ภาคที่ 4 ตอนที่ 61 มังกรเทพ เห็นแต่หัวไม่เห็นหาง

มรรคาสู่สวรรค์

บนท้องฟ้ามีรอยแตกมากขึ้นเรื่อยๆ

ท้องฟ้าสีครามและเมฆหมอกแตกเป็นเสี่ยงๆ

เกล็ดสีดำอันมืดมิดกลายเป็นสีหลักบนท้องฟ้า

มังกรชางหลงฝืนพุ่งชนเข้าไปในข่ายพลัง!

หากเป็นข่ายพลังในวังหลวง บางทีอาจจะถ่วงเวลาชางหลงได้สักพักหนึ่ง แต่ข่ายพลังของเมืองเจาเกอไหนเลยจะหยุดยั้งมันเอาไว้ได้

เห็นๆ อยู่ว่ากำลังจะสังหารจิ๋งจิ่วได้แล้ว จู่ๆ พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ระยะห่างกลับถูกทิ้งห่างออกไป ชางหลงโกรธเกรี้ยวเป็นยิ่งนัก มันพ่นลมหายใจมังกรขึ้นไปด้านบน!

ลมหายใจมังกรเป็นพลังชีวิตที่ล้ำค่าที่สุดของชางหลง ดังนั้นต่อให้เจอกับศัตรูที่แข็งเป็นอย่างมาก มันก็แทบจะไม่ใช้ออกมา แต่วันนี้มันถูกจิ๋งจิ่วปั่นหัวครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกเพลิงแห่งความโกรธแค้นเผาหัวจนหน้ามืด ไหนเลยจะมัวคิดอะไรมากมายอีก

ภายในท้องฟ้าพลันเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด เห็นๆ อยู่ว่าไม่มีความชื้นใดๆ แต่กลับมีผลึกน้ำแข็งจับตัวขึ้นมานับไม่ถ้วน ก่อนจะปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้ารอบกายจิ๋งจิ่วราวเกล็ดหิมะ

ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นแหวกทะเล หากถูกลมหายใจมังกรพ่นเข้าใส่ก็ต้องถูกแช่แข็งเช่นเดียวกัน

จิ๋งจิ่วจะทำอย่างไร?

……

……

ในตอนแรกสุด ผู้คนที่อยู่บนพื้นยังพอจะมองเห็นจุดสีดำเล็กๆ นั้นได้ ภายหลังเหลือแค่เพียงเยวี่ยเชียนเหมินและยอดฝีมือที่มีสภาวะล้ำลึกถึงจะมองเห็นภาพชางหลงไล่สังหารอีกฝ่ายได้ หลังจากที่จิ๋งจิ่วและชางหลงทลายข่ายพลังเมืองเจาเกอ บินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไป กระทั่งตัวเขาเองก็มองไม่เห็น

แต่ตอนนี้เยวี่ยเชียนเหมินกลับสงบนิ่ง คุกสะกดมารออกมาจากใต้ดิน เทพมังกรปรากฏกาย เช่นนั้นไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครก็ต้องตายอย่างแน่นอน

นักพรตจิ่งหยางบรรลุเป็นเซียนไปแล้ว ราชินีแคว้นเสวี่ยก็อยู่ทางเหนือ แผ่นดินเฉาเทียนในตอนนี้ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าชางหลงอีก

ฮ่องเต้สามารถมองเห็นภาพที่อยู่สูงบนท้องฟ้า ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงดูค่อนข้างคร่ำเคร่ง

เขายื่นมือไปตรงหน้าพระสนมหู

พระสนมหูไม่ได้จับแขนเสื้อฮ่องเต้ สองมือเก็บอยู่ในแขนเสื้อ คอยประคองไข่นกจูเชวี่ยใบนั้นอย่างระมัดระวัง ใช้อุณหภูมิของฝ่ามือให้ความอบอุ่นแก่มัน

เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของฮ่องเต้ นางจึงรีบเอาไข่นกจูเชวี่ยใบนั้นวางลงไปในฝ่ามือของฮ่องเต้

ฮ่องเต้หยิบเอาไข่นกจูเชวี่ยใบนั้นขึ้นไปไว้ตรงริมฝีปาก

จะจัดการชางหลง เขาคนเดียวก็พอ

นี่คือเมืองเจาเกอของราชวงศ์ตระกูลจิ่ง วังหลวงของตระกูลจิ่ง

แต่ถ้าหากสังหารมังกรละโมบตัวนั้นต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เขาจะต้องมีปัญหากับเจ้าสำนักจงโจวที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน

เขาจำเป็นต้องกินไข่นกจูเชวี่ยใบนี้ลงไป

แต่ถึงแม้จะทำเช่นนี้ ผลสุดท้ายก็น่าจะเอาชนะได้อย่างยากลำบากอยู่ดี

ได้แต่หวังว่าสำนักชิงซานจะรีบมาโดยเร็ว วัดกั่วเฉิงเลิกยืนอยู่กึ่งกลาง บังคับให้เทพดาบกลับมา จากนั้นเขาก็นอนพูดกล่อมปู้ชิวเซียวอยู่บนเตีบยง มอบสระหนานเทียนให้แก่คุนหลุน รวบรวมกำลังแต่ละสำนักแล้วค่อยไปสังหารนักพรตไป๋

หากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เช่นนั้นสุดท้ายแล้วควรจะให้ใครมารับตำแหน่งเจ้าสำนักจงโจวถึงจะเก็บกวาดปัญหาที่ยุ่งยากอันนี้ได้?

ไป๋เจ่า

บุตรสาวเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักจงโจว ได้รับความรักความดูจากอาจารย์ เป็นที่เคารพของเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นางยังมีใจให้แก่จิ๋งจิ่วด้วย

อืม อย่างนั้นหลังจากนี้ก็ต้องไปพูดกล่อมเจ้าล่าเยวี่ย หากเริ่มลงมือจากบ้านตระกูลเจ้าเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร

……

……

วิชาฌานของฮ่องเต้ฝึกฝนจนถึงขั้นบริบูรณ์ การคิดเรื่องเหล่านี้ใช้เวลาเพียงชั่วลัดนิ้วมือ

แต่ในเวลาเช่นนี้เขากลับคิดเรื่องที่ไร้สาระเหล่านี้ นี่อาจเป็นเพราะเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือวิตกกังวล

เมื่อคิดถึงแผ่นดินที่สุขสงบมาเป็นเวลาหลายปีกำลังจะพังทลายลง ยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ที่เสด็จพ่อสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากกำลังสลายหายไป ใครบ้างจะไม่วิตกกังวล?

เขาเป็นฮ่องเต้ ดังนั้นเขายิ่งต้องวิตกกังวล

เมื่อเห็นไข่นกจูเชวี่ยที่อยู่ตรงริมฝีปากของฮ่องเต้ พระสนมหูจึงคิดว่าที่ฝ่าบาททรงให้ตนเองอุ่นไข่ใบนี้ ที่แท้เป็นเพราะไม่อยากให้มันเย็นเกินไปตอนที่กลืนลงไปในท้อง?

การที่นางคิดเรื่องเหล่านี้ในเวลาแบบนี้ ย่อมเป็นเพราะวิตกกัวลเช่นเดียวกัน ใบหน้าอันขาวซีดของนางเป็นสิ่งยืนยัน เมื่อเห็นมังกรยักษ์สีดำบนท้องฟ้าตัวนั้น นางซึ่งเป็นปีศาจจิ้งจอกย่อมต้องเกิดความหวาดกลัวที่มีต่อสัตว์เทพอย่างถึงขีดสุด หากมิเป็นเพราะยืนอยู่ข้างกายฮ่องเต้ เกรงว่าในเวลานี้นางคงจะตกใจจนหางโผล่ออกมาแล้ว

……

……

ไม่ใช่ทุกคนจะวิตกกังวลหรือว่าหวาดกลัว

ในมุมหนึ่งของซากปรักหักพังในวัดไท่ฉาง ใต้แผ่นดินที่ลาดเอียงมีแมวขาวตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่

พายุฝนผสมฝุ่นควันตกลงมาบนร่างกายมัน บนขนยาวๆ มีโคลนหยดลงมา ดูกระเซอะกระเซิงเป็นอย่างมาก

แต่ในสายตาของมันกลับเยือกเย็น ไม่มีอารมณ์ใดๆ

เหมือนกับจิ๋งจิ่งที่เกือบจะกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ในคุกสะกดมาร แต่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์อยู่

