บทที่ 427 ผู้รอดชีวิต
บทที่ 427 ผู้รอดชีวิต
ตอนนั้นเองผู้อาวุโสฮัวตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นไร้เดียงสาเกินไป!
เขาเพิ่งต่อสู้กับผู้บรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุดจริงด้วย!
แต่อีกฝ่ายเป็นแค่ชายหนุ่ม แล้วเขาจะบรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐานได้ยังไง?
“ไม่…เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้”
ร่างกายของเขาชาวาบไปทั้งตัว ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮัวก็นึกขึ้นได้อีกฝ่ายสามารถคร่าชีวิตเขาได้อย่างง่ายดาย!
ไม่เพียงแค่นั้น…เหล่าศิษย์ที่ห้อมล้อมเขาอยู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน!
ขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุด!
มันคือขอบเขตไหนกันนะ?
มันคือสิ่งที่เหนือกว่าการบรรลุขอบเขตก่อรากฐาน ซึ่งก็คือการฝึกตนเพื่อเป็นอมตะยังไงล่ะ!
จุดสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุดใกล้เคียงกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
แล้วใครจะกล้าหยุดเขา?
มันต่างจากรนหาที่ตายตรงไหน?
หลังจากทุกคนได้ยินอย่างนั้น พวกเขาก็ก้าวถอยหลังสองสามก้าว…
ไม่มีใครกล้าหยุดชายหนุ่มตรงหน้าอีกต่อไป
“เฮ้อ…น่าเสียดาย ฉันคิดว่าจะได้ต่อสู้เยอะกว่านี้ซะอีก”
อวี้ฮ่าวหรานเหลือบตามองศิษย์และอาจารย์สำนักเมฆาเขียวด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย
“แก…แกมาที่นี่เพราะต้องการแก้แค้นเหรอ?”
เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของฉินชาง ถึงจะมีอายุห้าสิบปีแล้ว แต่เขาก็อดตื่นตระหนกไม่ได้เมื่อต้องเผชิญกับผู้บรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุด
ดูเหมือนว่าถ้ามีใครทำให้ชายคนนี้ขุ่นเคือง มีหวังสำนักเมฆาเขียวได้ราบเป็นหน้ากลองแน่!
แม้พวกเขาสามารถหยุดชายคนนี้ได้ด้วยเขตอาคมขนาดใหญ่ แต่ก็กลัวว่าเหล่าศิษย์ทั้งหลายและผู้อาวุโสจะไม่รอดน่ะสิ!
“แก้แค้น? ฮ่า ๆ ยังหรอก”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ
ใบหน้าของอู๋เหนียนซีดลงกว่าเดิม! แต่ในใจเขากลับมีความคิดที่จะยืนหยัดต่อสู้กับอีกฝ่าย!
“อยากแก้แค้นก็เข้ามาหาฉันสิ เรื่องซุ่มโจมตีเป็นความคิดของฉันเอง!”
แม้ว่าลึก ๆ แล้วเขาจะหวาดหวั่น แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้ว
“ฉันผิดเองที่พาศัตรูมาถึงหน้าบ้านเรา ดังนั้นฉันขอจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!”
ในช่วงระหว่างความเป็นตาย ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้อาวุโสสุดสูงอู๋เหนียนจะยืนกรานรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น!
“ไม่นะ! ผู้อาวุโสสูงสุด!”
“ผู้อาวุโสสูงสุด! พวกเราต้องรับผิดชอบด้วยกันสิครับ!”
“ใช่ครับ อย่าเสียสละชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์เลยครับ!”
“…”
ทันทีที่ผู้อาวุโสอู๋เหนียนพูดอย่างนั้น เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็คัดค้านทันที
แต่อวี้ฮ่าวหรานตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…
ดูเหมือนเขาเตรียมตัวมาแก้แค้นเหรอ?
