“ตึกตรงนั้นคือโรงอาหารสำหรับศิษย์ชั้นนอกอย่างพวกฉัน ส่วนศิษย์ชั้นในกินที่ตึกอีกตึกนึง”

โม่โจวอธิบายขณะที่นำทางหยวนไปรอบๆ นิกาย

“อืม อืม”

หยวนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

“นายเห็นพื้นที่ว่างตรงนั้นไหม นั่นคือที่ที่เหล่าศิษย์ไปฟังการบรรยายจากผู้อาวุโส อาทิตย์ละครั้ง”

“ตึกสูงนั่นคือที่ที่เอาไว้ฝึกฝนเพื่อลับฝีมือดาบให้เก่งขึ้น”

โม่โจวกล่าวขณะที่ชี้ไปที่หอคอยที่อยู่ในระยะไกล

“อาคารนั่นรูปทรงไม่เหมือนใครเลย”

หยวนชื่นชมหอคอยอันสง่างามอย่างเงียบๆ

“นายคิดว่าฉันสามารถเข้าไปข้างในเพื่อดูใกล้ๆ ได้มั้ย?”

หยวนถามโม่โจวเพราะต้องการเข้าไปดูใกล้ๆหอคอยนั้น ซึ่งโม่โจวก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางขอโทษ

“ฉันขอโทษด้วย แต่หอยคอยนี้ไม่อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเข้าไปด้านในได้”

“ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ แต่จะดึงดูดสายตาศิษย์ใหม่ได้ยังไง ถ้าปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้”

หยวนส่ายหัว

“เอ่อ..”

โม่โจวไม่รู้จะตอบยังไง เขาทำได้แค่ยิ้มอย่างช้าๆ เพราะปกติแล้วไม่มีใครได้เยี่ยมชมก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่

“ช่างมันเถอะ”

หยวนพูดขึ้น

“ไปต่อกันเถอะ”

โม่โจวถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เอาล่ะ ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่าศิษย์ของนิกายดาบบินคนไหน ที่สำคัญที่สุด”

“อ๋า?”

เมื่อได้ยินคำพูดของโม่โจว หยวนก็เริ่มสงสัยทันที

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่นาทีพวกเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าศิลาหินสูงทั้งสามแผ่น ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆกัน

ศิลาหินทั้งสามนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีชื่อหลายสิบชื่อสลักอยู่ คล้ายอนุสรณ์คนตาย แต่ ศิลาหินอันกลางกลับมีชื่ออยู่เพียงไม่กี่ชื่อเท่านั้น และมีขนาดใหญ่กว่าอันอื่นมาก

“นี่หินอะไรหรอ หินที่ระลึกสำหรับคนตายงั้นหรอ?”

หยวนถามโม่โจวด้วยความสงสัย

“หือ”

โม่โจวมองหยวนด้วยท่าทางหวาดกลัวจากคำพูดของเขา จากนั้นก็มองไปรอบๆ ว่ามีใครได้ยินคำพูดของหยวนหรือไม่ เมื่อไม่เห็นใครโม่โจวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“หยวน แม้ว่าฉันจะรู้ว่านายไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนิกายเลย แต่สิ่งที่นายพูดไปนั้นมันทำให้ฉันไม่พอใจมากเลยนะ รวมถึงศิษย์ทุกคนในนิกายนี้ด้วย”

“ทำไมหรอ?”

หยวนมองด้วยสีหน้างุนงง

“นี่ไม่ใช่หินที่ไว้ใช้ระลึกถึงคนตาย แต่เป็นการจัดอันดับภายในนิกายต่างหากละ ทุกชื่อในศิลาหินทั้งสามนี้แสดงถึงความอัจฉริยะภายในนิกาย พวกเขาทั้งหมดได้รับความเคารพจากศิษย์ทั้งหลายพันคนในนิกายแห่งนี้ หากผู้อื่นนอกจากฉันมาได้ยินคำพูดของนายละก็ พวกเขาก็พร้อมที่จะกระโดดใส่นายพร้อมกับยกดาบขึ้นมาฟันนายในทันที เพราะนั่นเป็นเหมือนกับการดูหมิ่นบุคคลที่หลั่งเหงื่อและเลือดเพียงเพื่อให้ได้อยู่ในอันดับพวกนั้น!”

