บทที่ 205 – เครื่องรางนำโชค
การชั่งน้ำหนักความสำคัญของสิ่งต่างๆ นี่มันหมายถึงการแยกแยะระหว่างสิ่งที่สำคัญกับสิ่งที่ไม่สำคัญ และเพื่อที่จะได้จัดลำดับความสำคัญอย่างตรงไปตรงมา
จริงๆแล้วสิ่งที่ซอลจีฮูอยากจะทำที่สุดก็คือการฝึก เนื่องจากว่าเขาเพิ่งจะเลื่อนมาอยู่ระดับ 5 เขาก็อยากที่จะรีบๆเรียนรู้ทักษะให้สมกับแรงค์เกอร์ระดับสูง เขาก็ยังอยากที่จะทำให้ร่างกาย จิตใจ และเทคนิคกลมกลืนกันอีกครั้งด้วย
แต่ว่ามันก็ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าการฝึกอยู่ นั่นก็คือการเปลี่ยนคาเพเดี่ยมให้กลายเป็นองค์กร
เพื่อที่จะทำแบบนั้นเขาจะต้องไปที่อีวา ที่ที่เขาได้สัญญาเอาไว้ว่าจะไปเจอฮ่าวอวิ่น แต่ว่าจางมัลดงก็ได้ให้เขาทำตามเงื่อนไขสามอย่างก่อนหน้านั้น
ในเมื่อเขาได้รับแรงสนับสนุนจากองค์กรที่มีอิทธิพลมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเติมเต็มได้หนึ่งเงื่อนไข
จางมัลดงได้บอกให้ซอลจีฮูจัดตั้งทีมขึ้นมาก่อนที่จะขยายอิทธิพลของคาเพเดี่ยมออกไปนั่นจึงหมายถึงการทำให้มีรากฐานที่มั่นคง และมันก็ไม่ได้ยากเกินไป
แต่ว่าเมื่อพูดถึงเงื่อนไขที่ต้องมีเงินทุกนที่มากพอ ซอลจีฮูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจขึ้นมา
จริงๆแล้วนับตั้งแต่ที่ซอลจีฮูได้มาที่พาราไดซ์ เขาก็ไม่เคยขาดเงินเลยสักครั้งเดียว จะมีก็แค่ในตอนที่เขาจะดึงตัวสองพี่น้องมาเท่านั้นเอง
เขาได้สะสมทรัพย์สมบัติเอาไว้พอประมาณแล้ว แต่ว่าหากพูดถึงในระดับองค์กรมันก็จะเป็นคนล่ะเรื่องกัน
จางมัลดงเคยพูดถึงเรื่องชาวโลกที่เล่นอสังหาริมทรัพย์ในพาราไดซ์ นั่นมันหมายความว่าการซื้อขายที่ดินก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกันกับที่โลก
พูดตรงๆแล้วที่ดินในพาราไดซ์จะไม่ได้มีไว้สำหรับซื้อขาย พื้นที่ทั้งหมดจะเป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลราชวงศ์ที่ดูแลเมืองนั้นๆ
ยังไงก็ตามมีราชวงศ์ที่ได้จรรสรรที่ดินเอาไว้สำหรับพวกเขา และการดำรงชีวิตของชาวพาราไดซ์ไปส่วนหนึ่ง และแบ่งส่วนที่เหลือออกมาให้ชาวโลกได้ทำการซื้อขายกัน
แม้ว่าใบกรรมสิทธิ์นั้นจะให้สิทธิ์แค่บางส่วนกับชาวโลกเท่านั้น แต่ว่านั่นก็รวมไปถึงสิทธิ์ในการสร้างอาคารด้วยเช่นกัน
หรือก็คือราชวงศ์ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินนั้นอยู่ เพียงก็แต่ว่ามอบสิทธิ์ในการสร้างอาคารด้านบนที่ดินเหล่านั้นให้กับชาวโลกเท่านั้นเอง
แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับเศรษฐีและผู้ที่มีพลังควบคุมพาราไดซ์เลย องค์กรต่างๆที่มีอิทธิพลภายในเมืองต่างก็ได้รับที่ดินขนาดใหญ่จากราชวงศ์ และได้สร้างเงินขึ้นมาจากการขายที่ดินเหล่านั้นให้กับชาวโลกคนอื่นๆ
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เกิดแนวคิดการเช่ารายเดือนเกิดขึ้นมาในพาราไดซ์
