ตอนที่ 161

Black Tech Internet Cafe System

นาหลันฮงวูและผู้เฒ่าฟูเองที่เพิ่งเดินมาถึงหน้าร้าน เพียงไม่กี่นาทีอันหูเว้ยและคนอื่นๆ ก็ตามมาสบทบ

 

นาหลันฮงวูสังเกตประกาศบนกระดาษดำเล็ก “รายการใหม่วันนี้?” เขาบ่นพึมพำ “ราชวงศ์หยกหรอ?” เขาจับเคราพลางคิด “หืม .. ชื่อนี้ฟังดูยิ่งใหญ่”

 

“ละครทีวีคืออะไร?” เขาถาม

 

ฟางฉีอธิบายซ้ำตามที่เขาได้อธิบายให้ตงชิงลี่และคนอื่นๆ ฟัง

 

“เราสามารถเห็นสถานที่หรือสภาพแวดล้อมของละครเรื่องนี้มั้ย?” นาหลันฮงวูหันไปจ้องหน้าตงชิงลี่และเยเสี่ยวเย้ “พวกเจ้าดูจบแล้วใช่มั้ย?” เขาถาม

 

“เป็นยังไงบ้าง? มันคุ้มค่ากับคริสตัลที่พวกเจ้าจ่ายไปหรือไม่?” อันหูเว้ยขยับเข้ามาข้างหลังเพื่อให้ได้ยิน “ชื่อฟังดูยิ่งใหญ่มาก ดีกว่าเซียนกระบี่พิชิตมารหรือไม่?”

 

“ข้าเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าดีกว่าเซียนกระบี่พิชิตมารมั้ย” ตงชิงลี่ยังเล่นไม่ถึงส่วนท้ายสุดของเกม แต่เธอเองรู้สึกตื่นเต้นหลังจากที่ได้ดูสี่ตอนของราชวงศ์หยก “แต่กลุ่มใบไม้เขียวในราชวงศ์หยกมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นกัน ดาบแห่งบรรพบุรุษของใบไม้เขียวนั้นยิ่งใหญ่ ข้าคิดว่าเขาอาจมีชีวิตที่อมตะ นอกจากนี้ข้ายังได้เห็นถึงเทคนิคดาบของเขาในระยะใกล้อีกด้วย”

 

“จริงหรอ?” พวกเขาทำหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น การต่อสู้ระดับปรมาจารย์ระยะใกล้ ฟังแล้วไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะสามารถซื้อมันด้วยเงินเพื่อดูได้

 

สำหรับคนอย่างอันหูเว้ยและนาหลันฮงวูแล้ว ยิ่งพวกเขามีความสามารถที่สูงขึ้นมากเท่าไรมันก็ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พวกเขามากเท่านั้น มันคุ้มค่ามากหากพวกเขาได้เห็นการต่อสู้ของเหล่าปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อเพิ่มแรงบรรดาลใจให้ตนเอง

 

จริงๆ โดยหลักแล้วการเล่นเกมของพวกเขาไม่ได้มีแค่การเพิ่มเลเวลให้ตัวละครเพียงอย่างเดียว แต่เหตุผลหลักคือผลพลอยได้ที่ได้รับจากเกม มันเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง ทักษะการฝึกฝนและประสบการณ์

 

“แน่นอน!” เยเสี่ยวเย้เอ่ย “นอกจากเรื่องราวที่น่าหลงไหลแล้วข้ายังคิดว่าเนื้อเรื่องมันดีพอๆ กับเซียนกระบี่พิชิตมารเลยละ”

 

“ยิ่งตอนนี้นะโหมดดูละครมีลูกเล่นใหม่ที่ทำให้พวกท่านสามารถทานอาหารว่างระหว่างชมละครได้อีกด้วย” ตงชิงลี่เอ่ยชม “พวกท่านสามารถเพลิดเพลินกับโค้กระหว่างดูละคร ดีสุดๆไปเลย แต่.. เล่นเกมไม่มีลูกเล่นนี้นะ”

 

นาหลันฮงวูและอันหูเว้ยกำลังถูกล่อลวง พวกเขากำลังหวั่นไหว “เรา .. ลองดูมั้ย?”

 

“มาลองกันเถอะ” โอหยางเฉินเสริม “ข้าเชื่อมั่นในคุณภาพของร้านนี้”

 

พวกเขาจ่ายเงินและเดินไปนั่งที่นั่งพร้อมโค้กคนละหนึ่งขวด

 

“ว้าว! รสชาติดีมาก” ก่อนที่ละครจะเริ่มอันหูเว้ยจิบโค้กเบาๆ “หืม.. รสชาติคล้ายสไปร์ท แต่สีและรสชาติเข้มข้นกว่า ดีๆ”

 

“สไปร์ทหายไป แต่มีโค้กมาแทน อืม..” นาหลันฮงวูรู้สึกตื่นตัวหลังจากดื่มโค้ก “ข้ารู้สึกดีจริง ฮ่าๆ มันช่างคุ้มค่ากับราคา”

 

เยเสี่ยวเย้หัวเราะเสียงหัวเราะของเธอบ่งบอกได้ว่าสะใจมากที่เห็นพวกเขากำลังจะดูราชวงศ์หยก เธอนี่ฉลาดแกมโกงจริงๆ

 

อีกด้านหนึ่งตอนนี้ .. ราชวงศ์หยกกำลังดำเนินเรื่องขึ้น

 

[ไม่สนใจธรรมชาติ ไม่สนใจทุกสิ่ง]

 

“ไม่สนใจธรรมชาติ ไม่สนใจทุกสิ่ง?” นาหลันฮงวูเอ่ยซ้ำเพื่อทบทวนความเข้าใจในประโยค เขาพบว่ามันลึกซึ้งอาจมีความหมายที่แท้จริงซ่อนอยู่

 

ประโยคนี้เป็นเหมือนการเปิดประตูเพื่อเข้าสู่โลกของราชวงศ์หยก

 

ในตอนหนึ่งได้เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มเมฆเขียวพร้อมทั้งอาจารย์บรรพบุรุษใบไม้เขียว เนื้อเรื่องบรรยายถึงตำนานที่ยาวนานกว่าสองพันปี เหตุการณ์ความผันผวนของแต่ละฝ่าย ตอนนี้กำลังถูก้ปิดเผยให้แก่ผู้ชม!