“ฉันไม่รู้จริงๆ ต้องขอโทษด้วยกับคำพูดที่หยาบคายเช่นนั้น ขอโทษนะโม่โจว”

หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษ

เมื่อเห็นคำขอโทษอย่างจริงใจของหยวน โม่โจวก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่เห็นด้วย

“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจจริงๆหรอก”

จากนั้นโม่โจวก็หันไปหาศิลาหินทั้งสามแผ่นอีกครั้ง และกล่าววว่า

“ศิลาหินทุกแผ่นยกเว้นแผ่นกลาง มีสี่สิบห้าชื่อ โดยที่แผ่นกลางมีเพียงสิบชื่อ รวมกันทั้งสามแผ่นเป็นหนึ่งร้อยชื่อ”

“ชื่อร้อยชื่อเหล่านี้เป็นชื่อศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายดาบบิน ไม่รวมถึงผู้อาวุโสของนิกาย และผู้นำนิกาย และทุกๆ หนึ่งในนั้นจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนิกาย ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่มีให้โดยไม่จำกัด และทุกคนที่อยู่ในศิลาหินแผ่นกลางจะได้รับฉายาว่าเป็นศิษย์หลัก”

ดวงตาของโม่โจวเป็นประกายด้วยความชื่นชมขณะที่มองศิลาหินทั้งสาม โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปที่หินแผ่นตรงกลางเหมือนกับว่าเขากำลังโดนสะกดจิตอย่างนั้นแหละ

“ศิษย์ทุกคนในนิกายนี้ รวมทั้งฉันด้วย ต่างก็ปรารถนาที่จะมีชื่อของตนเองสลักไว้บนแผ่นศิลาหินเช่นกัน”

ทันใดนั้นเมื่อโม่โจวพูดจบ ชื่อบนแผ่นศิลาหินทั้งสามก็หายไป และไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีชื่ออื่นขึ้นมาที่จุดเดียวกันแทน

เมื่อโม่โจวเห็นดวงตาของเขาก็กระพริบด้วยความตื่นเต้น

“ดูสิมีคนมาแทนที่ชื่อคนที่ 100!”

“เอ๊ะ ชื่อบนแผ่นศิลาหินมันเปลี่ยนได้ยังไงหรอ?”

หยวนอยากรู้เกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังจากจ้องมองไปที่แผ่นศิลาหินอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นชื่อ ‘เหรินฟู่เฉิน’ เขาชี้ไปที่แผ่นศิลาแผ่นแรก และถามโม่โจวด้วยน้ำเสียงสงสัย

“เฮ้ เหรินฟู่เฉิน เขาคือคนที่นายไปทำให้ไม่พอใจรึเปล่า?”

เมื่อหยวนพูดถึงเหรินฟู่เฉิน ผิวหน้าของโม่โจวก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นเขาก็พยักหน้าด้วยท่าทางไม่พอใจ ทำให้หยวนอย่างรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

“ชื่อของเขาอยู่ในอันดับที่ 14 เขาเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับที่ 14 ในนิกายนี้ใช่ไหม?”

โม่โจวพยักหน้าอีกครั้ง คราวนี้ช้าลงกว่าเดิม

“แล้วผู้หญิงที่นายชอบละ เธออยู่ในอันดับด้วยไหม?”

เมื่อได้ยินคำถาม โม่โจวก็ชี้ไปที่นามสกุลที่สลักอยู่บนแผ่นศิลาตรงกลางอย่างเงียบๆ

“ซิงอวี่หนิง อันดับที่ 10”

จากนั้นหยวนก็หันไปมองโม่โจวด้วยสายตาประหลาดใจ

“นายชอบคนที่มีชื่อใน 10 อันดับแรกเลยงั้นหรอ นายนี่กล้าหาญจังเลยนะ นายมีความทะเยอทะยานแค่ไหนกันเนี่ย!”