ราชวงศ์ค่อนข้างที่จะพูดไม่ออกเมื่อเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวในราคาที่เหมาะสม แต่ว่าผู้ซื้อที่ดินไปกลับเอาที่ดินนั้นไปปันผลกำไรขึ้นไปอีก
แน่นอนว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาของชาวโลก
‘หากว่าพวกเราสามารถจะไล่พวกเขาออกไปให้หมด…’
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ความต้องการเงินของเขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะงั้นซอลจีฮูจึงเค้นสมองของเขาอยากหนัก
‘ฉันยังมีไข่ทองคำอยู่ เพราะงั้นตอนนี้มันก็น่าจะดีที่จะ… ไม่สิ ค่าเช่ารายเดือนไม่พอแน่’
การเช่าอาคาร และจ่ายรายเดือน เขาน่าจะพอจ่ายไหวอยู่สักสองสามเดือน แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะต้องเจอเข้ากับทางตัน ในความเป็นจริงแล้วซอลจีฮูรู้สึกหนักใจกับเรื่องการเอาของที่เขามีอยู่ไปตีราคามันทำได้ยาก
วิธีที่ดีที่สุดนั่นก็คือการไปแลกเปลี่ยนกับทางฝ่ายบริหารของราชวงศ์ตรงๆเพื่อให้ได้รับสัญญาเช่าระยะยาว และก่อสร้างอาคารของพวกเขาขึ้นมาเอง
แต่ว่าปัญหาก็คือราคาของที่ดินไม่ใช่ถูกๆ และบวกกับราคาก่อสร้างอาคารขึ้นไปอีกก็ทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นไปเป็นพันล้านได้เลย
‘ฉันน่าจะตอบตกลงในตอนที่เขาบอกจะช่วย’
ซอลจีฮูรู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของฮ่าวอวิ่นไปในตอนนั้น เขาได้พูดออกไปอย่างกล้าหาญว่าอยากจะทำมันด้วยตัวเอง แต่ว่าพอมาตอนนี้เขาก็ได้รับรู้แล้วว่ามันไม่ได้ต่างไปจากความงี่เง่าเลย
‘ฉันควรจะไปหาที่แถบชานเมืองดีไหมนะ?’
ซอลจีฮูได้รู้สึกหนักใจขึ้นมา
***
โฟลนเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นถึงควากังวลของซอลจีฮู ช่วงนี้เธอได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเธออยู่ข้างๆซอลจีฮู พูดให้ชัดก็คือเธอได้ใช้เวลาภายในจี้มากยิ่งขึ้น
แม้ว่าเธอจะสนุกไปกับการถูกปล่อยตัวออกมาเป็นครั้งแรก แต่ว่าการได้ดูในพื้นที่ที่จำกัดมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก เมื่อไม่มีอะไรใหม่ๆให้เห็นแล้ว ความสนใจของเธอจึงค่อยๆลดลงมาเป็นธรรมดา
ความเบื่อหน่ายของเธอมากจนเธอทนไม่ไหว และเริ่มบ่นกับซอลจีฮูที่เอาแต่เดินอยู่ในที่เดิมๆอยู่ทุกวัน
แต่ว่าเพราะอารมณ์ของซอลจีฮูแทบจะดิ่งอยู่ตลอดเวลา เธอจึงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแสดงควาไม่พอใจ
เธอสามารถสังเกตเห็นถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาได้อย่างรวดเร็ว
แม้กระทั่งในวันนี้ เขาก็ยังได้ใช้เวลาไปกับการยืนอยู่หน้าป้ายประกาศที่ลานกว้างอยู่นาน พร้อมถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นเมื่อเขากลับไปที่บ้านก็เอาแต่กุมหัวกลิ่งไปมาบนเตียง
ในที่สุดแล้วโฟลนก็ได้ถามออกมาเมื่อเธอทนดูเขาสิ้นหวังไม่ไหว
[มีอะไรหรอ? นายมีอะไรกังวลหรอ?]
