“ไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะ ฉันทนลำบากไหวค่ะ” ถังหนิงตอบกลับ
“ฉันจะเป็นคนตัดสินเองว่าคุณทนไหวหรือเปล่า ที่คนจีนอย่างคุณใช้คำว่าศิษย์ก้นสำนักกัน ฉันอายุขนาดนี้แล้ว เคยมีชื่อเสียงมาก่อน หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังแล้วกันนะ”
หลังจากพูดจบ ผู้กำกับโจนส์ก็วางสายไป
ถังหนิงระบายยิ้มก่อนหันไปมองหน้าโม่ถิง “สำเร็จแล้วค่ะ”
โม่ถิงพยักหน้าให้ก่อนประทับจูบบนหน้าผากถังหนิง “ต่อไปนี้คุณต้องตั้งใจทำงานให้มากขึ้นนะครับ”
“ฉันรู้น่า”
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครได้ข่าวคราวอะไรจากถังหนิงหลังจากที่เธอไปอเมริกา หากแต่พวกเขานึกไม่ถึงว่าเธอจะผันตัวมาเป็นลูกศิษย์ของผู้กำกับระดับโลก…
เพราะไม่มีใครรู้เรื่องของถังหนิงจึงมีข่าวลือเกิดขึ้นมากมาย แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือถังหนิงไม่มีที่ไป เธอถูกเนรเทศออกจากปักกิ่งและโดนอังกฤษขับไล่ราวกับหนูติดจั่นที่ไม่มีใครต้องการ
ไม่มีใครคาดคิดว่าเธอกำลังยืนอยู่แนวหน้าของวงการ เพราะเธอต้องการสร้างภาพยนตร์ไซไฟคุณภาพคับจอ ความจริงแล้วในขณะที่เธอเป็นลูกศิษย์ของโจนส์ เธอไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของเธอเลยแม้แต่น้อย เพื่อไม่ให้ใครจำได้ เธอสวมหมวกกับแว่นและยอมทำทุกอย่าง…
โม่ถิงยังคงเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างสองประเทศ ในขณะที่หลงเจี่ยและคนอื่นๆ ไม่ได้ข่าวความเป็นไปของถังหนิงแต่อย่างใด ลู่เช่อพยายามหลอกถามโม่ถิงแต่กลับโดนสวนกลับ “ทำไมนายถามมากขนาดนี้ล่ะ”
“เพราะว่าข่าวลือมันชักจะแย่เกินไปแล้วไงครับ…” ลู่เช่ออธิบาย หากแต่ความเป็นจริงเป็นเพราะว่าหลงเจี่ยอยากรู้ต่างหาก อย่างไรตามโม่ถิงมองเจตนาที่แท้จริงของเขาออกอย่างชัดเจน
“ดูแลตัวเองก่อนเถอะน่า! ถ้านายมีเวลาก็ไปเยี่ยมจู้ซิงมีเดียให้บ่อยกว่านี้ดีกว่านะ…”
โม่ถิงคิดว่าเขาได้บอกใบ้ชัดแล้ว
หากลู่เช่อยังไม่เข้าใจเจ้าตัวก็ไม่สมควรเป็นผู้ช่วยของเขา
“ผมเข้าใจแล้วครับ” ลู่เช่อเข้าใจขึ้นมาทันที อันที่จริงเขาต้องการช่วยภรรยาของเขามานานแล้ว แต่โม่ถิงไม่เคยอนุญาตเขา
ทว่าต่อให้โม่ถิงจะเปิดไฟเขียวให้แล้ว เขาคงยังไม่อาจทำอย่างโจ่งแจ้งให้เป็นการทำลายศักดิ์ศรีของหลงเจี่ยได้
…
ข่าวลือของถังหนิงลุกลามราวกับไฟป่าไปทั่วปักกิ่ง นำมาซึ่งเรื่องโกลาหลใหญ่โตไม่น้อย ถึงกระนั้นถัง หนิงก็ไม่คิดออกมาชี้แจงแต่อย่างใด ยิ่งทำให้หันซิวเช่อมั่นใจว่าถังหนิงไม่ได้มีดีอะไร