“…”

โม่โจวทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นกับคำพูดของหยวนที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและยกย่อง

“ยังไงก็ตาม อันดับพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจน้อยที่สุดสำหรับแขกอย่างนายละนะ”

โม่โจวกล่าว

“ตอนนี้ฉันต้องเอาแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงอันนี้ไปมอบให้กับรุ่นพี่เหริน”

โม่โจวถอนหายใจด้วยท่าทางหดหู่

“นายต้องให้เขาจริงๆหรอ นายไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่มีเหตุผลที่จะทำตามคำพูดไร้สาระของเขาเลยนะ”

หยวนกล่าวออกมาตามความจริงที่เขาคิด

โม่โจวส่ายหัวและกล่าวว่า

“นายไม่เข้าใจหรอกหยวน นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งตั้งกฎ และผู้อ่อนแอก็ต้องทำตาม แม้กฎจะไม่มีเหตุผล และเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระก็ตาม”

“ฉันกำลังจะบอกนายว่า มีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นที่ทำตามกฎพวกนั้น”

หยวนยักไหล่

“งะ…งะ…งี่เง่าหรอ?”

โม่โจวมองไปที่หยวน เพราะสิ่งที่หยวนพูดขึ้นมาเขากำลังหมายถึงทุกคนในโลกนี้ เขากำลังว่าทุกคนเป็นคนงี่เง่ายังงั้นหรอ

“ฉันมากับนาย ก็เพื่อจะพบกับเหรินคนนี้นี่แหละ?”

จู่ๆหยวนก็พูดขึ้น นั่นทำให้โม่โจวตกตะลึงเป็นอย่างมาก

“ไม่เป็นไรหรอก”

โม่โจวพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

“นี่เป็นปัญหาของฉัน ฉันไม่สามารถลากนายเข้ามาเกี่ยวข้องได้”

หยวนเงียบและมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อย่างนั้นหรอ”

ทันใดนั้น เสียงดังก้องมาแต่ไกล

“เฮ้ นั้นไม่ใช่เจ้าหนูที่พยายามจะจีบซิงหรอ”

ทั้งหยวนและโม่โจวหันไปตามเสียงที่พูดมาจากด้านหลังของพวกเขา ใบหน้าของโม่โจวซีดลงทันที่ที่เห็นพวกเขาทั้งสองคนในระยะไกลๆ

“พี่เหริน พี่เจิ้น”

เมื่อหยวนเห็นว่าขาของโม่โจวสั่นก็รู้ว่าเขากลัวสองคนนี้แค่ไหน

“โม่โจวแกเลวมากนัก แกกล้าดียังไงให้ฉันเดินตามหาแกตั้งนาน”

ชายหนุ่มทางด้านขวาเดินเข้ามาหาโม่โจวด้วยสีหน้าโกรธ มือของเขากำหมัดแน่น

“แกไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนมา ฉันไม่ได้บอกแกหรอว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่แกจะต้องนำแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงมาให้กับฉัน”

“ฉันได้มันมาแล้ว แกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงอยู่กับฉันแล้วตอนนี้”

โม่โจวดึงคริสตัลสีแดงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเขา ให้เหรินฟู่เฉินดู

‘ไอ้เจ้าเด็กน้อยนี่มันหาแกนกิ้งก่าเพลิงมาได้จริงๆ!’

ดวงตาของเหรินฟู่เฉินเบิกกว้างเมื่อเห็นคริสตัลในมือของโม่โจว เขาไม่คิดว่าคนอ่อนแออย่างโม่โจวจะมีความสามารถในการสังหารมอนสเตอร์ที่ร้ายกาจและทรงพลังอย่างกิ้งก่าเพลิงได้ แต่เขามีแกนของมอนสเตอร์นั่นอยู่

“แกเอามาแกนของกิ่งก่าเพลิงมาได้ยังไง อย่าบอกนะว่าแกซื้อมันมา?”

“ไม่สำคัญว่าฉันจะได้มันมายังไง ฉันได้ทำสิ่งที่ศิษย์พี่บอกแล้ว ดังนั้นตั้งแต่นี้ไป ปล่อยฉันไปเถอะ!”

