บนท้องฟ้ามีรอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ
ท้องฟ้าสีครามและเมฆหมอกแตกเป็นเสี่ยงๆ
เกล็ดสีดำอันมืดมิดกลายเป็นสีหลักบนท้องฟ้า
มังกรชางหลงฝืนพุ่งชนเข้าไปในข่ายพลัง!
หากเป็นข่ายพลังในวังหลวง บางทีอาจจะถ่วงเวลาชางหลงได้สักพักหนึ่ง แต่ข่ายพลังของเมืองเจาเกอไหนเลยจะหยุดยั้งมันเอาไว้ได้
เห็นๆ อยู่ว่ากำลังจะสังหารจิ๋งจิ่วได้แล้ว จู่ๆ พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ระยะห่างกลับถูกทิ้งห่างออกไป ชางหลงโกรธเกรี้ยวเป็นยิ่งนัก มันพ่นลมหายใจมังกรขึ้นไปด้านบน!
ลมหายใจมังกรเป็นพลังชีวิตที่ล้ำค่าที่สุดของชางหลง ดังนั้นต่อให้เจอกับศัตรูที่แข็งเป็นอย่างมาก มันก็แทบจะไม่ใช้ออกมา แต่วันนี้มันถูกจิ๋งจิ่วปั่นหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกเพลิงแห่งความโกรธแค้นเผาหัวจนหน้ามืด ไหนเลยจะมัวคิดอะไรมากมายอีก
ภายในท้องฟ้าพลันเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด เห็นๆ อยู่ว่าไม่มีความชื้นใดๆ แต่กลับมีผลึกน้ำแข็งจับตัวขึ้นมานับไม่ถ้วน ก่อนจะปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้ารอบกายจิ๋งจิ่วราวเกล็ดหิมะ
ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นแหวกทะเล หากถูกลมหายใจมังกรพ่นเข้าใส่ก็ต้องถูกแช่แข็งเช่นเดียวกัน
จิ๋งจิ่วจะทำอย่างไร?
……
……
ในตอนแรกสุด ผู้คนที่อยู่บนพื้นยังพอจะมองเห็นจุดสีดำเล็กๆ นั้นได้ ภายหลังเหลือแค่เพียงเยวี่ยเชียนเหมินและยอดฝีมือที่มีสภาวะล้ำลึกถึงจะมองเห็นภาพชางหลงไล่สังหารอีกฝ่ายได้ หลังจากที่จิ๋งจิ่วและชางหลงทลายข่ายพลังเมืองเจาเกอ บินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไป กระทั่งตัวเขาเองก็มองไม่เห็น
แต่ตอนนี้เยวี่ยเชียนเหมินกลับสงบนิ่ง คุกสะกดมารออกมาจากใต้ดิน เทพมังกรปรากฏกาย เช่นนั้นไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครก็ต้องตายอย่างแน่นอน
นักพรตจิ่งหยางบรรลุเป็นเซียนไปแล้ว ราชินีแคว้นเสวี่ยก็อยู่ทางเหนือ แผ่นดินเฉาเทียนในตอนนี้ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าชางหลงอีก
ฮ่องเต้สามารถมองเห็นภาพที่อยู่สูงบนท้องฟ้า ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงดูค่อนข้างคร่ำเคร่ง
เขายื่นมือไปตรงหน้าพระสนมหู
พระสนมหูไม่ได้จับแขนเสื้อฮ่องเต้ สองมือเก็บอยู่ในแขนเสื้อ คอยประคองไข่นกจูเชวี่ยใบนั้นอย่างระมัดระวัง ใช้อุณหภูมิของฝ่ามือให้ความอบอุ่นแก่มัน
เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของฮ่องเต้ นางจึงรีบเอาไข่นกจูเชวี่ยใบนั้นวางลงไปในฝ่ามือของฮ่องเต้
ฮ่องเต้หยิบเอาไข่นกจูเชวี่ยใบนั้นขึ้นไปไว้ตรงริมฝีปาก
จะจัดการชางหลง เขาคนเดียวก็พอ
นี่คือเมืองเจาเกอของราชวงศ์ตระกูลจิ่ง วังหลวงของตระกูลจิ่ง
แต่ถ้าหากสังหารมังกรละโมบตัวนั้นต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เขาจะต้องมีปัญหากับเจ้าสำนักจงโจวที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
เขาจำเป็นต้องกินไข่นกจูเชวี่ยใบนี้ลงไป
แต่ถึงแม้จะทำเช่นนี้ ผลสุดท้ายก็น่าจะเอาชนะได้อย่างยากลำบากอยู่ดี
ได้แต่หวังว่าสำนักชิงซานจะรีบมาโดยเร็ว วัดกั่วเฉิงเลิกยืนอยู่กึ่งกลาง บังคับให้เทพดาบกลับมา จากนั้นเขาก็นอนพูดกล่อมปู้ชิวเซียวอยู่บนเตีบยง มอบสระหนานเทียนให้แก่คุนหลุน รวบรวมกำลังแต่ละสำนักแล้วค่อยไปสังหารนักพรตไป๋
หากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เช่นนั้นสุดท้ายแล้วควรจะให้ใครมารับตำแหน่งเจ้าสำนักจงโจวถึงจะเก็บกวาดปัญหาที่ยุ่งยากอันนี้ได้?