“ผมละอยากจะเห็นว่าคนขี้ขลาดอย่างคุณจะโผล่หน้าออกมาไหมถ้าจู้ซิงมีเดียต้องเดือดร้อน”
“นายน้อยหันคะ ฉันติดต่อถังหนิงตัวปลอม หม่าเวยเวย ได้แล้วค่ะ คุณจะไปพบกับเธอเมื่อไหร่คะ” ผู้จัดการถามอย่างไม่เต็มใจนัก
“เร็วที่สุด” หันซิวเช่อตอบ “ฉันอยากจะรู้ว่าถังหนิงจะรู้สึกยังไงถ้าจู้ซิงมีเดียตกอยู่ในกำมือของถังหนิงตัวปลอมคนนี้”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณยังเป็นห่วงเธอนักหนาอยู่เลย แต่ตอนนี้คุณกลับตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอซะอย่างนั้น ผู้ชายที่ยากจะคาดเดาจริงๆ ” ผู้จัดการของหันซิวเช่อพึมพำขณะที่เดินออกไปจากห้องพร้อมโทรศัพท์ในมือ
เธอแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เจอคนเอาแน่เอานอนอย่างหันซิวเช่อเข้าไปใครจะไม่สติแตกบ้าง
ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดเธอยังต้องทำตามหน้าที่ของเธอต่อไป
ผู้จัดการนัดให้ทั้งสองมาพบกันในที่ที่ค่อนข้างปลอดคน อย่างไรเสียพวกเขาทั้งคู่ก็เป็นคนดัง ทั้งสถานะของพวกก็ออกจะไม่เหมาะสมนัก
เดิมทีเธอนึกว่าถังหนิงตัวปลอม หม่าเวยเวย คงไม่มา
แต่แน่นอนว่าเธอตกปากรับคำทันทีเมื่อเอ่ยถึงชื่อของถังหนิง อย่างไรเธอเองก็อาศัยชื่อของถังหนิงเพื่อก้าวขึ้นมาโด่งดัง กระนั้นมันก็เป็นดาบสองคม แม้เธอจะมีชื่อเสียงและได้รับความนิยม หากแต่ถังหนิงตัวจริงก็ยังถือว่าภัยคุกคามของเธออยู่ดี
แน่นอนว่าเธอต้องการเข้ามาแทนที่ตัวจริง…
…แทนที่จะถูกรู้จักในฐานะของเลียนแบบ
ทั้งสองนัดพบกับในรถในขณะที่ผู้จัดการของหันซิวเช่อดูต้นทางอยู่ด้านนอก
“มีอะไรก็พูดมาค่ะ คุณเรียกฉันมาที่นี่ทำไมคะ คุณหัน นักวาดการ์ตูน! ”
หันซิวเช่อมองใบหน้าที่คล้ายคลึงถังหนิงก่อนส่งยิ้มให้ “คุณสนใจจะเข้ามากุมบังเหียนจู้ซิงมีเดียไหมครับ คุณเองก็รู้ว่าจู้ซิงมีเดียเป็นทั้งเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อ และหยดน้ำตาของถังหนิง ถ้าคุณแย่งมาจากมือเธอได้สำเร็จ คุณก็จะเป็นที่กล่าวขานไปทั้งเมืองเลยนะครับ”
หม่าเวยเวยยิ้มอย่างเยาะเย้ยหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด “คุณกำลังจะทรยศต้นสังกัดของตัวเองเหรอคะ”
“แค่คุณบอกว่าคุณสนใจก็พอ ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องอื่นอีก” หันซิวเช่อว่าอย่างไม่อ้อมค้อม “ตอนนี้อย่างมากคุณก็แค่หน้าตาคล้ายถังหนิง คุณอาจจะมีชื่อเสียงแต่ไม่มีอะไรมาโอ้อวดสักนิด คุณเลยไม่มีรากฐานที่มั่นคงพอและอาจถูกลืมไปได้ทุกเมื่อไงครับ
“คิดให้ดีนะครับ ถ้าเราร่วมมือกันและครอบครองจู้ซิงมีเดียได้ละก็
“ทุกอย่างจะต้องกลับตาลปัตรแน่ครับ”
“แล้วเราจะควบคุมจู้ซิงมีเดียได้ยังไงล่ะคะ” เธอถาม “อย่าลืมว่าถังหนิงอาจจะไม่ได้ดูแลจู้ซิงมีเดียแล้ว แต่หลงมั่นก็จัดการได้ไม่ง่ายเหมือนกัน อีกอย่างสามีของเธอก็เป็นผู้ช่วยของประธานกรรมการบริหารของไห่รุ่ยด้วย”
“หลงมั่นไม่ได้จัดการยากขนาดนั้นหรอกครับ” หันซิวเช่อกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ “คุณไม่ต้องทำอะไรมากนักหรอกครับ ผมจะส่งจู้ซิงมีเดียให้ถึงมือคุณเอง แค่จำเอาไว้ว่าต่อจากนี้ไปถ้าคุณมีอะไรดีๆ ก็ให้นึกถึงผมเป็นคนแรกก็พอ…”
หม่าเวยเวยคิดว่าหันซิวเช่อคงเสียสติไปแล้ว
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณส่งจู้ซิงมีเดียมาให้ฉันได้ ฉันเองก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะรับมันไว้แล้วกัน! ”
ต่อให้เธอจะพูดเช่นนั้น เธอก็ไม่คิดว่าหันซิวเช่อจะทำได้จริง
ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำเพียงนึกเสียว่าการนัดเจอครั้งนี้เป็นโอกาสให้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เธออิจฉาในชื่อเสียงที่ถังหนิงเคยมีแน่อยู่แล้ว หากแต่กับจู้ซิงมีเดีย
“เธอไม่กล้านึกถึงมันหรอก
เป็นไปไม่ได้ที่คนคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ในข้ามคืน ทว่าในวันหนึ่งเธอจะกลายเป็นคนที่มีโด่งดังมากกว่าถังหนิงให้ได้
หลังพูดคุยกันจบ หม่าเวยเวยขอตัวออกไปก่อน ผู้จัดการของหันซิวเช่อถามขึ้นในเวลาต่อมา “คุณกับหม่าเวยเวยตกลงอะไรกันคะ”
“ฉันแค่ทำความรู้จักเพื่อนใหม่น่ะ เธอกังวลอะไรนักหนาเนี่ย”
เธอสูดหายใจลึก เริ่มรู้สึกว่านับวันหันซิวเช่อยิ่งงี่เง่าขึ้นเรื่อยๆ “ถ้าคุณทุ่มเทกับการ์ตูนของคุณอย่างนี้จะดีแค่ไหนกันล่ะเนี่ย”
“เธอไม่มีวันเข้าใจความคิดของฉันหรอกน่า! ”
หันซิวเช่อเคี้ยวหมากฝรั่งพลางเอ่ยกับผู้จัดการของตัวเอง “ฉันชอบเห็นถังหนิงตอบโต้กลับแล้วหลบไปซ่อนอีก คิดว่าเธอจะทำหน้ายังไงถ้าจู้ซิงมีเดียถูกแย่งไปกันล่ะ”
“ใช่ค่ะ ฉันไม่เข้าใจคุณ แต่ฉันก็รู้ว่าถ้าคุณชอบถังหนิงจริงๆ ทุกอย่างที่คุณทำลงไปวันนี้จะเป็นการทำร้ายเธอ”
“เธอนี่ชักจะเจ้ากี้เจ้าการขึ้นทุกวันแล้วนะ! ” เขาเมินคำพูดของผู้จัดการ “ฉันจะทำตามใจชอบแบบนี้แหละ แม้แต่พี่ชายของฉันยังคุมฉันไม่ได้เลยนับประสาอะไรกับเธอล่ะ
“รอชมการแสดงเด็ดๆ ได้เลย! ”
เธอจนปัญญาขณะที่แสร้งทำเป็นไม่รับรู้แผนของเขา ทว่าถึงแม้เธอจะเป็นผู้จัดการของเขาก็ยังหวังให้ถังหนิงปรากฏตัวออกมาในเร็วๆ นี้ เพื่อกำราบคุณชายเอาแต่ใจคนนี้