“ฮ่าๆๆๆ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของโม่โจว เหรินฟู่เฉินก็หัวเราะออกมา

“แกนี่มันช่างงี่เง่าจริงๆ! แกคิดว่าฉันจะปล่อยแกไปจริงๆหรอ แค่เพียงเพราะแกนำแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงมาให้งั้นเนี่ยนะ นั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่ฉันจะเอาชนะแกก็เท่านั้นแหละ”

“อะไรกัน!?”

ในตอนนี้หัวใจของโม่โจวก็เต็มไปด้วยความขมขื่น

“ศิษย์พี่สัญญาว่าจะลืมเรื่องที่ฉันไปบอกชอบซิงให้ หากฉันหาแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงมาให้ได้กับศิษย์พี่ได้นี่!”

“แน่นอน ฉันจะให้เกียรติคำพูดของฉัน และลืมการกระทำที่น่าอับอายของแกไป แต่ยังไงก็ตามหลังจากที่แกมอบแกนของกิ้งก่าเพลงให้ฉันแล้ว เราก็จะไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แค่แกยอมแพ้ในการชอบซิงให้กับฉันก็พอแล้ว”

โม่โจวตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ความรักของเขาที่มีต่อซิงมันสมควรที่จะโดนเหยียบย่ำงั้นหรอ? ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน? แต่เขาอ่อนแอนเกินไปและเหรินฟู่เฉินก็เป็นผู้ถูกเลือก สถานะของพวกเขาห่างกันเกินไป

“พูดอะไรของนาย!”

หยวนพูดเสียงดังทำให้ร่างกายของโม่โจวหยุดสั่นอย่างแปลกประหลาด

“นายต้องการเอาชนะคนๆนี้ เพียงเพราะเขารักคนๆเดียวกับนาย นายนี่มันช่างไร้สาระจริงๆ”

หยวนหัวเราะดังมากราวกับว่าเขากำลังดูหนังตลกอยู่

“แล้วแกเป็นใครกัน แกไม่ใช่ศิษย์ของนิกายนี้นี่ แล้วแกเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”

ในที่สุดเหรินก็สังเกตเห็นหยวนและเสี่ยวฮัวที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ฉันเป็นคนให้แกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงนั้นกับเขาเอง”

หยวนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“หยวน!!”

โม่โจวมองหยวนด้วยดวงตาที่ตกตะลึง

“หรอ แกเพียงคนเดียวงั้นหรอ”

เหรินฟู่เฉินมองหยวนด้วยสายตาที่หรี่ลงเล็กน้อย

“ทำไมแกถึงให้ของมีค่าแบบนี้กับเขา เขาให้อะไรกับแกเป็นการตอบแทนงั้นหรอ?”

“เขาไม่ได้ให้อะไรกับฉัน และฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขา ฉันให้เขาเพียงเพราะรู้สึกถูกใจในตัวเขาเฉยๆ”

หยวนตอบไปเหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ

“…”

แม้เหรินฟู่เฉินจะไม่รู้ว่าหยวนคือใคร แต่เหรินฟู่เฉินก็ระวังเขา เพราะจริงๆแล้วคนทั่วไปประเภทไหนกันที่จะมอบของมีค่าอย่างแกนมอนสเตอร์กิ้งก่าเพลิงให้ฟรีๆ โดยที่ไม่คิดค่าตอบแทนอะไร

“แกต้องการอะไร?”

“ฉันจะขอบคุณนายมาก ถ้าหากพวกนายหยุดกลั่นแกล้งเขาสักที”

หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ละ”

ในขณะที่เหรินฟู่เฉินไม่ต้องการเป็นศัตรูกับหยวนที่ดูลึกลับและไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้กลัว เขาไม่เพียงแต่ได้รับเลือก แต่พวกเขายังอยู่ในนิกายดาบบินซึ่งจะได้รับการปกป้องจากทุกทิศทาง

“แน่นอนถ้านายจะปฏิเสธ…”

หยวนหันไปมองโม่โจวและพูดว่า

“ฉันเคยช่วยชีวิตนายมาแล้วครั้งหนึ่ง มันก็ไม่แปลกถ้าฉันจะทำอีกครั้งใช่ไหม”

“แก…”

เหรินฟู่เฉินขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของหยวน

“หยวน!”

สำหรับโม่โจวเขามองไปที่หยวนด้วยน้ำตา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม และหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความขอบคุณ