บทที่ 213เกิดความโกลาหล!

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

บทที่ 213เกิดความโกลาหล!

มิติ

หลังจากฆ่าสัตว์อสูรทั้งหมด เย่เทียนก็ปลดเปลื้องทักษะการปลอมตัวและมองไปที่รอยแยก

“เยว่เอ๋อ ผมกําลังจะกลับไป!”

เย่เทียนส่งข้อความผ่านรอยแยก

อีกด้านหนึ่งของรอยแยก

จักรพรรดิจันทราได้ยินคําพูดของเย่เทียน และเห็นร่างของเย่เทียนที่ผ่านรอยแยกมิติมาเธอจึงรีบกล่าวกับจอมเวทย์ค่ายกล”เย่เทียนกําลังจะกลับมาพวกคุณรีบถอนค่ายกลออกไป!”จอมเวทย์ค่ายกลต่างรู้ถึงตัวตนของจักรพรรดิจันทราดีพวกเขาไม่กล้าชักช้ารีบถอนค่ายกลออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานรอยแยกมิติก็กลับสู่ระดับ 3 ดาวอีกครั้ง

เมื่อรอยแยกมิติกลับมาเป็นระดับ 3 ดาวเย่เทียนก็ลงมือทันที!

“เปิด!”

เย่เทียนกระตุ้นพรสวรรค์ด้านมิติและฝืนฉีกรอยแยกโยนแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งสิ่งมหัศจรรย์ห้าดาวออกไป

แม้ว่ารอยแยกมิตินี้จะมีพลังกดทับที่น่าสะพรึงกลัว แต่ไม่สามารถทําอะไรแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งได้

“นั่นอะไรน่ะ?”

จอมเวทย์ค่ายกลหลายคนของฐานทัพจงไห่ตกใจเมื่อเห็นแผ่นศิลาขนาดใหญ่พุ่งออกมา

ในเวลานี้ มีระดับราชาจํานวนมากที่ยังอยู่ใกล้รอยแยกรวมไปถึงเย่วหลิงอีกคน

เมื่อเย่วหลิงเห็นแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งเธอก็ตะลึงงันไปในทันที เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันคุ้นเคย

“นี่….ศิลาแห่งเต๋า!!!”

เย่วหลิงเคยใช้แผ่นศิลาแห่งเต๋าเพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับราชาเธอจึงคุ้นเคยกับศิลาแห่งเต๋าเป็นอย่างดีแต่ศิลาแห่งเต๋าของตระกูลเย่วนั้นเป็นเพียงแผ่นหินขนาดเล็กเท่าหนึ่งตัวคนแต่นี้เป็นแผ่นหินที่สูงนับ 100 เมตร

“ไม่ใช่ แม้ว่าแผ่นหินสองแผ่นนี้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่ใช่แผ่นหินชนิดเดียวกัน ดูเหมือนว่าศิลาจารึกที่อยู่ตรงหน้าเรานั้นจะมีอํานาจสูงกว่าแผ่นศิลาแห่งเต๋าของตระกูลเย่วเราเสียอีกศิลาแห่งเต๋าของตระกูลเย่วเราไม่เพียงแต่เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนเท่านั้นแต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าแผ่นศิลานี้อีกด้วย ”

เย่วหลิงคิดในใจ

ในเวลานี้ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทําไมเย่เทียนถึงต้องบุกเข้าไปในโลกของสัตว์อสูรเพราะโลกของสัตว์อสูรมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็จะต้องหวั่นไหว

จักรพรรดิจันทราเองก็จ้องเขม็งที่แผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งเต๋า ในตอนนี้เธอถูกดึงดูดโดยสมบูรณ์

ศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้มีขนาดใหญ่กว่าศิลาเทพสงครามอีกทั้งกลิ่นอายก็ทรงพลังยิ่งกว่าเห็น
ได้ชัดว่ามันไม่ได้เป็นสมบัติในระดับเดียวกัน

“แผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้มีมูลค่าที่สูงมาก เกรงว่ามันจะทําให้เกิดการต่อสู้ของระดับจักรพรรดิมากมายนับไม่ถ้วน!”

จักรพรรดิจันทราลอบคิดกับตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เย่เทียนนั้นแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะผู้ฝึกยุทธระดับจักรพรรดิคนอื่นๆได้อย่าง

น้อยในฐานจงไห่ก็คงจะไม่มีใครกล้าที่จะแย่งชิง
ตูม!!!!

ภายใต้การผลักดันของเย่เทียน แผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งพุ่งผ่านรอยแยกมิติออกมาโดยไม่รีรอจักรพรรดิจันทราเองก็ลงมือทันทีเธอคว้าจับแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งไว้และวางมันลงข้างกายรอคอยเย่เทียนกลับมา

ตูม!!!!