ไป๋เจ่า
บุตรสาวเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักจงโจว ได้รับความรักความดูจากอาจารย์ เป็นที่เคารพของเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นางยังมีใจให้แก่จิ๋งจิ่วด้วย
อืม อย่างนั้นหลังจากนี้ก็ต้องไปพูดกล่อมเจ้าล่าเยวี่ย หากเริ่มลงมือจากบ้านตระกูลเจ้าเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร
……
……
วิชาฌานของฮ่องเต้ฝึกฝนจนถึงขั้นบริบูรณ์ การคิดเรื่องเหล่านี้ใช้เวลาเพียงชั่วลัดนิ้วมือ
แต่ในเวลาเช่นนี้เขากลับคิดเรื่องที่ไร้สาระเหล่านี้ นี่อาจเป็นเพราะเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือวิตกกังวล
เมื่อคิดถึงแผ่นดินที่สุขสงบมาเป็นเวลาหลายปีกำลังจะพังทลายลง ยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ที่เสด็จพ่อสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากกำลังสลายหายไป ใครบ้างจะไม่วิตกกังวล?
เขาเป็นฮ่องเต้ ดังนั้นเขายิ่งต้องวิตกกังวล
เมื่อเห็นไข่นกจูเชวี่ยที่อยู่ตรงริมฝีปากของฮ่องเต้ พระสนมหูจึงคิดว่าที่ฝ่าบาททรงให้ตนเองอุ่นไข่ใบนี้ ที่แท้เป็นเพราะไม่อยากให้มันเย็นเกินไปตอนที่กลืนลงไปในท้อง?
การที่นางคิดเรื่องเหล่านี้ในเวลาแบบนี้ ย่อมเป็นเพราะวิตกกัวลเช่นเดียวกัน ใบหน้าอันขาวซีดของนางเป็นสิ่งยืนยัน เมื่อเห็นมังกรยักษ์สีดำบนท้องฟ้าตัวนั้น นางซึ่งเป็นปีศาจจิ้งจอกย่อมต้องเกิดความหวาดกลัวที่มีต่อสัตว์เทพอย่างถึงขีดสุด หากมิเป็นเพราะยืนอยู่ข้างกายฮ่องเต้ เกรงว่าในเวลานี้นางคงจะตกใจจนหางโผล่ออกมาแล้ว
……
……
ไม่ใช่ทุกคนจะวิตกกังวลหรือว่าหวาดกลัว
ในมุมหนึ่งของซากปรักหักพังในวัดไท่ฉาง ใต้แผ่นดินที่ลาดเอียงมีแมวขาวตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่
พายุฝนผสมฝุ่นควันตกลงมาบนร่างกายมัน บนขนยาวๆ มีโคลนหยดลงมา ดูกระเซอะกระเซิงเป็นอย่างมาก
แต่ในสายตาของมันกลับเยือกเย็น ไม่มีอารมณ์ใดๆ
เหมือนกับจิ๋งจิ่งที่เกือบจะกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ในคุกสะกดมาร แต่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์อยู่
หางของแมวขาวชี้ตรง คล้ายกับก้านธง นี่เป็นท่าทางที่มันแสดงออกมาในตอนที่ขี้เกียจอย่างมากหรือไม่ก็ตั้งใจเป็นอย่างมาก
ซากปรักหักพังสั่นสะเทือนไม่หยุด ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไม่หยุด จากนั้นก็ถูกน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินชะล้างลงมา นั่นเป็นเพราะร่างกายของมังกรสีดำเสียดสีกับพื้นด้วยความเร็วสูง
ถูกต้อง หัวของมังกรชางหลงได้ขึ้นไปถึงบนท้องฟ้าด้านบนแล้ว เรียกได้ว่ากำลังจะเข้าไปในดินแดนแห่งความว่างเปล่า แต่ร่างกายของมันกลับยังขึ้นมาจากใต้ดินไม่หมด
ร่างกายสีดำขนาดใหญ่คล้ายกับกำแพงเมืองสีดำ เกล็ดบนตัวส่องประกายไม่หยุด ดูค่อนข้างแสบตา
แมวขาวหรี่ตา มองไปทางด้านนั้น พร้อมจะโจมตีทุกเมื่อ
แม้นจะบอกว่าแมวบ้านส่วนใหญ่จะมีความมั่นใจในตัวเองแบบแปลกๆ แต่แมวขาวขนยาวที่คิดอยากจะกัดมังกรโดยไม่เกรงกลัวพลังของมันย่อมต้องมีอยู่เพียงตัวเดียว
ไป๋กุ่ย ผู้พิทักษ์แห่งชิงซาน
หรืออีกชื่อหนึ่งคือหลิวอาต้า
หลิวอาต้าจ้องมองมังกรชางหลงมาเป็นเวลาสามปี
ความแค้นระหว่างทั้งสองไม่รู้ว่าดำเนินมาเป็นเวลากี่พันปี
ไม่มีใครจะรู้จุดอ่อนของมังกรชางหลงดีกว่าหลิวอาต้า
จุดอ่อนของชางหลงก็คือประตูพายุที่มันป้องกันเอาไว้แน่นหนาที่สุด
ดังนั้นมันจึงรอคอยช่วงเวลาที่ร่างกายของชางหลงขึ้นมาจากพื้นดินทั้งหมด จากนั้นหางมังกรปรากฏขึ้นตรงหน้ามัน
ดังนั้นมันจึงคอยเอาใจช่วยจิ๋งจิ่วอย่างเงียบๆ หวังว่าเขาจะบินได้สูงขึ้นไปอีก เช่นนี้ถึงจะทำให้ชางหลงบินได้สูงขึ้น
แต่หลังผ่านไปหลายอึดใจ ชางหลงน่าจะบินขึ้นไปได้สามสิบกว่าลี้แล้ว แต่เหตุใดหางมังกรยังอยู่ใต้ดิน?
หลิวอาต้าเอียงศีรษะเล็กน้อย มองดูร่างกายสีดำของมังกร รู้สึกสงสัย ในใจครุ่นคิด หรือว่าเจ้าโง่นี้มันจะตัวโตขึ้น?
ส่วนจิ๋งจิ่วนั้น มันมิได้เป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย
พลังทำลายหลักๆ ของลมหายใจมังกรของชางหลงคือความเหน็บหนาวจนถึงขีดสุด ต่อให้เป็นมันก็ไม่หวาดกลัว — นอนกอดจักจั่นเหมันต์อยู่บนยอดเขาเสินม่อมานานขนาดนี้ยังจะกลัวหนาวอีกหรือ?
จิ๋งจิ่วอยู่ในที่ราบหิมะมาหกปี อยู่บนยอดเขาซั่งเต๋อมาหลายร้อยปี ยิ่งคุ้นเคยกับความเหน็บหนาว เขาไม่มีทางแข็งตายอย่างแน่นอน
ก็เหมือนกับที่หลิวอาต้าคิด ร่างกายที่ดำไหม้ของจิ๋งจิ่วมีผลึกน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ความเร็วของเขากลับไม่ได้รับผลกระทบแมเแต่น้อย ไม่นานก็หลุดพ้นออกมาจากลมหายใจมังกร
ชางหลงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น ฉีกกระชากอากาศ ไล่ตามต่อไปข้างหน้า
ไม่นานพวกเขาก็ทะลุผ่านลมพายุอันน่าหวาดกลัว มาถึงดินแดนแห่งความว่างเปล่า
ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่มีอากาศ แล้วก็ไม่มีพลังวิญญาณ เช่นนั้นย่อมไม่มีเสียงใดๆ เงียบสงัดจนดูน่าหวาดกลัว
มีเพียงยอดฝีมือขั้นแหวกทะเลขึ้นไปเท่านั้นถึงจะอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าได้
จิ๋งจิ่วสีหน้าเรียบเฉย เหมือนเวลาปกติ
เขาไม่จำเป็นต้องหายใจ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณในตอนนี้
แสงอาทิตย์ยามเช้าจากขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไปส่องสว่างเข้ามา
เหมือนกับเส้นที่สว่างเจิดจ้า ทักทอทั่วทั้งท้องฟ้า
ศีรษะมังกรสีดำถูกส่องสว่าง หนวดมังกรโบกสะบัดอย่างเงียบๆ ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
จิ๋งจิ่วเองก็ถูกส่องสว่าง กลายเป็นเหมือนดวงดาวดวงเล็กๆ โบยบินอย่างเงียบๆ อยู่ระหว่างหนวดมังกร
หากเหอจานอยู่ที่ีนี่ เขาน่าจะดีใจเป็นอย่างมาก
จิ๋งจิ่วกะพริบตา ครุ่นคิดอยู่ในใจ
ผลึกน้ำแข็งหลุดออกไปจากขนตาเขา กลายเป็นดวงดาวที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่าอย่างเงียบๆ
ชางหลงเป็นเหมือนมหาบรรพตและมหาสมุทร
จิ๋งจิ่วเป็นเหมือนดวงดาวและสะเก็ดฝุ่น
การเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของพละกำลังของทั้งสองฝ่ายภายใต้แสงสีทองที่ส่องประกายทำให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ น่าเลื่อมใสและตื้นตันใจ
ความรู้สึกและภาพนี้ สามารถเอาไปใส่ไว้ในภาพวาดได้
จิ๋งจิ่วพลันทอดตามองออกไปไกล
พลังที่แข็งแกร่งอย่างที่ยากจะจินตนาการได้จำนวนหลายสายกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองเจาเกอ
ผู้ที่มาย่อมต้องเป็นยอดคนขั้นทะลวงสวรรค์ของแผ่นดินเฉาเทียน
คุกสะกดมารเกิดเรื่อง จักรพรรดิแห่งหมิงอาจจะหลบหนี พวกเขาจะไม่มาได้อย่างไร?
พลังที่รุดมาเร็วที่สุด หรือพูดอีกอย่างก็คือพลังที่อยู่ใกล้เมืองเจาเกอมากที่สุดอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ที่นั่นคือที่ตั้งของเขาอวิ๋นเมิ่ง
จิ๋งจิ่วเหลือเวลาไม่มากแล้ว
เขาพลันหยุดลง ลอยอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่า เหลียวหน้ากลับไปมอง
ชางหลงอยู่ห่างจากเขาแค่ไม่กี่สิบจ้าง
เขาถึงขนาดมองเห็นเงาของตัวเองอยู่ในดวงตาของชางหลง
สายตาของจิ๋งจิ่วสงบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆ คล้ายคำนวณทุกอย่างเอาไว้จนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว
“ถึงตรงนี้แล้วกัน”
เขากล่าวกับชางหลง
ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่มีอากาศ แล้วก็ไม่มีเสียง
ชางหลงมองเห็นแค่เพียงรูปปากของเขา
ไม่รู้เพราะเหตุใด มันเองก็หยุดลงในตอนที่กำลังจะไล่ตามจิ๋งจิ่วทัน
ร่างกายอันใหญ่โตของชางหลงทำให้เกิดลมพายุอันรุนแรงขึ้นมาจากด้านล่างดินแดนแห่งความว่างเปล่า โหมกระหน่ำใส่ร่างกายจิ๋งจิ่วอย่างไร้ซุ่มเสียง
ผลึกน้ำแข็งและเศษเสื้อผ้าที่ไหม้เกรียมบนตัวจิ๋งจิ่วค่อยๆ หลุดร่วงออกเมื่อเจอกับลมพายุ เผยให้เห็นผิวที่ขาวกระจ่างใสราวกับเด็กทารกแรกเกิด