“อย่าให้ฉันรู้ว่าคุณกำลังเล่นไม่ซื่อกับจู้ซิงมีเดียนะคะ” หลินเฉี่ยนออกปากเตือนหันซิวเช่อ
หันซิวเช่อยักไหล่อย่างทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวก่อนจะหันกลับไปโดยไม่ปริปากสักคำ
ในสายตาเขา จู้ซิงมีเดียที่ไม่มีถังหนิงก็เป็นแค่เสือกระดาษที่ถูกฉีกทิ้งได้อย่างง่ายดาย
ในเมื่อเขาโดนถังหนิงเข้าใจผิดแล้ว เขาก็จะเล่นงานจู้ซิงมีเดียแทนเพื่อระบายความโกรธแค้นของเขา
ที่สำคัญที่สุดคือเขากำลังจะใช้จู้ซิงมีเดียเป็นเครื่องมือในการผลักดันผลงานตัวเองและกอบโกยผลประโยชน์จากพวกเขา เขาจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ และถูกควบคุมเอาไว้หรอก หลินเฉี่ยนกล้ามาข่มขู่เขาได้อย่างไรกัน ขนาดกับพี่ชายของตัวเองเขายังไม่กลัวด้วยซ้ำ ทำไมเขาต้องกลัวผู้จัดการอย่างเธอด้วย
บางทีอาจถึงเวลาที่เขาควรติดต่อถังหนิงตัวปลอมเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์เสียแล้ว
คงจะน่าตื่นเต้นไม่น้อยหากทำสำเร็จ!
ถังหนิง มาดูกันว่าคุณซ่อนตัวได้ที่ไหนบ้าง
ถ้าคุณไม่ยอมปรากฏตัว ผมจะบังคับให้คุณออกมาเอง!
…
ถังหนิงไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปักกิ่ง ภายใต้การจัดการของโม่ถิง ในที่สุดเธอก็ได้พบกับผู้กำกับภาพยนตร์ไซไฟชาวอเมริกาคนหนึ่งเจ้าของฉายาเจ้าพ่อแห่งโลกไซไฟ
เมื่อเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของถังหนิง ชายสูงวัยอายุราวหกสิบรู้สึกว่าความคิดของเธอเป็นเรื่องน่าขัน
“ถ้าคุณต้องการสร้างหนังที่ได้มาตรฐาน มันไม่ได้ง่ายที่จะทำให้สำเร็จได้หรอกนะ ยิ่งจีนยังขาดศักยภาพมากขนาดนี้”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ…” ถังหนิงตอบกลับทันที
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคืออะไรล่ะ” ผู้กำกับโจนส์ถาม
“คุณกลัวว่าฉันจะทำได้ดีกว่าคุณถ้าช่วยฉันสินะคะ! ”
หลังจากได้ยินดังนั้นเขาก็เริ่มขำออกมา “คุณนี่เป็นหญิงสาวที่น่าสนใจคนหนึ่งเลยนะ แต่ฉันต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าฉันไม่ได้เหยียดวัฒนธรรมจีนอะไรหรอก ฉันก็แค่ใกล้วัยเกษียณแล้วและอยากใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้นเท่านั้นแหละ ฉะนั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะ แต่ฉันคงจะช่วยอะไรมากไม่ได้หรอก คุณนายโม่”
ความจริงถังหนิงดูออกว่าโจนส์ไม่ใช่คนใจแคบและน่ารังเกียจเหมือนอย่างอาจารย์ชาวอังกฤษ แววตาของเขาบ่งบอกว่าไม่ได้คิดดูถูกใคร อย่างไรเสียในฐานะคนที่ถูกจัดอยู่ในหนึ่งในคนสำคัญของวงการ ย่อมถูกคาดหวังให้เปิดใจกว้างและปรับตัวได้ดีอยู่แล้ว