รอยแยกมิติถูกฉีกขาดอีกครั้งเงามนุษย์ได้แหวกผ่านความว่างเปล่าออกมาในตอนนี้ ร่างของเย่เทียนอาบไปด้วยเลือด ราวกับเทพสงครามโลหิตก็มิปาน

“ท่านเย่เทียน ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”

ราชาคนหนึ่งรีบถาม

“แค่มาดแผลนิดหน่อยเท่านั้น! ”

เย่เทียนยิ้มและเปิดใช้งานพรสวรรค์ในการรักษาบาดแผลของเขาสมานตัวอย่างรวดเร็วจากนั้นเขาก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาเล็กน้อยเลือดทั้งหมดบนร่างกายของเขาถูกขจัดออกไปในทันที เปลี่ยนตัวเองเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและสะอาดสะอ้าน

“เอาล่ะ พวกคุณไปจัดวางค่ายกลใหม่เถอะ!”

เย่เทียนกล่าวกับกลุ่มจอมเวทย์ค่ายกล

“ขอรับ!”

จอมเวทย์หลายคนตอบพร้อมกัน

“เยว่เอ๋อ ไปกันเถอะ!”

เย่เทียนถือแผ่นศิลาแห่งเต๋าด้วยมือข้างเดียวและกล่าวออกมา
“อื้ม!”

จักรพรรดิจันทราพยักหน้า

พวกเขาบินออกไปและหายลับไปจากสายตาของผู้คนอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้ากลับไปยังฐานจงไห่

ระหว่างทาง

“เย่เทียน ศิลาแห่งการรู้แจ้งแผ่นนี้ไม่สามารถเก็บในถุงเก็บสมบัติหรือมิติส่วนตัวได้อย่างนั้นหรือ?”

จักรพรรดิจันทราถาม

“ไม่ได้ ผมพยายามแล้วมันไม่ได้ผล!”เย่เทียนส่ายหน้า”ศิลาแห่งการรู้แจ้งคือสิ่งมหัศจรรย์ของสวรรค์และโลกว่ากันว่าสิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ไม่มีทางที่จะเก็บเข้าไปในมิติส่วนตัวหรือถุงเก็บสมบัติได!”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”

จักรพรรดิจันทราตระหนักได้ในทันที

ศิลาแห่งการรู้แจ้งไม่อาจปิดบังได้ด้วยขนาดของมันที่โดดเด่นเกินไปมันดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างแน่นอนเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเย่เทียนและจักรพรรดิจันทราจึงไม่คิดที่จะปิดบัง

ในทางกลับกันพวกเขาเองก็มีขุมกําลังที่สามารถปกป้องแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งได้ทั้งสองปรึกษาหารือกันแล้วแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งจะถูกเก็บไว้ในหอสวรรค์เมื่อกลับไปแล้วเย่เทียนจะสร้างสํานักงานใหญ่ของหอสวรรค์ขึ้นมาใหม่และศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้ก็จะกลายเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของหอสวรรค์

ศิษย์ของหอสวรรค์ทุกคนล้วนมีโอกาสที่จะได้ใช้งานมัน

นอกจากนี้ นิกายเทพจันทราก็ยังได้รับสิทธิ์เช่นกันแน่นอนว่าในจํานวนคนที่จํากัดมิฉะนั้นศิลาแห่งการรู้แจ้งแผ่นนี้คงจะพูดไม่ได้ว่ามันเป็นสมบัติของหอสวรรค์

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงฐานจงไห่

เมื่อผู้คนเห็นว่าเย่เทียนและจักรพรรดิจันทราบินมาพร้อมกับศิลาแผ่นใหญ่ที่ปลดปล่อยอํานาจที่น่าเกรงขามออกมา ทําให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้คนทันที

ผู้ฝึกยุทธ์มากมายหลายคนปรากฏตัวขึ้นมีทั้งระดับราชาและระดับศักดิ์สิทธิ์”นั่นอะไรน่ะ?”

“ศิลาแผ่นนี้มีขนาดใหญ่มากทําไมฉันสัมผัสได้ว่ามันดูคล้ายกับศิลาเทพสงคราม?”

“มันเหมือนกับศิลาเทพสงครามจริงๆด้วยพระเจ้าจักรพรรดิเย่เทียนและจักรพรรดิจันทราคงไม่ได้พบกับอาณาจักรสาปสูญและนําสมบัติอย่างศิลาเทพสงครามกลับมาใช่ไหม?”

“ทุกคนล้วนแต่รู้ดีถึงประโยชน์ของศิลาเทพสงครามถ้าจักรพรรดิเย่เทียนและจักรพรรดิจันทราได้รับศิลาที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับศิลาเทพสงครามมาแล้วล่ะก็ไม่ใช่ว่าศิษภายใต้บังคับบัญชาของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วหรอกหรือ?”

