ภาคที่ 4 ตอนที่ 62 มังกรหันกลับ

มรรคาสู่สวรรค์

ความละโมบและความดุร้ายเกรี้ยวกราดในดวงตาของชางหลงแปรเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง

มันไม่รู้ว่าเหตุใดจิ๋งจิ่วจึงหยุดลง แล้วเหตุใดจึงพูดประโยคนี้ออกมา

แล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองจึงไม่อาจพุ่งไปข้างหน้าอีกหน่อย แล้วกัดอีกฝ่ายให้ตายได้?

ศีรษะมังกรเหลียวมองไปด้านล่าง จากนั้นมองเห็นร่างกายของตัวเอง มันถึงได้เข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก่อนจะส่งเสียงคำรามอันโหยหวนน่าเศร้าออกมา

การคำรามของมังกรไม่มีเสียง แต่มันกลับทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเศร้าสร้อย เพราะความเจ็บปวดในดวงตาของมันดูรุนแรงเป็นอย่างมาก

ร่างมังกรสีดำพลันกระตุกขึ้นมาอย่างแรง!

คล้ายว่าด้านล่างมีใครกำลังออกแรงดึงมันลงไป

ผลึกน้ำแข็งที่เกิดจากลมหายใจมังกรลอยล่องอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่า

ชางหลงพุ่งชนผลึกน้ำแข็งเหล่านั้น ก่อนจะร่วงตกกลับมายังพื้นด้านล่างอย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลานี้ ดวงตาของมันยังคงจ้องมองจิ๋งจิ่ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความไม่ยินยอม

……

……

ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองดูชางหลงออกไปจากเมืองเจาเกอ ไล่ตามจุดสีดำนั้นไป

ศีรษะมังกรอันใหญ่มหึมาหายไปในท้องฟ้า น่าจะเข้าไปในดินแดนแห่งความว่างเปล่า แต่หางมังกรยังคงอยู่ใต้ดินด้านล่างวัดไท่ฉาง ร่างมังกรสีดำเชื่อมต่อระหว่างฟ้าดิน คคล้ายดั่งพายุหมุน ความยาวอย่างน้อยก็หลายสิบลี้

เซี่ยงหว่านซูและศิษย์จงโจวคนอื่นๆ มองดูภาพอันน่ามหัศจรรย์นี้ สีหน้าของพวกเขาขาวซีด สายตาเร่าร้อน

ในใจรู้สึกหวาดกลัว แต่ที่มากกว่านั้นคือภาคภูมิใจ เพราะนี้คือสัตว์เทพผู้พิทักษ์ของสำนักจงโจว แล้วก็เป็นบรรพจารย์ของพวกเขา —- ชางหลง!

ภาพเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์และตระการตาเช่นนี้ ทำให้หลายๆ คนต่างพากันตกตะลึง ทั้งในและนอกเมืองเจาเกอตกอยู่ในความเงียบ

พระสนมหูตกตะลึงอย่างรุนแรง ใบหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นเทิ้มเบาๆ ต้องเอนกายพิงร่างกายของฝ่าบาทเสินหวงเอาไว้ถึงจะพอยืนอยู่ได้

ฮ่องเต้พลันยิ้มขึ้นมา เผยให้เห็นสีหน้าเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก่อนจะเอาไข่นกจูเชวี่ยที่อยู่ในมือส่งกลับไปให้พระสนมหูใหม่อีกครั้ง

พระสนมหูตกตะลึงเป็นอย่างมาก รีบเอาสองมือไปประคองไว้อย่างระมัดระวัง ในใจครุ่นคิดว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางมองตามสายตาฮ่องเต้ไปยังวัดไท่ฉาง จู่ๆ พลันรู้สึกว่าตัวเองตาลายหรือเปล่า ไม่อย่างนั้น…เหตุใดร่างของมังกรตัวนั้นถึงได้ดูเรียวเล็กกว่าในตอนแรกขนาดนั้น?

……

……

ด้านนอกซากปรักหักพังของวัดไท่ฉาง เยวี่ยเชียนเหมินเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า รอคอยให้เทพมังกรกลับมา ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องอื่น

เทพมังกรปรากฏกาย ทำลายข้อตกลงที่สำนักจงโจวทำเอาไว้กับราชสำนักในอดีต ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายบ้านเรือนจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็ก

ปัญหาที่สำคัญก็คือคนที่หนีออกมาจากคุกสะกดมารในตอนแรกสุดนั้นคือใคร เหตุใดจึงทำให้เทพมังกรโมโหถึงขนาดนี้?

เยวี่ยเชียนเหมินดึงสายตากลับมา มองไปยังราชองครักษ์สองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าค่อนข้างสงสัย หรือว่าเรื่องราวในวันนี้จะมีความเกี่ยวของกับราชสำนัก?

