บทที่ 214 แต่งงาน!

“ตกลง ฉันจะลองดู!”

จักรพรรดิขวานครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะกัดฟันกล่าวออกมา

ตามหลักแล้วการที่จักรพรรดิอย่างเขาไปขอร้องคนอื่นเป็นเรื่องที่น่าอับอายไม่น้อยแต่ศิลา

แห่งการรู้แจ้งไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของเขาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับหอทหาร

รับจ้างขวานสงครามด้วย มันจะส่งผลกับการบ่มเพาะของอัจฉริยะ

ดังนั้นเขาจึงต้องวางศักดิ์ศรีของเขาลงก่อน!

สํานักงานใหญ่ของหอสวรรค์

เย่เทียนและจักรพรรดิจันทรากําลังพูดคุยกันอยู่

“เย่เทียน คุณคงจะพบกับตัวแทนระดับสูงจากขุมกําลังอื่นๆแล้ว บางทีกองกําลังเหล่านี้คงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าจักรพรรดิขวานส่งครามหรือจักรพรรดิฉินมาขอโควต้าด้วยตนเองเช่นนั้นคุณจะหาอย่างไรต่อไป?
จักรพรรดิจันทราถาม

“ก็แค่ปฏิเสธ!” เย่เทียนพูดยังไม่ใส่ใจ

เมื่อได้ยินดังนั้นจักรพรรดิจันทราก็ให้แนะนํา”ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณมอบโควตาสักเล็กน้อยให้กับพวกเขาหอสวรรค์ยังไม่เติบโตเท่าที่ควรถ้าทําให้กองกําลังเหล่านี้ไม่พอใจขึ้นมาจริงๆมันจะส่งผลกระทบกับหอสวรรค์เหล่าสาวกของกองกําลังเหล่านั้นอาจจะสร้างปัญหาให้กับศิษย์ของหอสวรรค์ก็ได้หากเป็นเช่นนั้นมันจะมีปัญหากับการเติบโตของศิษย์หอสวรรค์นอกจากนี้หอสวรรค์ยังต้องใช้ทุนจํานวนมากในการเติบโตและคุณเองก็จําเป็นต้องฝึกฝนต่อไปคงไม่มีเวลามารวบรวมทรัพยากรให้กับพวกเขาเมื่อไม่มีทรัพยากรหอสวรรค์จะพัฒนาได้ช้าลงหากคุณใช้โควตาแลกกับทรัพยากรเช่นนี้ก็สามารถเร่งการพัฒนาของหอสวรรค์ได้อีกทั้งกองกําลังอื่นๆก็จะไม่รุกรานหอสวรรค์”

“โคตาแลกกับทรัพยากร!”

สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนไปและเริ่มคิดถึงก่าไรและขาดทุน

ในความเป็นจริงโควต้าเหล่านี้ไม่จําเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ศิษย์ของหอสวรรค์ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ศิลาแห่งการรู้แจ้งได้อย่างแท้จริง แม้ว่าจะต้องนับรวมศิษย์ของนิกายเทพจันทราด้วย แต่โควต้าก็ยังเหลือว่างอยู่มากสิ่งมหัศจรรย์ระดับห้าดาวอย่างศิลาแห่งการรู้แจ้งเป็นประโยชน์ต่อคนจํานวนมากแม้ว่าจะมีคนเข้ามาใช้งานมากยิ่งขึ้นแต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิมมันไม่ได้เสื่อมประสิทธิภาพลงการมอบโควต้าให้กับกองกําลังเหล่านั้นมันจะส่งผลกระทบต่อการปลูกฝังอัจฉริยะในกอง

กําลังของพวกเขา มันสามารถการันตีความสําเร็จในอนาคตของอัจฉริยะเหล่านี้ได้เช่นกันนอกจากนี้จักรพรรดิจันทรายังพูดถูกหอสวรรค์ต้องการทรัพยากรอีกมากไม่ว่าจะเป็น สมบัติที่ช่วยเพิ่มพรสวรรค์และสมบัติช่วยยกระดับพรสวรรค์สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หอสวรรค์ยังคงขาดอยู่หากไม่มีทรัพยากรเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะมีกีฬาแห่งการรู้แจ้งหอสวรรค์ก็ยังยากที่จะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเย่เทียนก็ตัดสินใจ”เยว่เอ๋อที่คุณพูดก็มีเหตุผลเช่นนั้นก็ให้โควต้าแก่ขุมกําลังเหล่านั้นซักเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ต้องใช้ทรัพยากรมาแลกกับโควต้าของเรา”หลังจากนั้นไม่นานศิษย์หอสวรรค์ก็รีบเข้ามารายงาน

“ท่านประมุขจักรพรรดิขวานสงครามและจักรพรรดิฉินมาขอเข้าพบ!