จุดประสงค์หลักของการเดินทางมาที่นี่เพื่อสืบหาเบาะแสของแม่ชีและหลี่เม่ยต่างหาก
ชายหนุ่มไม่เรื่องสนใจแก้แค้นสักนิด เขาไม่รู้ว่าช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างขั้นสูงสุดและขั้นสูงเป็นยังไง
“ทุกคนเงียบ! ฉันจะรับผิดชอบคนเดียว อู๋ลั่นคือเครือญาติทางสายเลือดของฉัน และฉันก็เป็นคนเริ่มเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!”
อู๋เหนียนสั่งให้ทุกคนถอยห่างก่อนสาวเท้าเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างช้า ๆ
“มาสิ! เอาชีวิตผู้อาวุโสอย่างฉันไป แต่อย่ายุ่งกับคนอื่นเด็ดขาด”
เขาก้มหน้าลงราวกับยอมรับชะตากรรม
เขาเสียใจมากที่ไม่เชื่อฟังผู้อาวุโสหลินตั้งแต่แรกจึงทำผิดพลาดส่งผลให้ชายคนนั้นโกรธแค้นอย่างมาก!
“ฉัน…เดี๋ยวนะ”
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออกเมื่อเห็นอู๋เหนียนเดินเข้ามาหาตนเอง เขาไม่ได้มาแก้แค้นสักหน่อย ทำไมอีกฝ่ายถึงมีท่าทางอย่างนี้ล่ะ?
“วันนี้ฉันมาที่นี่เพราะแค่อยากถามข้อมูลบางอย่าง เรื่องแก้แค้นอะไรนั่นไม่สำคัญกับฉันหรอก”
“หา? แก…แกหมายความว่า…”
อู๋เหนียนอึ้งงันไปชั่วครู่ เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เชื่อ ขณะที่หัวสมองขาวโพลน
“อืม แกไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอก ฉันไม่อยากฆ่าใคร”
อวี้ฮ่าวหรานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ตอนแรกอู๋ลั่นเกือบพลั้งมือทำร้ายลูกสาวเขาก็จริง แต่คนคนนั้นถูกเขาลงโทษจนตายไปแล้ว ครั้งที่สอง อีกฝ่ายบุกเข้ามาถึงในบ้าน ซึ่งเขาก็สั่งสอนอีกฝ่ายไปแล้ว
พูดตามตรงระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่มีความแค้นกันแล้วด้วยซ้ำ
“แก…แกไม่ได้มาที่นี่เพื่อแก้แค้นหรอกเหรอ?”
เจ้าสำนักฉินตกตะลึง เขาเตรียมพร้อมเผาหยกรวมกับศิลาแล้ว*[1] แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อแก้แค้น…
เขายืนนิ่งและกะพริบตาสองสามครั้ง
เมื่อเป็นอย่างนั้นอู๋เหนียนจึงถอยหลังไปสองสามก้าว!
“ฉัน…ฉันไม่ต้องตายแล้วใช่ไหม?”
เขาถามด้วยความระมัดระวังราวกับอีกฝ่ายเป็นผีหรือเทพก็ไม่ปาน
อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายด้วยสายตาจนปัญญา
ถ้าทุกอย่างยังเป็นอย่างนี้ เขาคงไม่มีโอกาสสืบเบาะแสเรื่องหลี่เม่ยแน่นอน
“ไม่ ไม่! ฉันแค่อยากถามบางอย่างน่ะ อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระเลย!”
เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ดี…ดีมาก!”
ผู้อาวุโสหลินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย จากที่ก่อนหน้านี้เขาเตรียมใจตายแล้ว
ผู้บรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุดมีความแข็งแกร่งอย่างมาก จนผู้บรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงอย่างพวกเขาไม่มีโอกาสชนะเลย
ตอนนั้นเองเจ้าสำนักฉินก็พูดขึ้น
“ถามมาสิน้องชาย แล้วฉันจะตอบตามจริง!”