ซอลจีฮูไม่ได้ตอบกลับไป
โฟลนได้เอียงหัวออกมา ก่อนที่จะหักกิ้งไม้มาจิ้มเขา จากนั้นเองซอลจีฮูถึงได้เงยหน้าขึ้นมา
“…เจ็บนะ”
[ทำไมต้องขมวดคิ้วด้วยล่ะ? ตอนนี้พูดมาได้แล้ว!]
เมื่อได้ยินคำพูดข่มขู่ของโฟลน ซอลจีฮูจึงเปิดปากพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“มันก็เพราะเงิน ฉันต้องการเงิน แต่ว่าฉันไม่มี…”
เขาได้กัดฟันแน่นก่อนที่จะตะโกนออกมา
“เงินนั่น เงินนี่ เงิน เงิน!”
โฟลนได้เอียงหัวออกมา และถามขึ้น
[เงินงั้นหรอ? ไปหาเอาก็ได้นี่?]
ซอลจีฮูได้ยิ้มแข็งทื่อออกมา
“ฉันต้องการเงินจำนวนมาก แม้แต่จำนวนน้อยนิดก็มีค่า เพราะงั้นจริงๆแล้วฉันจะต้องเก็บสะสมมันไปจนกระทั่งมากพอ แต่ว่าฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน…”
คาเพเดี่ยมไม่ได้มีภารกิจเข้ามาอยู่เสมอ และต่อให้เขาทำภารกิจ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการทำภารกิจแค่ครั้งเดียว
ซอลจีฮูได้กลิ้งตัวไปกับพื้นอีกครั้ง และพึมพำออกมา
“ฉันต้องหาวิธีหาเงินให้ได้มากพอในครั้งเดียว…”
[ไม่ ฉันหายถึง-]
โฟลนได้พูดขึ้นราวกับเธอไม่ค่อยพอใจ
[ฉันจะถามอีกครั้งแล้วกันนะ ในเมื่อนายบอกว่านายต้องการเงิน ทำไมไม่ไปเอามาล่ะ?]
“?”
เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เครื่องหมายคำถามก็ปรากฏขึ้นบนหัวของซอลจีฮู
โฟลนได้ชี้ไปที่จี้
[ฉันหมายถึงนี่ไง! ความลับของปู่น่ะ!]
ในที่สุดซอลจีฮูก็หยุดกลิ้ง
[จำที่คุณปู่ได้บอกว่าคุณปู่ได้ซ่อนสมบัติทั้งหมดของตระกูลเอาไว้ก่อนที่จะไปคฤหาสน์ของจักรพรรดิได้ไหม?]
[ไม่ต้องตกใจไป คุณปู่ได้บอกว่าจี้นี้มีพิกัดของที่ซ่อนสมบัติ!]
ซอลจะฮูได้ชะงักไป และลุกขึ้นจากเตียงในทันที
“มรดก!”
[ใช่แล้ว!]
ซอลจีฮูได้หันมาหาโฟลน เมื่อเขาก้าวเข้ามาด้วยตาเป็นประกาย โฟลนก็ถอยร่นไป
[อะ อะ อะไร? นายกำลังทำให้ฉันกลัวนะ]
“โฟลน…”
ซอลจีฮูได้จับบ่าโฟลนแน่น ทันใดนั้นโฟลนก็รีบดิ้นบอกให้เขาปล่อย
“ได้โปรด… ฉันต้องการ… อ่า ฉันขอได้ไหม?”
[ได้สิ มันก็ไม่ได้มีเจ้าของอยู่แล้ว]
“แต่ว่ามันเป็นมรดกของเธอนะ”
[ฉันไม่สนหรอก ยังไงฉันก็ตายไปแล้ว ถ้าต้องการก็ใช้ได้เต็มที่เลย]
ซอลจีฮูได้กลายเป็นสับสนขึ้นมา บางครั้งโฟลนก็พูดเรื่องการตายโดยไม่รู้สึกอะไรสักนิดเลย เอาเถอะนะ บางทีเขาก็ไม่ควรจะสนใจในเรื่องนี้ในเมื่อเธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร
[แต่นั่นก็ต่อเมื่อนายหาเจอนะ]
ซอลจีฮูที่กำลังกระโดดอยากมีความสุขได้ชะงักไปจากคำพูดของโฟลน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ง่าย
[คุณปู่บอกว่าคุณปู่ได้ซ่อนสมบัติเอาไปห้าที่]
“เขาแยกสมบัติออกหรอ? ทำไมล่ะ?”
[หมายความว่ายังไงกัน? จะมีคนโง่ที่ไหนเก็บสมบัติไว้ที่เดียวน่ะ?]
โฟลนได้ถามกลับมาจนทำให้ซอลจีฮูพูดไม่ออก
[คุณปู่เป็นคนระวังสุดๆเลยนะ ต่อให้จักรพรรดิจอมโลภก็ยังยอมแพ้ที่จะหาที่ซ่อน]
ใช่แล้ว พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องสมบัติของตระกูลรอชเชอร์ เนื่องจากว่ารอชเชอร์เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเรื่องความมั่งคั่ง ซอลจีฮูจึงรับรู้ได้ว่าปู่ของโฟลนได้ซ่อนมันเอาไว้ดีแค่ไหน
[คุณปู่บอกว่าได้แยกสมบัติออกไปตามประเภท… หืม]
โฟลนได้ครางออกมาเหมือนลูกสุนัข และหลบออกจากมือของซอลจีฮูพร้อมทั้งบินไปที่กำแพง ตรงนั้นมีแผนที่ถูกแขวนเอาไว้อยู่
[ที่แรกคือตรงนี้!]
ซอลจีฮูที่รีบเข้าไปดูแผนที่ได้หน้าซีดลงไปทันที นี่มันก็เพราะว่าจุดที่โฟลนชี้อยู่ก็คือใจกลางจักรวรรดิ
“…เธอไม่ได้บอกหรอว่าคุณปู่เธอเขาซ่อนสมบัติไว้นอกจักรวรรดิ?”
[ก็อยากคำพูดที่ว่า มันยากที่จะเห็นถึงสิ่งที่อยู่ข้างจมูกนั่นแหละ]
ซอลจีฮูได้เม้มปากขึ้นมา
“ที่นั่นมันค่อนข้างจะ… ราชินีปรสิตอยู่ที่นั่น ถ้าเราไป ฉันรับประกันได้เลยว่าเราจะตายก่อนไปถึงซะอีก”
[จริงหรอ? น่าเสียดาย เอกสารสำคัญ แล้วก็บันทึกบัญชีได้ถูกฝังเอาไว้ที่นั่น…]
โฟลนได้พึมพำออกมาอย่างผิดหวัง แต่ว่าสีหน้าของซอลจีฮูได้สดใสขึ้นมาเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาก็จะไม่มีทางรู้ถึงคุณค่าของมันจนกว่าจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ว่ายังไงก็ตามในตอนนี้เอกสารไม่ได้สำคัญกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่มีทางที่จะไปจักรวรรดิได้
[ถ้างั้นอีกที่ก็คือ…]
นิ้วของโฟลนได้เลื่อนลงมาข้างล่างแผนที่
ซอลจีฮูได้ประสานมือเข้าด้วยกัน และเริ่มภาวนาออกมา
‘ได้โปรดอย่าอยู่ในเขตของปรสิตเลย’
ยังไงก็ตาม นิ้วของโฟลนก็ได้หยุดลงตรงเขตของปรสิตอีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในระแวกของจักรวรรดิแล้ว แต่ว่ามันก็เป็นพื้นที่โซนหลังที่อยู่ห่างไกลจากเขตของมนุษย์
[นี่เป็นที่ที่โบราณวัตถุและเครื่องเซ่นไหว้ถูกฝังเอาไว้]
ดวงตาของซอลจีฮูได้เบิกโพล่งขึ้นมา
“เครื่องเซ่นไหว้? คุณปู่ของเธอก็แยกเก็บเครื่องเซ่นไหว้เอาไว้ด้วยหรอ?]