ศิษย์ผู้นี้กล่าวด้วยอาการสั่นเทา

เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์เท่านั้น การที่เขาต้องต้อนรับแขกที่ทรงพลังเช่นนี้หาก

จิตใจของเขาไม่เข้มแข็งพอเกรงว่าแม้แต่การก้าวเดินเขายังจะทําไม่ได้

“เอาล่ะ เจ้าออกไปก่อนไม่จําเป็นต้องร้อนรนหรอก!”

เย่เท่ยนยิ้มและพูด

เมื่อศิษย์ของหอสวรรค์ออกไป เย่เทียนและจักรพรรดิจันทราก็เดินจับมือกันไปที่ห้องโถงใหญ่ของหอสวรรค์

“จักรพรรดิเย่เทียน! จักรพรรดิจันทรา!”

จักรพรรดิขวานและจักรพรรดิฉินลุกขึ้นยืนและประสานมือของพวกเขา

“จักรพรรดิทั้งสองเชิญนั่ง!”

เย่เทียนกล่าวอย่างสุภาพ

หลังจากทุกคนนั่งลงแล้วจักรพรรดิขวานสงครามก็เอ่ยขึ้นว่า “จักรพรรดิเย่เทียน คุณน่าจะรู้จุดประสงค์ของเราดี ฉันเองก็แบกหน้ามาขอร้องให้คุณเกี่ยวกับศิลาแห่งการรู้แจ้งคุณสามารถแบ่งโควตาศิลาแห่งการรู้แจ้งให้แก่เราได้หรือไม่ฐานจงไห่ของพวกเราจําเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตเราถึงจะสามารถปกป้องฐานของเราเอาไว้ได้ฉันว่าคุณน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี”

“ใช่แล้ว!”จักรพรรดิฉินก็พูดขึ้นว่า”จักรพรรดิเย่เทียนมันเป็นประโยชน์ต่อฐานจงไห่ของพวกเราเพียงโควต้าเล็กน้อยเท่านั้น ทําไมคุณถึงต้องสนใจมันด้วย?”

เย่เทียนยิ้มและกล่าวว่า “ท่านทั้งสอง หากผมต้องการแบ่งปันสมบัติทั้งหมดของฉินจงและขอทหารรับจ้างกวาดสงครามเพื่อประโยชน์ต่อฐานจงไห่พวกท่านจะเห็นด้วยหรือไม่?”

จักรพรรดิฉิน ” …

จักรพรรดิขวานสงคราม “…”

ทั้งสองมองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

การแบ่งปันสมบัติของกองกําลังของพวกเขานี่ไม่ใช่ว่าเป็นการแบ่งปันรากฐานทั้งหมดของกองกําลังพวกเขาให้ผู้อื่นหรอกหรือ?ใครจะไปยอมกัน!

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิทั้ง 2 นี่เงียบไปเย่เทียนก็อดรู้สึกไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเขาจึงกล่าวต่อว่า”จักรพรรดิ์ทั้งสองจริงๆแล้วผมเองก็ต้องการสร้างประโยชน์ให้ฐานจงไห่เช่นกันสําหรับเรื่องโควต้า ……

จักรพรรดิทั้งสองไม่ได้โง่เมื่อเห็นการแสดงออกของเย่เทียนพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเย่เทียนต้องการจะพูดอะไร

“จักรพรรดิเย่เทียนคุณต้องการสิ่งใดโปรดเราออกมา!”จักรพรรดิขวานได้เตรียมที่จะตกลงไปในหลุมที่เย่เทียนวางไว้

“ใช้ทรัพยากรเพื่อแลกกับโควต้าผมจะเสนอทรัพยากรบางส่วนก่อนพวกท่านลองไปคิดดู!”ทันใดนั้นเย่เทียนก็กล่าวว่าเขาต้องการสมบัติที่สามารถเพิ่มพรสวรรค์หรือยกระดับพรสวรรค์

หินปราณสมบัติที่ช่วยเสริมสร้างเส้นชีพจรและสมบัติที่ช่วยเปิดจุดชีพจร

ตําราลับต่างๆ และอื่นๆเย่เทียนเอ่ยกล่าวถึงสมบัติทั้งหมดออกมาทีละอย่าง

“จักรพรรดิ์ทั้งสองสมบัติเหล่านี้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นแต้มทรัพยากรได้ตามมูลค่าของมันผมจะแลกเปลี่ยนเป็นเวลาและจํานวนโควต้าตามคะแนนทรัพยากรแน่นอนว่ามันจํากัดเช่นกันแต่ละกองกําลังจะได้รับเพียง 20 โควต้าต่อปีและสามารถใช้งานกีฬาแห่งการรู้แจ้งได้เป็นเวลา 2เดือนนอกจากนี้ผมจะบอกพวกคุณว่าผลลัพธ์ของศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้เหนือกว่าศิลาเทพสงครามมาก

เย่เทืยนกล่าว

“ศิลาแห่งการรู้แจ้งนั้นดีกว่าศิลาเทพสงครามมากอย่างนั้นหรือ? นี่คุณพูดจริงหรือไม่?”