ประโยคที่เขาพูดออกมาแสดงถึงความกระตือรือร้นอย่างมาก จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
“ตอนนี้เราไม่มีความแค้นต่อกันแล้ว ทำไมเราไม่ไปคุยกันที่ห้องโถงล่ะ”
ที่ตรงนี้คลาคล่ำไปด้วยศิษย์หลายสิบคนจึงไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยเรื่องสำคัญ
“อืม ไปกันเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ปฏิเสธ หลังจากประเมินด้วยสายตาแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายสร้างเขตอาคมขึ้นมาใหม่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
สำหรับเรื่องของแม่ชีและหลี่เม่ย เขาจำเป็นต้องถามข้อมูลจากอีกฝ่ายอย่างละเอียด ไม่เช่นนั้นถ้าพวกเขาลืมเล่ารายละเอียดบางอย่าง มันจะไม่คุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไป
บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากบริเวณนั้นไป…
ศิษย์สองคนที่เฝ้ายามประตูผู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นแทบสติแตกเมื่อเห็นอย่างนั้น!
พวกเขาเพิ่งต่อสู้กับผู้บรรลุขอบเขตก่อรากฐานขั้นสูงสุดจริงเหรอ?
แถมยังมีชีวิตรอดด้วย?
เมื่อเป็นอย่างนั้น ในอนาคตเขาจึงสามารถโอ้อวดเรื่องนี้ได้อย่างภาคภูมิใจสินะ
ภายในห้องโถงของสำนักเมฆาเขียว ฝูงชนเริ่มทยอยกลับมาที่ห้องโถง
ตอนนี้ทุกคนในห้องโถงเป็นเหมือนเดือนและดาวที่ห้อมล้อมชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางเอาไว้
อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองไปทั่วห้องโถง ภายในถูกตกแต่งด้วยลายสลักมังกรและหงส์อย่างสวยงาม แถมยังใหญ่โตโอ่อ่าทีเดียว
“ฉันจะนั่งตรงนี้”
เขาไม่ได้นั่งตรงกลางห้องโถงแต่เลือกที่นั่งที่ตัวเองชอบ จากนั้นเริ่มอธิบายเรื่องของแม่ชีและหลี่เม่ย
เวลาผ่านไปพักใหญ่
“… แค่นี้แหละ นั่นคือสาเหตุที่เมียฉันหายตัวไป แต่ฉันไม่รู้ว่าแม่ชีคนนั้นเป็นใคร”
“เอ่อ…”
เจ้าสำนักฉินเริ่มใช้ความคิดอย่างหนักทันที และทุกคนในสำนักก็ทำเหมือนเขาเช่นกัน
พอรับรู้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินอวี้ฮ่าวหรานอีกเลย หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนในห้องโถงยังคงไม่มีใครกล้าออกความคิดเห็นสักคน
“คุณอธิบายเรื่องนี้ละเอียดมาก แต่…สองคนที่คุณตามหาไม่เคยมาที่สำนักของเราเลย”
เจ้าสำนักฉินตอบอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะผิดหวัง
ไม่ว่าจะคิดทบทวนยังไง เขาก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงสองคนที่อีกฝ่ายตามหา
ถ้าเขาหลอกอีกฝ่ายแล้วชายหนุ่มรู้ความจริงทีหลัง ฉินชางรู้ดีว่าสำนักเมฆาเขียวรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่นอน
“เหมือนกัน ฉันไม่เคยเจอสองคนนั้นที่นายตามหาเลย”
ผู้อาวุโสสูงสุดอู๋เหนียนก็ส่ายศีรษะเช่นกัน คิ้วของอวี้ฮ่าวหรานขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
เขาออกตามหาเบาะแสของภรรยามาสองวันแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่ทิศเหนือเพื่อคว้าน้ำเหลวสินะ
แต่ขณะนั้นเอง!
จู่ ๆ ก็มีคนนึกบางอย่างได้!
[1] เผาหยกรวมกับศิลา เปรียบเปรยถึงการไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี