“หืมม? นี่ข้าตายไปแล้วหรือ?”

ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน หลิวหยูหลานก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ เธอได้ลืมตาขึ้นมาและค้นพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ที่พื้น พริบตาที่หมดสติไปนั้น เธอคิดว่าตนเองคงจะต้องถูกส่งไปที่ยมโลก

ทว่ารอให้เธอได้ฟื้นคืนสติกลับมา เธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของร่างกาย เธอล่วงรู้ทันทีว่าตนเองนั้นยังไม่ตาย ยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

“พลังเวทมนตร์ของข้าก็ฟื้นฟูกลับมา ยาพิษหมดฤทธิ์อย่างนั้นหรือ?”

หลิวหยูหลานค้นพบอย่างกะทันหันว่าพลังเวทมนตร์ของตนเองก็ได้ฟื้นฟูกลับมาแล้ว สามารถที่จะเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ เธอยืนขึ้นมาจากพื้นทันทีและค้นพบว่านอกจากตนเองและเซี่ยปิงนั้น ก็ไม่ได้มีผู้คนจำนวนมากที่ยังมีชีวิตอยู่

เธอมองออกไปและค้นพบว่าเซี่ยปิงหรือว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่กำลังทำลายซากศพโดยที่ไม่ให้เหลือร่องรอย นิ้วได้ชี้ออกไป กลุ่มเปลวไฟขนาดเล็กได้ถูกยิงออกไปอย่างเบาบาง จากนั้นก็แผดเผาซากศพเหล่านี้

หลั่ว หลั่ว หลั่ว~

หลังจากไม่กี่ลมหายใจ ซากศพเหล่านี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน สายลมพัดออกมา จากนั้นก็ได้พัดเถ้าถ่านเหล่านี้ปลิวหายไปจากโลกใบนี้

หลังจากนั้นไม่กี่นาที นอกจากฉางเซวียและคนอื่นๆที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นนั้น ซากศพอื่นๆก็ได้หายไปอย่างหมดจด

ในช่วงเวลานี้หลิวหยูหลานก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นภาพลวงตา หากไม่ใช่เพราะสถานที่แห่งนี้มีร่องรอยความเสียหายที่ร้ายแรงอยู่ ทุกๆที่มีแต่ความยุ่งเหยิงนั้น เธอก็คงจะคิดว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

วิธีการที่เจ้าบัดซบนี่ใช้ในการทำลายซากศพโดยที่ไม่มีร่องรอยใดๆหลงเหลืออยู่เลยนั้น ช่างดูเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้วเจ้านี่ได้ทำเรื่องที่เลวร้ายมามากแค่ไหนกัน?

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? คนอื่นๆตายไปทั้งหมดหรือ? นี่มันผ่านไปนานแค่ไหน ทำไมพิษในร่างกายของข้าถึงได้หายไป?” หลิวหยูหลานเดินเข้าไปและรัวคำถามใส่เซี่ยปิง

“อืม ตายไปทั้งหมด”

เซี่ยปิงพยักหน้า “และก็ไม่นาน เจ้าหมดสติไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ส่วนพิษของเจ้านั้น ข้าก็ได้จัดการให้กับเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าไม่มีอะไรที่ต้องกังวล”

สำหรับเขานั้น การที่ต้องการถอนพิษออกจากร่างกายของหลิวหยูหลานนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ตราบใดที่ปล่อยเปลวไฟของเขาเข้าไป ก็สามารถที่จะแผดเผาพิษเหล่านี้จนหมดจดในทันที

ทว่าก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ทำเช่นนี้ เป็นเพราะกังวลว่ามันจะทำให้ศัตรูรู้ตัว ทำให้เฉินเหว่ยและคนอื่นๆไหวตัวขึ้นมา ทว่าตอนนี้การที่กลุ่มคนเหล่านั้นได้ตายไปจนหมดสิ้นนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องนี้อีก

“ตายไปทั้งหมดหรือ?!”

หลิวหยูหลานรู้สึกผ่อนคลายลง ล่วงรู้ว่าศัตรูคู่อาฆาตจั่วฮาวได้ตายไปด้วยน้ำมือของเซี่ยปิง ความแค้นได้รับการชำระ ทว่าในตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ตนเองควรที่จะทำอย่างไรต่อ

“ใช่สิ เจ้าตื่นขึ้นมาก็ดี ข้าต้องการให้เจ้าระบุว่าสิ่งของต่างๆที่ข้าได้ปล้นชิงมาจากจ้าวสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิงนั้นคืออะไร?” เซี่ยปิงพูดกับหลิวหยูหลาน เขาได้นำสิ่งของต่างๆออกมา สาเหตุที่เขาถอนพิษให้กับหลิวหยูหลานและทำให้ตื่นขึ้นมานั้น เพราะต้องการที่จะล่วงรู้ว่าสิ่งของที่อยู่บนตัวของจั่วฮาวเหล่านี้คือสมบัติอะไร

“นี่คือเม็ดยาบำรุงวิญญาณ เป็นเม็ดยาที่มีประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก สามารถที่จะทำให้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น มีสรรพคุณที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าหินวิญญาณเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้มีผลข้างเคียง เป็นเม็ดยาที่มีมูลค่าที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก”

หลิวหยูหลานเห็นขวดเม็ดยา4-5ขวดที่พื้น เธอก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที ในอดีตนั้นแต่ละครั้งที่ตระกูลหลิวต้องการซื้อเม็ดยาบำรุงวิญญาณนั้น จำเป็นต้องใช้เงินในจำนวนที่มหาศาล

ทว่าตอนนี้เซี่ยปิงได้ครอบครองขวดเม็ดยานี้มา4-5ขวดอย่างง่ายดาย ช่างโชคดีเหลือเกิน คาดการณ์ได้ว่าคงจะมีแค่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะมีเม็ดยาที่ล้ำค่าเช่นนี้ได้

เม็ดยาเหล่านี้นั้นไม่ใช่แค่ได้มาจากจั่วฮาวเท่านั้น ทว่าเซี่ยปิงก็ได้ปล้นชิงมาจากผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆของชนเผ่าวิญญาณเช่นกัน ซึ่งรวมทั้งหมดเป็นเม็ดยาบำรุงวิญญาณในจำนวน4-5ขวด

“สิ่งเหล่านี้คือสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่าในทวีปโลหิตวิญญาณของพวกเรา โสมทองคำ เฉ่าอู รากธรณีและอื่นๆ” หลิวหยูหลานบ่งบอกถึงสมุนไพรวิญญาณต่างๆที่เซี่ยปิงได้รับมาภายในหนึ่งลมหายใจ สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างมาก

“นี่คือ..นี่มันคือเครื่องหมายอะไรหรือ?”

เซี่ยปิงยกเครื่องหมายสีดำขึ้นมา มีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือ เขาคิดว่าเครื่องหมายสีดำนี้มีพลังอำนาจที่ลึกลับแอบแฝงอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีค่ายกลยับยั้งจิตวิญญาณที่ลึกลับบางอย่างถูกจารึกไว้ ดูล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้

“นี่คือตราของจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อย เป็นตราของจ้าวสำนัก การที่ได้เห็นตรานี้ก็เหมือนกับการที่ได้เห็นจ้าวสำนัก”

ทันทีที่เห็นตรานี้ปรากฏขึ้นมานั้น หลิวหยูหลานก็สะดุ้งตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นตราของจ้าวสำนัก “ว่ากันว่าตรานี้มีความล้ำค่าอย่างมาก ฟ้าดินไม่อาจให้อภัย หลังจากที่ได้ครอบครองตรานี้ จากนั้นจะสามารถระดมกองกำลังทั้งหมดของสำนักวิญญาณในเมืองฮวายหนิงได้”

“แม้แต่ค่ายกลยับยั้งภายในสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้น ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตรานี้ หลังจากที่มีตรานี้นั้น จะสามารถผ่านเข้าออกพื้นที่หวงห้ามต่างๆของสำนักวิญญาณได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่ายกลเทเลพอร์ตเพื่อไปยังสำนักวิญญาณสาขาหลักได้”

เธอได้บ่งบอกข้อมูลที่ตนเองรู้

“หากเป็นเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าตรานี้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก”

เซี่ยปิงเอามือเท้าคางในขณะที่สายตาเป็นประกาย

“เจ้าอันธพาล เจ้าต้องการที่จะทำอะไร? เจ้าคงจะไม่คิดใช้ตรานี้ในการทำเรื่องไม่ดีใช่หรือไม่?” สัญชาตญาณของหลิวหยูหลานกำลังบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ดี เธอคิดว่าสิ่งของที่อันตรายของสำนักวิญญาณได้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นปีศาจต่างถิ่นที่แข็งแกร่งอย่างมาก

หากเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ต้องการที่จะทำเรื่องที่เลวร้ายล่ะก็ สำนักวิญญาณก็คงจะไม่สามารถต้านทานได้

“แน่นอน คนดีอย่างข้า เป็นไปได้อย่างไรที่จะคิดทำเรื่องไม่ดี เขาเพียงแค่ต้องการไปเยี่ยมเยียนสำนักวิญญาณเพียงเท่านั้น” เซี่ยปิงพูดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม สำหรับเรื่องทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณนั้น มันอยู่ในสมองของเขามาตลอด

ตอนนี้ต่อให้จะสังหารผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเป็นจำนวนมาก ทว่าก็ยังคงไม่ได้ครอบครองทักษะพลังวิญญาณใดๆ เห็นได้ชัดว่าชนเผ่าวิญญาณนั้นเข้มงวดเรื่องการปกปิดทักษะลับแค่ไหน ไม่อนุญาตให้มันรั่วไหลออกไปอย่างแน่นอน

“เจ้าต้องการจะทำเรื่องที่ไม่ดีจริงๆ”

หลิวหยูหลานตะโกนออกมา “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าคิดทำอะไรบุ่มบ่าม สำนักวิญญาณนั้นมียอดฝีมือที่มากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่รู้ว่ามีจำนวนมากแค่ไหน พลังอำนาจของพวกเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่จั่วฮาวจะสามารถเทียบด้วยได้”

“หากเจ้าบุกรุกเข้าไปและถูกค้นพบโดยผู้คนของสำนักวิญญาณล่ะก็ ไม่สามารถที่จะหลบหนีออกมาได้อย่างแน่นอน ข้าขอเตือนให้เจ้าล้มเลิกความคิดที่อันตายนี่ซะ”

เธอได้ทำการโน้มน้าวและห้ามปราบเซี่ยปิง เพราะเธอล่วงรู้ว่าเจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน หากเจ้าอันธพาลนี่เข้าไปในสำนักวิญญาณได้จริงๆ ไม่รู้ว่าจะก่อให้เกิดการทำลายล้างมากแค่ไหน บางทีอาจจะทำให้ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณสั่นสะเทือน

การที่สำนักงานใหญ่ของสำนักวิญญาณถูกบุกรุกเข้าไปโดยปีศาจต่างถิ่นนั้น นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ผ่านมาเป็นระยะเวลาหลายหมื่นปีก็ไม่เคยมีเรื่องที่สะเทือนน้ำสะเทือนบกเช่นนี้เกิดขึ้น

“สบายใจได้ ข้าเตรียมพร้อมมาอย่างดี มันจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”

เซี่ยปิงตบหน้าอกของตนเอง

หลิวหยูหลานมีสีหน้าที่ซีดเผือด เจ้านี่ยังต้องการที่จะไปจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี ท้ายที่สุดแล้วจะต้องเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์แค่ไหนกันที่ทำให้เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่ยอมล้มเลิกได้?

“ใช่สิ สมบัติของเฉินเหว่ยและคนอื่นๆ จะต้องทำการตรวจสอบ”

เซี่ยปิงไม่ได้สนใจหลิวหยูหลานอีกต่อไป เขาได้โบกมือออกไป ทันใดนั้นแหวนห้วงมิติจำนวนนับสิบก็ได้ปรากฏขึ้นมา นี่คือสิ่งที่พบจากซากศพของเฉินเหว่ยและคนอื่นๆก่อนหน้านี้ สมบัติของพวกเขาถูกเก็บไว้ในแหวนห้วงมิติเหล่านี้

สำหรับจักรวาลในยุคนี้นั้น แหวนห้วงมิติถือว่าเป็นไอเท็มที่ธรรมดาอย่างมาก มีอยู่ทั่วไปในสังคม

ทว่าในตอนนี้เขาก็มีความคาดหวังอย่างมาก ไม่รู้ว่าอันที่จริงกลุ่มของเฉินเหว่ยนี่จะพกพาสมบัติที่ล้ำค่าอะไรมา