จักรพรรดิขวานสงครามถามด้วยความตื่นเต้น

“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง!”

เย่เทียนพยักหน้า

จากนั้นเย่เทียนก็บอกเวลาและอัตราส่วนในการแลกเปลี่ยนทรัพยากร

จักรพรรดิขวานและจักรพรรดิฉินไม่ได้ให้คําตอบในทันที แต่กําลังพิจารณาถึงผลได้ผลเสีย

เมื่อเทียบกับคะแนนจากหอคอยเทพสงคราม คะแนนของเย่เทียนนั้นแน่นอนว่าถูกกว่าหลาย

เท่า แต่มันก็จํากัดเวลาและจํานวนโควต้า

หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่

จักรพรรดิขวานสงครามก็กล่าว “เย่เทียน ฉันเห็นด้วยกับข้อตกลงของคุณ!”

จักรพรรดิฉินพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันก็เห็นด้วยเช่นกัน!”

เย่เทียนยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าบรรลุตามเป้าหมาย

ดังนั้นตอนนี้การพัฒนาของหอสวรรค์จึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป!

ไม่กี่วันถัดมา หัวหน้าขุมกําลังอื่นๆ ก็ทยอยกันมาพบเย่เทียน เย่เทียนก็ให้โควต้าพวกเขาจำนวนเล็กน้อยเพื่อแลกกับทรัพยากรจํานวนมาก

ด้วยทรัพยากรมากมายเช่นนี้หอสวรรค์จึงเริ่มรับสมัครศิษย์จํานวนมาก ที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง16 ปี

ในช่วงเวลานั้นเหล่าอัจฉริยะจํานวนมากได้เข้าร่วมกับหอสวรรค์และเย่เทียนก็ได้มอบหมาย

หน้าที่จัดการเรื่องราวทั้งหมดให้กับเย่หยู ส่วนตัวเขาเองนั้นเก็บตัวฝึกฝนอีกครั้ง

พริบตาเดียวครึ่งปีก็ผ่านไป!

หอสวรรค์ได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้ระดับศักดิ์สิทธิ์คนแรกได้เกิดขึ้นแล้วซึ่งก็คือเย่หยู

เย่หยูไม่เพียงแต่ก้าวไปสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย แต่เธอยังกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับมหาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

ครั้งที่ห้าแล้ว ตอนนี้ขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่หกกําลังจะถูกทําลายลง

เย่เทียนมีความก้าวหน้ามากที่สุด เขาประสบความสําเร็จในการทําลายขีดจํากัดของร่างกาย

ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขามีความสามารถเพียงพอที่จะผ่านชั้นที่ 21 ของหอคอยเทพสงครามได้แล้ว!

แต่สําหรับเขาในตอนนี้ เขาไม่จําเป็นต้องท้าทายหอคอยเทพสงครามอีกต่อไป

หอคอยเทพสงครามเป็นเพียงสมบัติที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหอคอยเทพสงครามคือ ศิลาเทพสงคราม หรือสิทธิ์ในการใช้งานหอคอยเทพสงครามเพื่อโจมตีและป้องกันแต่ในตอนนี้สิทธิพิเศษทั้งหมดไม่มีประโยชน์กับเขาอีกต่อไปพลังของเขาแข็งแกร่งกว่า

การโจมตีและการป้องกันของหอคอยเทพสงครามแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จําเป็นต้องเข้าไปท้าทายหอคอยเทพสงครามอีกต่อไป

แน่นอน

สําหรับเย่เทียนแล้ว สิ่งที่มีความสุขที่สุดก็คือเขาและจักรพรรดิจันทราได้แต่งงานกันอย่างเป็นทางการแล้ว

จักรพรรดิจันทราได้กลายเป็นภรรยาของเขาและทั้งสองได้จัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ซึ่งสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฐานจงไห่

เนื่องจากการแต่งงานระหว่างเขากับจักรพรรดิจันทรา ทําให้หอสวรรค์และนิกายเทพจันทรา

เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ศิษย์ของหอสวรรค์จํานวนไม่น้อยถึงกับตกหลุมรักกับศิษย์นิกายเทพจันทรา

ในวันนี้

เย่เทียนก็ได้พาจักรพรรดิจันทราไปดื่มน้ําผึ้งพระจันทร์หลังแต่งงาน ( ฮันนีมูน ) ปลายทางที่พวกเขาเลือกคือริมทะเล

ตั้งแต่เย่เทียนข้ามมิติมาเป็นเวลานาน แม้ว่าในชีวิตที่แล้วเขาจะเคยไปเที่ยวทะเลมาบ้างแต่จักรพรรดิจันทราไม่เคยไปทะเลมาก่อน

ทะเลของยุคนี้มีลักษณะอย่างไรนี่เป็นเรื่องที่เขาสนใจเป็นอย่างมาก!