หากเป็นเช่นนั้นจริง ประเดี๋ยวท่านเจ้าสำนักมาแล้ว ตนก็จะกล่าวเตือนเจ้าสำนักให้ทำลายข้อตกลงที่ให้ไว้กับราชสำนักในตอนนั้นเสีย

เทพมังกรออกจากใต้ดินแล้วก็จะไม่กลับมาอีก หากแต่จะกลับไปยังเขาอวิ๋นเมิ่ง

จู่ๆ เยวี่ยเชียนเหมินพลันรู้สึกแปลกๆ เขามองไปยังกำแพงสีดำที่อยู่ท่ามกลางฝุ่นควันและพายุฝน สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เวลาสิบกว่าอึดใจผ่านไป เทพมังกรพุ่งเข้าไปในดินแดนแห่งความว่างเปล่าแล้ว แต่เหตุใดหางมังกรยังอยู่ใต้ดินอยู่อีก?

หรือว่าหลายปีมานี้เทพมังกรสละร่างกายเป็นคุกสะกดมาร ขจัดความชั่วร้ายให้โลกมนุษย์ สภาวะรุดหน้า ร่างกายจึงใหญ่ยาวขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในเขาอวิ๋นเมิ่ง?

ผู้บำเพ็ญพรตที่มีสำนักจงโจวอยู่เบื้องหลังอย่างเจ้ากรมชิงเทียนจางอี๋อ้ายและเซี่ยงหว่านซูเองก็พบถึงปัญหานี้ สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย

ราชองครักษ์จินและหนิวค่อยๆ ลอยไปด้านหลัง คล้ายมีศัตรูกับบุกเข้ามา

ภายในซากปรักหักพัง

ความเร็วของร่างมังกรที่พุ่งออกไปจากพื้นดินกำลังช้าลง

เส้นแสงบนเกล็ดสีดำไม่ได้ดูเจิดจ้าเหมือนอย่างตอนแรกอีก

เกล็ดแต่ละเกล็ดคล้ายกำแพงแถบหนึ่ง

ระยะห่างระหว่างเกล็ดมังกรก็เริ่มห่างขึ้นด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เผยให้เห็นเนื้อที่อยู่ด้านในเกล็ด

เสียงที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เสียงหนึ่งดังออกมาจากในร่างกายชางหลง ขณะเดียวกันก็ดังออกมาจากผิวหนังด้านนอกด้วยเช่นกัน

มันเป็นเสียงฉีกขาด แล้วก็เป็นเสียงแยกตัว คล้ายกับเสียงตำหนักขนาดใหญ่กำลังพังถล่มลงมาอย่างช้าๆ

ฝุ่นควันค่อยๆ ร่วงตกลงมา ผู้คนที่อยู่รอบๆ วัดไท่ฉางถึงได้มองเห็นว่าร่างกายสีดำของมังกรแปรเปลี่ยนเป็นเรียวเล็กขึ้นมาเดิมอย่างมาก!

ภาพและเสียงเหล่านี้ทำให้พวกเขาเกิดความคิดที่ไม่ดีอย่างมากขึ้นมา

พวกเขาคล้ายมองเห็นมือขนาดใหญ่ทึ่เต็มไปด้วยรอยด้านสองข้างกำลังจับหัวและหางของงูสีดำ ก่อนจะออกแรงดึงมันออกไปทั้งสองด้าน!

บนโลกไม่มีมือยักษ์คู่ไหนที่จะจับหัวและหางของชางหลงเอาไว้ได้

อย่างน้อยทุกคนในที่นี่ก็คิดเช่นนี้

เช่นนั้นก็มีคำอธิบายเพียงหนึ่งเดียว

ในที่ใดที่หนึ่งใต้ดินมีพลังที่ยากจะจินตนาการได้กำลังดึงหางของชาวหลงเอาไว้

พลังสายนั้นอาจจะอยู่ที่ส่วนหางของชางหลง

แล้วก็เป็นส่วนที่ลึกที่สุดของคุกสะกดมาร

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำเอาผู้คนพูดอะไรไม่ออก เยวี่ยเชียนเหมินและผู้บำเพ็ญพรตของสำนักจงโจวคนอื่นๆ ทั้งรู้สึกตกใจและโกรธแค้น กระโจนเข้าไปทางนั้นโดยไม่สนใจความหนาวเย็นและความสกปรกที่ไหลทะลักออกมาจากใต้ดิน

ราชองครักษ์จินและหนิวรู้ว่าในเวลานี้สำนักจงโจวโกรธอย่างมากแล้ว จึงมิได้ห้ามอีก

เยวี่ยเชียนเหมินมาถึงในส่วนลึกของซากปรักหักพังเร็วที่สุด จากนั้นมองลงไปยังใต้ดิน

……

……

หลิวอาต้าฟุบหมอบอยู่ในส่วนลึกของซากปรักหักพัง ซ่อนตัวอยู่ใต้แผ่นหิน

มันกำลังรอให้ชางหลงออกไปจากพื้น จากนั้นเผยจุดอ่อนของตัวเองออกมา แต่คิดไม่ถึงเลยว่ารอมานานขนาดนี้ก็ยังมองไม่เห็นหางของมัน แต่กลับเห็นภาพแบบนี้เข้า

ดวงตาของมันเบิ่งจนกลมโต เต็มไปด้วยความตกตะลึงและความรู้สึกเหลือเชื่อ

—- ต่อให้มังกรตัวนี้จะโง่แค่ไหน หรือมันไม่รู้สึกถึงร่างกายของตัวเองที่ถูกดึงจนยาวเป็นสองเท่าของปกติ!