 

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มเมฆเขียวได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของโลก จากนั้นก็ปรากฏฉากของเด็กชายสองคน

 

เหตุการณ์ต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ การตั้งข้อสังเกต ความเสมือนจริงที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้เข้าสู่ตัวเหตุการณ์หลักจริงๆ จนมันทำให้รู้สึกเหมือนได้จมเข้าสู่สภาพแวดล้อมของโลกใบนั้น ให้ความแตกต่างจากเกม ละครไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้ แต่เกมพวกเขายังสามารถที่จะบังคับตัวละครได้

 

คนบางคนเกิดมาไม่เหมือนกันบางคนมีชีวิตที่เพียบพร้อม และบางชีวิตก็ขาดไปบ้าง ..

 

พวกเขาจ้องมองเด็กชายที่ได้เข้าร่วมกลุ่มกับกลุ่มเมฆเขียว ในขณะเดียวกันผู้ชมเองก็สงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตข้างหน้า

 

มันช่างน่าทึ้งจริงๆ พวกเขาคิด ..

 

ขณะที่พวกเขากำลังดูอย่างตั้งใจ พร้อมดื่มโค้กด้วยความเพลิดเพลิน จู่ๆ แสงของหน้าจอก็หรี่ลง

 

“เกิดอะไรขึ้น?” นาหลันฮงวูถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ [หากท่านอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โปรดติดตามตอนต่อไป!]

 

อันหูเว้ยพร้อมคนอื่นๆ นั่งนิ่งพร้อมมองหน้ากัน “หนึ่งสองสามสี่! นี่พวกเราดูจบแล้วหรอ?”

 

“ไม่นะ! ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมันเพิ่งเริ่มต้น”

 

หลังจากนั่งสตั้นอยู่พักหนึ่งนาหลันฮงวูก็เรียกสติคืนและกระแทกมือลงบนโต๊ะ “นี่เจ้าหนู! ตอนต่อไปอยู่ไหน?”

 

ขณะเดียวกันเยเสี่ยวเย้, ตงชิงลี่และอีกไม่กี่คนที่เพิ่งเล่นเกมเสร็จ พวกเขาแอบหันไปมองที่นาหลันฮงวูและคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

 

“พวกท่านไม่เห็นคำพูดบนหน้าจอหรอ? รอตอนต่อไป!” ฟางฉีกล่าว

 

นาหลันฮงวูและอันหูเว้ยทำหน้ามุ่ย “พวกข้ากำลังสนุก แต่เจ้าบอกให้รอหรอ!?”

 

“ข้ารู้ว่าแต่ละตอนมันน่าทึ้งมาก” ฟางฉีทำหน้าตาน่าสงสาร “พวกท่านอายุมากแล้ว ถ้าพวกท่านดูทั้งหมดโดยไม่พักผ่อน พวกท่านอาจตายในคาเฟ่นี้ก็เป็นได้ ทีนี่ข้าจะทำยังไงละ?”

 

ใบหน้าของนาหลันฮงวูเริ่มเปลี่ยนสี “ไร้สาระ! ข้าคิดว่าเจ้ามากกว่าที่กำลังจะต้องตาย!” นาหลันฮงวูรู้สึกโมโหอยากจะบีบคอเขาให้รู้แล้วรู้รอด

 

อันหูเว้ยเอ่ยทัก “ไหนบอกข้าทีว่าเราจะได้ดูตอนต่อไปเมื่อไร”

 

“พรุ่งนี้ข้าจะทำการเพิ่มอีกสองตอน!” ฟางฉีตอบ

 

อันหูเว้ยทำหน้าเนือย “นี่พวกข้าจะต้องรอถึงวันพรุ่งนี้เลยหรอ! อย่างน้อยก็น่าจะให้ได้รู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับจางเซียวฟาน”

 

“ข้าว่าเขาไม่ถูกพาเข้ากลุ่มแน่เลย” นาหลันฮงวูพูด “เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์น้อยไป เอ้ะหรือว่าบางทีเขาอาจจะคล้ายกับหลี่เสี่ยวเหยา มีผู้ปลูกฝังช่วยเหลือ?”

 

“ไม่ไม่!” อันหูเว้ยเสริม “ศิษย์พี่ข้าว่า หลี่เสี่ยวเหยามีความสามารถมากกว่า จางเซียวฟางเขาไม่มีอะไรเลย”

 

นาหลันฮงวูกระแทกมือด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่เจ้าหนู เจ้าต้องให้เราดูจนจบให้ได้!”

 

ขณะเดียวกันผู้คนจำนวนมากเดินเข้ามาในคาเฟ่ เยซงเต๋าและซัวเต๋าก็เช่นกัน วันนี้พวกเขานำพาสาวกมาที่ร้าน ตอนนี้แทบจะไม่มีที่นั่งเพียงพอสำหรับทุกคน