[ก็แน่นอนสิ ตระกูลรอชเชอร์ได้รับใช้ในเทพธิดาแห่งพรหมจรรย์ หนึ่งในคุณธรรมเจ็ดประการ เราได้รับหน้าที่จัดพิธีกรรมในทุกๆปี]
“ถ้างั้นคุณภาพของเครื่องเซ่นไหว้ก็คงจะน่าทึ่งมาก”
[ยังต้องให้บอกอีกหรอ? เทพธิดาแห่งพรหมจรรย์ชื่นชอบในพลังศักดิ์สิทธิ์ เพราะงั้นคุณปู่จึงมักจะส่งคำขอพิเศษจากที่วิหารอยู่เสมอ]
ซอลจีฮูได้ฝืนกลืนน้ำลายลงไป
ที่นี่ต่างไปจากที่แรก และมรดกที่ถูกฝังเอาไว้ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการอีกด้วย
ถึงแม้ว่าการที่มรดกถูกฝังอยู่ในเขตของปรสิตจะทำให้เขาต้องชั่งใจ
แต่ในเมื่อที่นั่นเต็มไปด้วยเหล่าปรสิต เขาก็ไม่น่าจะหาวิธีเข้าไปได้เลย….?
[โอ้ แล้วก็ที่นี่เป็นที่ที่ทองคำ เงิน แล้วก็สมบัติอื่นๆถูกฝังไว้]
ซอลจีฮูได้หยุดความคิดเอาไว้ และมองไปที่แผนที่อีกครั้ง นี่ก็ยังเป็นที่ที่อยู่ในเขตของปรสิต แต่ว่ามันอยู่ในโซนนอกแล้ว
บางทีซอลจีฮูอาจจะกล้าขึ้นมาหน่อยแล้วหลังจากไปเยือนคฤหาสน์โบราณของจักรพรรดิ เพราะว่าเขารู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม
[หากว่าอยากจะเอาของกลับมาให้หมด นายอาจจะต้องเตรียมรถม้าไปสิบคันใหญ่]
โฟลนได้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจด้วยความต้องการที่อยากจะโม้ถึงความมั่งคั่งของตระกูลเธอ
‘มากขนาดนั้นเลย…?’
[สมบัติอาจจะกองกันเป็นภูเขาได้เลยล่ะ! เป็นไงล่ะ? เป็นไง?]
โฟลนได้รีบพูดออกมาทันที
ซอลจีฮูได้จ้องไปที่เธอก่อนจะ…
“ฮึก”
…จู่ๆก็ร้องไห้ออกมา
โฟลนได้ตกใจทันที
[นะ นายกำลังร้อง!? ทำไมถึงร้องล่ะ!?]
“ไม่มีอะไรหรอก”
ซอลจีฮูได้ส่ายหัวออกมาในทันที
“ฉันก็แค่มีความสุข… ความกังวลของฉันหายไปในพริบตาเดียวเลย….”
[กว่าจะมาถึงตอนนี้มันคงจะลำบากมากสินะ ]
โฟลนได้ลูบหัวของซอลจีฮู เขาได้เช็ดน้ำตาก่อนจะหยักหน้าออกมา
“ฉันมีความสุข มีความสุขจริงๆนะ ในตอนนี้ฉันจะได้หาที่ที่เรียกว่าบ้าน ซื้อหอกใหม่ เกราะใหม่ แล้วก็…”
[หอก?]
“ใช่แล้ว… หอกที่ฉันเคยใช้ได้พังไปในระหว่างสงครามแล้ว….”
เขาจำไม่ได้ว่าหอกพังไปยังไง แต่ว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นมา หอกของเขาก็หายไปแล้ว เขาได้มารู้ทีหลังว่าหอกของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ และสำหรับเกราะยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
[เยี่ยม ถ้างั้นที่นี่เป็นไงล่ะ?]
ซอลจีฮูได้เช็ดจมูกพร้อมทั้งมองตานิ้วของโฟลน นี่เป็นสถานที่เดียวที่ไม่ได้อยู่ในเขตของพาราไดซ์
‘เดี๋ยวนะ’
เรื่องสถานที่ตั้งมันค่อนข้างๆจะแปลกๆ มันไม่ใช่เขตของปรสิต… แต่ว่าเป็นพื้นที่พรมแดน…
กับสหพันธรัฐ
[ที่นี่เป็นที่ที่ของมีค่าของตระกูลรอชเชอร์ได้ถูกฝังเอาไว้ เพราะงั้นก็น่าจะมีอาวุธดีๆถูกฝังเอาไว้ด้วย]
ทันใดนั้นซอลจีฮูก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“ครอบครัวของเธอเป็นพ่อค้าไม่ใช่หรอ?”
[…อะไรงั้นหรอ?]
โฟลนได้ตอบกลับมาอย่างช้าๆ เธอดูจะโกรธเล็กน้อย
“จู่ๆฉันก็สงสัยขึ้นมาน่ะ จากความมั่นคั่งที่ตระกูลของเธอที่มี ฉันก็เลยสงสัยว่าตระกูลเธอโด่งดังขึ้นจากการค้าอาวุธงั้นหรอ?”
[ค้าอาวุธธธธธ?]
น้ำเสียงของเธอได้ดังขึ้นอย่างกระทันหัน
[ไม่มีทาง! นายบอกว่าตระกูลรอชเชอร์โด่งดังจากการค้าอาวุธงั้นหรอ?!]
โฟลนได้เด้งตัวขึ้นมา
[ใจร้าย!? นายพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน? นายคิดว่ามันเป็นไปได้หรอที่ตระกูลที่รับหน้าที่ในการทำพิธีกรรมจะไปค้าอาวุธ?]
ซอลจีฮูได้กลายเป็นพูดไม่ออกขึ้นมาเมื่อเห็นโฟลนทำท่าราวกับเธอโดนดูถูกอย่างแรง
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงโกรธ แต่ว่าเขาก็ได้ขอโทษออกไปที่ทำให้เธอไม่พอใจ
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย…”
[ฮึ่ม นายนี้ไม่รู้อะไรเลย! ก็ได้ ฉันจะบอกสักครั้ง เพราะงั้นตั้งใจฟังนะ!]
โฟลนได้ตะโกนออกมาทั้งๆที่ยังทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็ก และพูดต่อ
[รอชเชอร์เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่หยั่งรากลึกในหมู่ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ พวกเขาก็ยังเป็นดยุคที่เป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาด้วย]
“สี่ตระกูล?”
[กอร์กอนู สวมมงกุฎในฐานะจักรพรรดิ และเป็นที่รู้จักในฐานะหัวใจแห่งจักรวรรดิ! เรทิเฮ็น โล่แห่งจักรวรรดิ! มอนพาชา หัวและสายตาแห่งจักรวรรดิ! และรอชเชอร์ ‘หอกแห่งจักรวรรดิ’!]
ซอลจีฮูได้เบิกตากว้างออกมา
[สิ่งที่ถูกฝังไว้ที่นี่ก็คืออาร์ติแฟคศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเรา!]
“เดี๋ยวนะ เธอหมายถึง-“
[ถูกแล้วล่ะ! ฉันกำลังพูดถึงหอกพิศุทธิ์ซึ่งเทพธิดาแห่งพรหมจรรย์ได้มอบมันให้กับผู้ก่อตั้งตระกูลของเรา! นายคิดว่าฉันกำลังพูดถึงของที่จะถูกขายในการประมูลงั้นหรอ?]
ซอลจีฮูได้อ้าปากค้างออกมา
อาวุธที่เทพได้มอบให้งั้นหรอ?
เขาไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าอาวุธนี้จะทรงพลังขนาดไหน
[แน่นอนว่าฉันรู้ว่าในตอนนั้นตระกูลกอร์กอนูของจักรวรรดินั้นไม่มีใครเทียบได้ แต่ว่าก็เถอะนะ!]
“โอ้ววว! รอชเชอร์! โอ้ววววว!”
ซอลจีฮูได้ปรบมือออกมาอย่างแรง โฟลนที่ในที่สุดก็ได้ปฏิกิริยาที่ต้องการได้ส่งเสียง ‘ฮึ่ม’ ออกมาก่อนที่จะเท้าเอว และยืดอกออกมา
[ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วสินะ แล้วนายจะไปไหนล่ะ?]
เมื่อเขาได้มองไปที่แผนที่ ความโลภก็ได้เข้าปกคลุมดวงตาของซอลจีฮู ใบหน้าของเขาได้ที่เคยเต็มไปด้วยความกังวล ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นความสุขที่ต้องกังวลว่าจะเลือกไปที่ไหนก่อนดี
ในหัวของเขากำลังบอกให้เขาเลือกเงิน แต่ว่าในใจของเขากำลังตะโกนออกมาให้เลือกหอก
‘อาร์ติแฟคจากจักรวรรดิ… แล้วก็ยังเป็นของที่เทพมอบให้…’
ซอลจีฮูได้กลืนน้ำลายลง และเหลือบไปมองโฟลนที่กำลังลอยอยู่อย่างภูมิใจ
“โฟลน ที่นี่คงไม่ได้มีแค่หอกใช่ไหม?”
[ใช่สิ มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงล่ะ?]
“งั้นสินะ? มันคงจะมีของอย่างอื่นอยู่อีกใช่ไหม? อย่างของตกแต่งหรือทองหรือเงินสักหน่อย”
[บางทีก็น่าจะมีนะ คุณปู่ได้แบ่งตามประเภท แต่ว่าคุณปู่คนไม่ได้แยกออกหมดหรอก… แต่ว่าทำไมหรอ?]
ซอลจีฮูได้เลียริมฝีปากออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก แต่ว่าเธอคิดว่ามันจะมีของพวกนั้นมากแค่ไหนหรอ?”
[อืมม… มันก็ไม่มีทางรู้จนกว่าเราจะไปดูด้วยตาตัวเองหรอกนะ… แต่ว่าอย่าตั้งความหวังสูงเกินไปนะ]
“แต่ว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะมีเท่าคฤหาสน์จักรพรรดิใช่ไหม?”
[เอ๋? นี่นายกำลังพูดอะไรอยู่?ล
โฟลนได้แค่นเสียงขึ้น และโบกมือออกมา
[มันชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องมากกว่าที่นั่น]
‘อย่างที่คิดเลย’
ดวงตาซอลจีฮูได้เป็นประกายขึ้นมา เขาได้ถูมือเข้าด้วยกันก่อนจะถามอีกครั้ง
“ถ้างั้นแล้วมากแค่ไหนล่ะ?”
[อืมมม… อย่างน้อยก็ทองสองสามกล่องล่ะมั้ง]
แค่กๆ
ซอลจีฮูได้ไอออกมาอย่างแรง
‘พระเจ้า!’
แค่เศษเสี้ยงความมั่งคั่งของตระกูลก็ทองสองสามกล่องแล้วงั้นหรอ!?
มันไม่มีอะไรให้ต้องลังเลอีกแล้ว ซอลจีฮูได้ตั้งเป้าหมายต่อไปในทันที
แม้ว่ามันจะเป็นที่ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ว่าเขาก็ค่อยไปหาข้อมูลมาก็ได้
‘สำหรับตอนนี้ก็พอแล้ว’
ในทันทีที่เขาได้ตัดสินใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
สัญลักษณ์ดอลลาห์ได้ปรากฏขึ้นในม่านตาของซอลจีฮูที่ซึ่งเริ่มหมุนเหมือนตู้สล็อต
[!?]
เสียงหัวเราะของเขาได้ทำให้โฟลนต้องผงะไปด้วยความตกใจ
[กะ เกิดอะไรขึ้น? อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ นี่มันน่ากลัวแปลกๆ]
“โฟลน…”
ซอลจีฮูได้เมินต่อคำขอของเธอ และจ้องมองเธอด้วยความหลงใหลอย่างลึกซึ้ง
“เธอเป็นเครื่องรางนำโ๙คของฉันสินะ? หรือว่าเป็นร่างอวตาลของเทพธิดาแห่งโชคชะตากันล่ะ?”
[จะ จู่ๆก็พูดเรื่องอะไรกัน? ไสหัวไปเลย ชิ่ววว!]
โฟลนได้รีบหันหน้าบินหนีไปทันที แต่ว่าซอลจีฮูที่เก็บความสุขเอาไว้ไม่ไหว…
“โฟลนนน!”
…เขาได้กางแขนและกระโจนออกมา
[ม่ายยยย!]
โฟลนได้กรีดร้องออกมา
“ฮูเร่ห์!”
[อย่ามาแตะฉันนะ! นายจะทำแบบนี้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้…!]
“ฮูเร่ห์ โฟลน!”
[อ๊าาาา ฉันจะฆ่านาย!]
เสียงร้องกับเสียงหัวเราะได้ดังออกมาจากห้องของเขาอยู่นาน โชคดีที่ไม่มีคนอื่นอยู่ในสำนักงานคาเพเดี่ยม