ท่ามกลางเสียงพูดคุย เย่เทียนและจักรพรรดิจันทราก็เข้าสู่ฐานจงไห่และเก็บศิลาแห่งการรู้แจ้งไว้ภายในนิกายเทพจันทราชั่วคราว

ไม่กี่วันถัดมา หอสวรรค์ก็ได้ก่อสร้างสํานักงานใหญ่แห่งใหม่ขึ้น ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าและยังได้สร้างห้องโถงใหญ่เพื่อเป็นที่จัดวางศิลาแห่งการรู้แจ้งภายในห้อง

โถงใหญ่ของสํานักงานใหญ่มีพื้นที่ใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 100 เมตร

เหล่าผู้ฝึกยุทธสามารถสร้างอาคารขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วดังนั้นอาคารสํานักงานใหญ่ทั้งหมดใช้เวลาก่อสร้างเพียงแค่ 10 วันเมื่อสํานักงานใหญ่ของหอสวรรค์ถูกสร้างขึ้นเรียบร้อย

เย่เทียนก็ย้ายศิลาแห่งการรู้แจ้งมาไว้ในหอสวรรค์ทันที
ในขณะเดียวกัน

เย่เทียนก็เปิดใช้งานแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งศิษย์ของหอสวรรค์สามารถใช้คะแนนเพื่อท่า

ความเข้าใจแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งได้ ส่วนศิษย์หลักและผู้อาวุโสของนิกายเทพจันทราก็ได้รับสิทธิพิเศษเหล่านี้เช่นกัน

ไม่นานเรื่องของกีฬาแห่งการรู้แจ้งก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และมันก็ได้ดึงดูดความสนใจของขุมกําลังใหญ่ในฐานจงไห่ทั้งหมด

ในวันถัดมา

ฉินจง, วิหารเทพทมิฬ, พันธมิตรพเนจรและเหล่าผู้อาวุโสของหอทหารรับจ้างขวานสงครามต่างก็มาพบเย่เทียนพวกเขาหวังว่าเย่เทียนจะอนุญาตให้กองกําลังของพวกเขาใช้งานกีฬาแห่งการรู้แจ้งเช่นกัน

อย่างไรก็ตามค่าตอบที่พวกเขาได้รับจากเย่เทียนมีเพียงค่าเดียว:นั่นก็คือไม่!

เย่เทียนปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด!

ศิลาแห่งการรู้แจ้งเป็นสมบัติที่เขาต้องเสี่ยงชีวิตนํามันกลับมา เขาจะปล่อยให้คนอื่นใช้งานมันง่ายๆได้อย่างไร?

ณ สํานักงานใหญ่ของหอทหารรับจ้างขวานสงครามจักรพรรดิคนหนึ่งกําลังบ่นกับจักรพรรดิขวานสงครามที่เพิ่งกลับมา

“จักรพรรดิขวาน เย่เทียนได้รับสมบัติที่คล้ายกับศิลาเทพสงครามมาและฉันก็รู้สึกว่าสมบัติชิ้น

นั้น มันดีกว่าศิลาเทพสงครามเสียอีกแต่เย่เทียนกลับถือเอกสิทธิ์ครอบครองมันไว้แต่เพียงผู้เดียว

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอัจฉริยะทั้งหมดคงจะเข้าร่วมหอสวรรค์ ใครจะมาเข้าร่วมกับหอทหาร

รับจ้างขวานสงครามของเรา?”

จักรพรรดิขวานขมวดคิ้วในใจเขาเองก็อยากได้โควต้าจากหอสวรรค์เช่นกันแต่เขาดีรู้ว่าโอกาสที่จะได้รับตําแหน่งนั้นน้อยมาก แต่พอมาคิดคิดดูแล้วเขาเองก็เคยทําเช่นนั้นเหมือนกัน

ในตอนที่เขาได้รับทักษะดาบระดับตํานานมาใครก็ตามที่ต้องการจะตรวจสอบมันก็ต้องจ่ายค่า

ตอบแทนอย่างมหาศาลและมูลค่าของศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้ไม่รู้ว่ามันมีค่ามากกว่าทักษะดาบระดับตำนานกี่เท่า

เย่เทียนจะยอมให้โควตากับคนอื่นง่ายๆอย่างนั้นเหรอ?

อีกอย่าง แม้กระทั่งการใช้ศิลาเทพสงครามยังต้องใช้คะแนนของหอคอยเทพสงครามเพื่อแลกเปลี่ยนและไม่มีใครที่อยากจะขายคะแนนของหอคอยเทพสงครามเช่นกัน

หากต้องการใช้ศิลาแห่งการรู้แจ้งของเย่เทียนแล้วเราก็ ค่าใช้จ่ายก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการ

“จักรพรรดิขวาน ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเย่เทียนและจักรพรรดิจันทรานั้นค่อนข้างดี

ทําไมนายถึงไม่ลองไปเจรจากับพวกเขาดูสักหน่อยล่ะ?”

ผู้ฝึกยุทธระดับจักรพรรดิกล่าว