หางของแมวขาวชี้ตรง คล้ายกับก้านธง นี่เป็นท่าทางที่มันแสดงออกมาในตอนที่ขี้เกียจอย่างมากหรือไม่ก็ตั้งใจเป็นอย่างมาก

ซากปรักหักพังสั่นสะเทือนไม่หยุด ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไม่หยุด จากนั้นก็ถูกน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินชะล้างลงมา นั่นเป็นเพราะร่างกายของมังกรสีดำเสียดสีกับพื้นด้วยความเร็วสูง

ถูกต้อง หัวของมังกรชางหลงได้ขึ้นไปถึงบนท้องฟ้าด้านบนแล้ว เรียกได้ว่ากำลังจะเข้าไปในดินแดนแห่งความว่างเปล่า แต่ร่างกายของมันกลับยังขึ้นมาจากใต้ดินไม่หมด

ร่างกายสีดำขนาดใหญ่คล้ายกับกำแพงเมืองสีดำ เกล็ดบนตัวส่องประกายไม่หยุด ดูค่อนข้างแสบตา

แมวขาวหรี่ตา มองไปทางด้านนั้น พร้อมจะโจมตีทุกเมื่อ

แม้นจะบอกว่าแมวบ้านส่วนใหญ่จะมีความมั่นใจในตัวเองแบบแปลกๆ แต่แมวขาวขนยาวที่คิดอยากจะกัดมังกรโดยไม่เกรงกลัวพลังของมันย่อมต้องมีอยู่เพียงตัวเดียว

ไป๋กุ่ย ผู้พิทักษ์แห่งชิงซาน

หรืออีกชื่อหนึ่งคือหลิวอาต้า

หลิวอาต้าจ้องมองมังกรชางหลงมาเป็นเวลาสามปี

ความแค้นระหว่างทั้งสองไม่รู้ว่าดำเนินมาเป็นเวลากี่พันปี

ไม่มีใครจะรู้จุดอ่อนของมังกรชางหลงดีกว่าหลิวอาต้า

จุดอ่อนของชางหลงก็คือประตูพายุที่มันป้องกันเอาไว้แน่นหนาที่สุด

ดังนั้นมันจึงรอคอยช่วงเวลาที่ร่างกายของชางหลงขึ้นมาจากพื้นดินทั้งหมด จากนั้นหางมังกรปรากฏขึ้นตรงหน้ามัน

ดังนั้นมันจึงคอยเอาใจช่วยจิ๋งจิ่วอย่างเงียบๆ หวังว่าเขาจะบินได้สูงขึ้นไปอีก เช่นนี้ถึงจะทำให้ชางหลงบินได้สูงขึ้น

แต่หลังผ่านไปหลายอึดใจ ชางหลงน่าจะบินขึ้นไปได้สามสิบกว่าลี้แล้ว แต่เหตุใดหางมังกรยังอยู่ใต้ดิน?

หลิวอาต้าเอียงศีรษะเล็กน้อย มองดูร่างกายสีดำของมังกร รู้สึกสงสัย ในใจครุ่นคิด หรือว่าเจ้าโง่นี้มันจะตัวโตขึ้น?

ส่วนจิ๋งจิ่วนั้น มันมิได้เป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย

พลังทำลายหลักๆ ของลมหายใจมังกรของชางหลงคือความเหน็บหนาวจนถึงขีดสุด ต่อให้เป็นมันก็ไม่หวาดกลัว — นอนกอดจักจั่นเหมันต์อยู่บนยอดเขาเสินม่อมานานขนาดนี้ยังจะกลัวหนาวอีกหรือ?

จิ๋งจิ่วอยู่ในที่ราบหิมะมาหกปี อยู่บนยอดเขาซั่งเต๋อมาหลายร้อยปี ยิ่งคุ้นเคยกับความเหน็บหนาว เขาไม่มีทางแข็งตายอย่างแน่นอน

ก็เหมือนกับที่หลิวอาต้าคิด ร่างกายที่ดำไหม้ของจิ๋งจิ่วมีผลึกน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ความเร็วของเขากลับไม่ได้รับผลกระทบแมเแต่น้อย ไม่นานก็หลุดพ้นออกมาจากลมหายใจมังกร

ชางหลงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น ฉีกกระชากอากาศ ไล่ตามต่อไปข้างหน้า

