาจะต้องได้รับข้อมูลที่น่าเหลือเชื่อมาแน่ๆ เพราะงั้นเขาก็เลยขอให้เธอมาด้วย
ในที่สุดเทเรซ่าก็เข้าใจถึงความตั้งใจของซอลจีฮู
‘เขากำลังช่วยฉัน’
การให้ของที่ได้กับเธอฟรีๆจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับเพื่อนร่วมทีมของเขา และมันเป็นไปได้ที่จะเกิดการประท้วงขึ้น เพราะงั้นเขาจึงให้เธอเข้าร่วมปฏิบัติการเพื่อที่จะมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งไป
‘อีกแล้ว… อย่างในตอนที่ฉันมีปัญหา…’
เทเรซ่าคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อมากที่เขาจะมาปรากฏตัวช่วยเธอในตอนที่เธอลำบาก เธอจะไม่รู้สึกดีต่อเขาได้ยังไงกันล่ะ?
“ฮ่าาาห์-“
หลังจากถอนหายใจยาวออกมา เทเรซ่าก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อึดอัดใจเล็กน้อย
“ฉันไปกับนายได้จริงๆหรอ?”
“แน่นอนสิ ฉันเป็นคนที่ขอให้เธอมาเองนะ”
“อ๊า ฉันรู้นะว่าคาเพเดี่ยมมีนักรบอยู่มาก”
“ความแข็งแกร่งมันไม่ใช่สิ่งเดียวที่สำคัญ ฉันคาดหวังสิ่งอื่นจากเธอนะเจ้าหญิง”
วิธีที่เขาพูดมันออกมาได้ทำให้เทเรซ่ารู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
ซอลจีฮูได้ยิ้มออกมา
“เธอเอาด้วยใช่ไหม?”
เขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไปปฏิเสธหรือเล่นตัวได้ยังไงกัน?
เทเรซ่าได้หยักหน้าเงียบๆ จากนั้นเธอก็จ้องไปที่ซอลจีฮู
“เป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม ถ้างั้น…”
หลังจากเขาพูดออกมาว่า
“เมื่อไหร่ที่ตัดสินวันเวลาได้จะมาบอกอีกทีนะ”
เขาก็ต้องผงะไป
เขาอาจจะเข้าใจผิด แต่ว่าเขารู้สึกเหมือนเขาเห็นหัวใจกำลังเบ่งบานอยู่ในดวงตาของเทเรซ่า
‘มะ ไม่หรอก’
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบเจ้าหญิง แต่ว่าซอลจีฮูคิดว่าตัวเขาเป็นผู้ชายที่มีหลักการ เนื่องจากว่าเขายังจำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่เขามอบดาบยาวกับโล่ให้เธอ เขาจึงไม่อาจจะเมินปัญหานี้ได้
“ฉะ ฉันไปก่อนนะ แล้วก็นี่”
ซอลจีฮูได้รีบลุกขึ้น และส่งถุงช็อปปิ้งที่เขาซื้อมาให้กับเธออย่างเร่งรีบ
เทเรซ่าที่กำลังลุกขึ้นมาราวกับจะหยุดเขาไว้ได้เลียริมฝีปากออกมา จากนั้นเธอก็ต้องกระพริบตาหลังจากเห็นถุงช็อปปิ้ง
“ของขวัญน่ะ ก็ไม่ใช่อะไรใหญ่โตหรอกนะ”
“โอ้”
มันได้ผล
ดวงตาเทเรซ่าที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเสน่ห์ที่มากขึ้นเรื่อยๆได้มีประกายกลับคืนมา
“ฉันซื้อมันมาในตอนที่ไปโลก ครั้งก่อนฉันลืมเอามาด้วย…”
ยังไงก็ตามซอลจีฮูได้ทำพลาดร้ายแรงลงไปแล้ว ในทันทีที่เทเรซ่าได้ยินคำว่า ‘ของขวัญ’ แสงจ้าผ่านในตาของเธอก็ทวีความรุนแรงขึ้น และรูปหัวใจในดวงตาเธอก็ชัดเจนขึ้น
แน่นอนว่าซอลจีฮูก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน
“ฉันซื้อของที่เธอต้องใช้ในชีวิตประจำวันมาให้ มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเพราะงั้นช่วยรับไว้ทีนะ”
ปัง!
“ถ้างั้นฉันไปนะ ขอบคุณที่รับไว้นะ”
ซอลจีฮูได้เปิดใช้งานต่างหูเฟสติน่า และวิ่งหนีไปเต็มแรง
“…”
และเมื่อซอลจีฮูหายไปแล้ว เทเรซ่าก็ยืนขึ้นมองลงไปที่ถุงช็อปปิ้งที่ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้รับของขวัญจากชาวโลก
เธอได้คิดถึงเรื่องนี้ในทุกๆครั้งที่เจอเขา แต่ว่า…
‘หากว่าชาวโลกทุกคนเป็นเหมือนเขา…’
มันจะดีขนาดไหนกันนะ?
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเธอก็ได้รับของขวัญที่คาดไม่ถึงด้วยวิธีที่ไม่คาดคิดมาก่อน
หลังจากเล่นกับถุงช็อปปิ้งอยู่นาน เธอก็ปัดกองเอกสารบนโต๊ะออกไปให้พ้นทาง
“ฮ่าห์!”
ใครจะไปสนเรื่องงานกัน?
อย่างน้อยในวันนี้เธอก็อยากจะดื่มด่ำไปกับความรู้สึกที่ไร้ซึ่งภาระ
และไม่นานนักก็เป็นอย่างซอยูฮุย ฟีโซรา และโชฮง…
เทเรซ่าได้มีปฏิกิริยาแบบเดียวกันกับที่ผู้หญิงคนอื่นๆได้เปิดของขวัญจากซอลจีฮู
ยังไงก็ตามความสับสนของเธอมีอยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่นานนักริมฝีปากของเธอก็โค้งขึ้น และดวงตาของเธอก็โค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
“ว้าว…”
เธอที่ถือชุดชั้นในเอาไว้อยู่ได้หัวเราะออกมา
หัวใจสีชมพูอ่อนบนสีชมพูน่ารัก
นอกจากนี้…
“หมอนี่…”
เมื่อมองสลับไปมาบนชุดชั้นในบนมือแต่ล่ะข้างแล้ว เทเรซ่าก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมออกมา
เธอได้วางชุดชั้นในลง และปิดปากหัวเราะออกมา
“ช่างรสนิยมดีจริงๆ!”