หรือสติปัญญาอันน้อยนิดของเจ้าได้ถูกความโกรธกลืนกินไปหมดแล้ว?

หรือในสมองที่ใหญ่กว่าเม็ดข้าวสารของเจ้าถูกจิ๋งจิ่วเอาอาจมในคุกสะกดมารยัดเอาไว้จนเต็ม?

……

……

ในวัดไท่ฉางพลันมีลมรุนแรงพัดขึ้นมา

เกล็ดสีดำพลันหดสั้นลง จากนั้นหดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ กลายเป็นเส้นสีดำ ไม่สามารถมองได้ชัดด้วยตาเปล่าอีก

ร่างมังกรสีดำหดกลับไปยังใต้ดินด้วยความเร็วอย่างที่ยากจะจินตนาการได้ เสียดสีกับปากหลุมภายในซากปรักหักพังที่คล้ายทะเลสาบ เศษฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนกระเด็นไปรอบๆ ราวลูกธนูจำนวนมาก

เยวี่ยเชียนเหมินส่งเสียงอึกขึ้นมา ยกสองมือขึ้นมาบังไว้ข้างหน้า รีบถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว

เซี่ยงหว่านซูและคนอื่นๆ ยิ่งน่าเศร้า ร่างกายถูกกระแทกตรงๆ ส่งเสียงอึกออกมา กระอักเลือดล้มไปกับพื้น

บนท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไปมีเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นของชางหลง

เสียงคำรามดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

ตกลงมาสู่พื้นดินคล้ายเสียงฟ้าคำราม ดังสะท้อนไปมาในเมืองเจาเกอ

ก่อนหน้านี้ชางหลงเป็นเหมือนกับยางยืดสีดำที่ถูกมือยักษ์คู่หนึ่งออกแรงดึงจนถึงสุด

จากนั้นมือในท้องฟ้าคู่นั้นพลันปล่อยออก

ความจริงมือข้างนั้นก็คือตัวชางหลงเอง

นี่มิอาจโทษมันได้ ขอเพียงมันได้สติขึ้นมา มันจะต้องปล่อยมืออย่างแน่นอน

หากเมื่อครู่มันยังบินสูงขึ้นไป บางทีมันอาจจะขาดเป็นสองท่อนก็เป็นได้

หลิวอาต้ายกอุ้งเท้าขวาขึ้นมาปิดตาตัวเองเอาไว้ มิอาจทนดูภาพที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้

ภาพนั้นน่าหดหู่เกินไป

……

……

ชางหลงตกลงมาจากฟ้า

ตัวมันที่สูญเสียการควบคุมย่อมไม่สามารถกลับไปเข้าใต้ดินได้อย่างแม่นยำ

ถนนรอบๆ วัดไท่ฉางถูกร่างมังกรอันใหญ่โตทำลายจนพังพินาศ

เสียงกัมปนาทดังสนั่นออกไปถึงด้านนอกเมืองเจาเกอ คล้ายเสียงสายฟ้าฟาดลงมาที่ข้างหูชาวบ้าน ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เป็นลมสลบไป

เมืองเจาเกอเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าสิ่งก่อสร้างพังถล่มไปเท่าไร

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ฝุ่นควันค่อยๆ จางหาย

เจ้าหน้าที่กรมชิงเทียนและกองทัพเสินเว่ยถอยห่างออกไปนานแล้ว แต่พวกเขายังคงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

เยวี่ยเชียนเหมินที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดร่างกายชุ่มไปด้วยโคลน หางคิ้วมีรอยเลือดไหล

กระทั่งเขายังกระเซอะกระเซิงเช่นนี้ พอจะเห็นได้เลยว่าอานุภาพจากการกระแทกครั้งนี้รุนแรงเพียงใด

กระทั่งความเสียหายจากการที่ลานเมฆตกลงไปในทะเลตะวันตกเมื่อหลายปีก่อนก็ยังไม่แน่ว่าจะน่ากลัวเท่าวันนี้

เยวี่ยเชียนเหมินกลับเข้าไปในซากปรักหักพังของวัดไท่ฉางอีกครั้ง เขามองไปยังตำแหน่งที่คุกสะกดมารตั้งอยู่แต่เดิม

รอยแตกลึกหลายสิบจ้างแผ่กระจายออกมาจากหลุมยักษ์ ในหลุมท่วมไปด้วยน้ำ กลายเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง

ภายในทะเลสาบมีพลังที่คลุ้มคลั่งและน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกมา ไม่สามารถเข้าไปได้

ในน้ำคล้ายมองเห็นหนวดมังกรเส้นหนึ่งขยับอย่างอ่อนแรง จากนั้นค่อยๆ จมลงไป จนกระทั่งมองไม่เห็น