ไม่นานพวกเขาก็ทะลุผ่านลมพายุอันน่าหวาดกลัว มาถึงดินแดนแห่งความว่างเปล่า

ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่มีอากาศ แล้วก็ไม่มีพลังวิญญาณ เช่นนั้นย่อมไม่มีเสียงใดๆ เงียบสงัดจนดูน่าหวาดกลัว

มีเพียงยอดฝีมือขั้นแหวกทะเลขึ้นไปเท่านั้นถึงจะอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าได้

จิ๋งจิ่วสีหน้าเรียบเฉย เหมือนเวลาปกติ

เขาไม่จำเป็นต้องหายใจ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณในตอนนี้

แสงอาทิตย์ยามเช้าจากขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไปส่องสว่างเข้ามา

เหมือนกับเส้นที่สว่างเจิดจ้า ทักทอทั่วทั้งท้องฟ้า

ศีรษะมังกรสีดำถูกส่องสว่าง หนวดมังกรโบกสะบัดอย่างเงียบๆ ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

จิ๋งจิ่วเองก็ถูกส่องสว่าง กลายเป็นเหมือนดวงดาวดวงเล็กๆ โบยบินอย่างเงียบๆ อยู่ระหว่างหนวดมังกร

หากเหอจานอยู่ที่ีนี่ เขาน่าจะดีใจเป็นอย่างมาก

จิ๋งจิ่วกะพริบตา ครุ่นคิดอยู่ในใจ

ผลึกน้ำแข็งหลุดออกไปจากขนตาเขา กลายเป็นดวงดาวที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่าอย่างเงียบๆ

ชางหลงเป็นเหมือนมหาบรรพตและมหาสมุทร

จิ๋งจิ่วเป็นเหมือนดวงดาวและสะเก็ดฝุ่น

การเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของพละกำลังของทั้งสองฝ่ายภายใต้แสงสีทองที่ส่องประกายทำให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ น่าเลื่อมใสและตื้นตันใจ

ความรู้สึกและภาพนี้ สามารถเอาไปใส่ไว้ในภาพวาดได้

จิ๋งจิ่วพลันทอดตามองออกไปไกล

พลังที่แข็งแกร่งอย่างที่ยากจะจินตนาการได้จำนวนหลายสายกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองเจาเกอ

ผู้ที่มาย่อมต้องเป็นยอดคนขั้นทะลวงสวรรค์ของแผ่นดินเฉาเทียน

คุกสะกดมารเกิดเรื่อง จักรพรรดิแห่งหมิงอาจจะหลบหนี พวกเขาจะไม่มาได้อย่างไร?

พลังที่รุดมาเร็วที่สุด หรือพูดอีกอย่างก็คือพลังที่อยู่ใกล้เมืองเจาเกอมากที่สุดอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ที่นั่นคือที่ตั้งของเขาอวิ๋นเมิ่ง

จิ๋งจิ่วเหลือเวลาไม่มากแล้ว

เขาพลันหยุดลง ลอยอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่า เหลียวหน้ากลับไปมอง

ชางหลงอยู่ห่างจากเขาแค่ไม่กี่สิบจ้าง

เขาถึงขนาดมองเห็นเงาของตัวเองอยู่ในดวงตาของชางหลง

สายตาของจิ๋งจิ่วสงบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆ คล้ายคำนวณทุกอย่างเอาไว้จนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว

“ถึงตรงนี้แล้วกัน”

เขากล่าวกับชางหลง

ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าไม่มีอากาศ แล้วก็ไม่มีเสียง

ชางหลงมองเห็นแค่เพียงรูปปากของเขา

ไม่รู้เพราะเหตุใด มันเองก็หยุดลงในตอนที่กำลังจะไล่ตามจิ๋งจิ่วทัน

ร่างกายอันใหญ่โตของชางหลงทำให้เกิดลมพายุอันรุนแรงขึ้นมาจากด้านล่างดินแดนแห่งความว่างเปล่า โหมกระหน่ำใส่ร่างกายจิ๋งจิ่วอย่างไร้ซุ่มเสียง

ผลึกน้ำแข็งและเศษเสื้อผ้าที่ไหม้เกรียมบนตัวจิ๋งจิ่วค่อยๆ หลุดร่วงออกเมื่อเจอกับลมพายุ เผยให้เห็นผิวที่ขาวกระจ่างใสราวกับเด็กทารกแรกเกิด