ถังหนิงคาดการณ์ว่าจะผลจะต้องเป็นเช่นนี้ การขอเรียนรู้บางอย่างจากผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ไม่เคยเป็นเรื่องที่ทำสำเร็จได้อย่างง่ายๆ
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ดีๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
ท้ายที่สุดทั้งสามคนจึงทำได้เพียงทานอาหารร่วมกัน จากนั้นเสียงนาฬิกาของโจนส์จึงร้องเตือนขึ้นก่อนเจ้าของมันจะรีบออกไป
“อย่าท้อไปเลยนะครับ คุณลองได้ตลอดอยู่แล้วครับ อย่าลืมว่าคุณเองก็เคยโน้มน้าวเฉียวเซินอย่างหนักกว่าเขาจะยอมออกมานะครับ”
ถังหนิงหันมองโม่ถิงและพยักหน้าให้ “ฉันไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอกนะคะ ไปกันเถอะค่ะ ไว้เราลองกันครั้งหน้าก็ได้”
“ไหนๆ เราก็อยู่ใกล้ๆ คฤหาสน์ เรามาเดินกลับกันเถอะครับ” โม่ถิงชักชวน
“โชคดีที่คุณป้าอวิ๋นมากับเราด้วยนะคะ ฉันเลยไม่ต้องห่วงเหยียนเอ๋อร์ เราไปกันเถอะค่ะ” ถังหนิงพยักหน้า ทั้งคู่เดินกุมมือกันไปตามถนน ทว่าอยู่ๆ กลับมีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามาชนพวกเขา
ถังหนิงและโม่ถิงหันขวับไปหาผู้หญิงที่กำลังนอนสลบอยู่บนพื้น ถังหนิงคุกเข่าลงทันที ในจังหวะที่กำลังจะช่วยพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นโม่ถิงกลับห้ามเอาไว้ “อย่าเพิ่งแตะต้องตัวเธอเลยครับ เรียกรถพยาบาลก่อนดีกว่า”
จากนั้นเมื่อผู้หญิงคนนั้นฟื้นขึ้นมาในรถพยาบาล สิ่งแรกที่เธอถามถึงคือเป็นสามีของเธอ
เจ้าหน้าที่บอกเธอว่าโม่ถิงกับถังหนิงช่วยเธอเอาไว้ ทว่าเธอกลับขอให้พวกเขาโทรหาสามีของเธอทันที
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลและรู้ว่าคนเจ็บปลอดภัยดีแล้ว ถังหนิงและโม่ถิงก็ตัดสินใจกลับบ้าน
“อย่าเพิ่งไปค่ะ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณพวกคุณเลย สามีของฉันเป็นผู้กำกับชื่อดัง เขาตอบแทนน้ำใจของคุณได้นะคะ”
เมื่อได้ยินคำว่าผู้กำกับความเป็นไปได้ก็ผุดขึ้นมาในหัวถังหนิง ทว่าเธอไม่ได้หยุดคิดนานนักขณะที่ก้าวเดินต่อ
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
“คุณไม่อยากฉวยโอกาสนี้ไว้เหรอครับ” โม่ถิงถามระหว่างที่พวกเขาเดินจากไป
“อย่างที่คุณพูดแหละค่ะว่ามันเป็นการฉวยโอกาส” ถังหนิงตอบด้วยท่าทีสบายๆ “ฉันไม่ชอบบังคับคนอื่นน่ะค่ะ”
“ผมไม่รู้จะทำยังไงกับคุณเลยจริงๆ ” โม่ถิงลูบศีรษะเธอก่อนเดินนำเธอไป
…
ไม่นานโจนส์ก็มาได้รับสายและรีบมาที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พบกับโม่ถิงและถังหนิง
“โชคดีที่คุณไม่ได้เป็นอะไรนะ”
“คู่รักชาวจีนช่วยฉันไว้น่ะค่ะ” หญิงสูงวัยบอกโจนส์ “ฉันบอกเขาให้อยู่รอและขอรางวัลตอบแทนจากคุณแล้ว แต่พวกเขาก็จากไปเสียเฉยๆ น่าเสียดายจริงๆ ”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากปากภรรยา โจนส์พอเดาออกว่าคู่รักชาวจีนคือใคร “ทำไมถึงเป็นพวกเขากันนะ”
“คุณรู้จักพวกเขาเหรอคะ”
“ครับ เป็นคนที่ผมเพิ่งไปเจอมาเมื่อคืนน่ะ พวกเขาช่วยคุณไว้ก็น่าจะรู้ว่าคุณเป็นใครแล้วล่ะ ผมมั่นใจว่าพวกเขาน่าจะมาหาผมอีกแน่”
เขาไม่เชื่อว่าถังหนิงจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป
ถังหนิงเป็นผู้ช่วยชีวิตภรรยาของเขาเอาไว้ เดิมทีเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก แต่โจนส์กลับเข้าใจเธอผิดเพราะเพิ่งพบกันได้ไม่นาน
“ถ้าคุณเจอพวกเขาอีกก็ทำตัวกับพวกเขาดีๆ แล้วกันนะคะ”
“ครับ ผมรู้”
โจนส์พยักหน้ารับคำ
ทว่าเขารอมาไม่กี่วันเต็มก็ยังไม่เห็นถังหนิงและโม่ถิง พวกเขาตัดสินใจจะไม่ขอความช่วยเหลือจากเขาแล้วหรืออย่างไร
ความจริงแล้วเพื่อป้องกันการถูกเข้าใจผิด ถังหนิงได้ตัดสินใจไปหาผู้กำกับคนอื่น ด้วยรู้ว่าหากกลับไปหาโจนส์ในเวลาอย่างนี้เขาจะต้องอึดอัดใจมากเป็นแน่
“ลองคิดดูให้ดีนะครับ ผู้กำกับคนอื่นคงจะไม่ได้เก่งเท่าโจนส์”
“แล้วฉันทำอะไรได้ล่ะคะ” ถังหนิงตอบกลับอย่างสิ้นหวัง “ไม่ว่าจะยากขนาดไหนฉันก็จะลองค่ะ”
ด้วยเหตุนี้โม่ถิงจึงพาถังหนิงไปพบกับผู้กำกับและผู้เชี่ยวชาญในแวดวงไซไฟชื่อดังอื่นๆ อีกหลายคน หากแต่เรื่องก็ลอยมาถึงหูของโจนส์อย่างรวดเร็ว
“หญิงสาวคนนี้นี่ดื้อด้านจริงๆ …”
จากนั้นเขาจึงโทรหาผู้ช่วยของเขาและบอกให้ติดต่อถังหนิง
ถังหนิงนึกไม่ถึงว่าโจนส์จะติดต่อเธอมา
ในระหว่างที่พวกเขาคุยโทรศัพท์กัน โจนส์ว่าขึ้นเสียงอ่อน “ฉันว่าฉันควรขอโทษที่เข้าใจพวกคุณผิดไป แล้วก็คิดว่าควรจะตอบแทนที่ช่วยชีวิตภรรยาของฉันไว้ ฉะนั้นฉันจะยอมสอนคุณก็ได้”
“ผู้กำกับโจนส์คะ ฉันดีใจที่คุณติดต่อมานะคะ แต่ว่าที่ฉันช่วยภรรยาของคุณเอาไว้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ฉันไม่ได้…”
“ฉันรู้ว่าพวกคุณสองคนไม่ใช่คนอย่างนั้น ฉันเลยอยากจะเป็น ชือฟู่[1] ให้เธอ ภาษาจีนเรียกอย่างนี้ใช่ไหมนะ”
“คุณกำลังจะบอกว่า…”
“ฉันกำลังจะบอกว่าคุณควรมาพบฉันพรุ่งนี้ ฉันกำลังจะถ่ายทำหนังเรื่องสุดท้ายของฉันสัตว์ทดลองคืนชีพคุณโชคดีมากนะที่ฉันจะอยากจะถ่ายทอดความรู้ให้ ฉันว่านี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้ แต่คุณต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วยล่ะ เพราะมันจะต้องลำบาก ฉันจะไม่ออมมือกับคุณเพียงเพราะคุณเป็นผู้หญิงหรอกนะ”