ตอนที่ 299 มีคนควบคุมมันไว้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

พวกเขากังวลจนเกินเหตุไปแล้ว มู่เฉียนซีเป็นถึงผู้นำตระกูลมู่ และยังเป็นผู้นำที่ตึกหอหมอปีศาจ ดังนั้นนางกล่าวคำใดย่อมเป็นคำนั้น

แม้ว่าจะมีผู้อาวุโสอยู่ในครอบครัว แต่มู่อวู่ซวงก็รักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้คนเดียวของเขาตลอดมา

มู่เฉียนซีส่ายศีรษะก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ใช่ยาเม็ดแต่เป็นพวกมัน” นางชี้ไปที่สัตว์วิญญาณที่ถูกทำให้เชื่อง สัตว์วิญญาณเหล่านี้พลันตื่นขึ้น ทําให้เหล่านักผจญภัยตกใจอย่างมาก

แต่พวกเขากลับพบว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้เปลี่ยนไปมาก  จากที่ดุร้าย พวกมันกลับกลายเป็นอ่อนโยนไม่โจมตีผู้คน

พวกเขาตะลึงงันกันไปหมด “เจ้าหนุ่ม สัตว์วิญญาณเหล่านี้เชื่องได้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”

“เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้า… เจ้าเป็นผู้ฝึกสัตว์วิญญาณ!”

มู่เฉียนซี “มิใช่หรอกท่านพี่ใหญ่ทั้งหลาย บังเอิญว่าเมื่อวานข้าจับสัตว์วิญญาณได้มากมาย ผู้ฝึกสัตว์วิญญาณของข้าจึงฝึกพวกมันทั้งหมดให้เชื่อง และข้าก็ไม่สามารถพาพวกมันทั้งหมดไปได้ ดังนั้นข้าจึงอยากมอบมันให้กับพี่ใหญ่ทุกท่าน”

“มีผู้ฝึกสัตว์วิญญาณมาที่เมืองฉู่แล้วรึ ?!” พวกเขากล่าวอย่างตกตะลึง

“เจ้าหมอนั่นมีหน้าที่ปกป้องข้าอย่างลับ ๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ หากพี่ใหญ่ทุกคนรังเกียจไม่อยากทําพันธสัญญากับพวกมัน เช่นนั้นฆ่าพวกมันทิ้งเสียก็ได้”

สัตว์วิญญาณที่เชื่องเหล่านี้มีค่าเพียงใด เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้

พวกเขากล่าวว่า “เอ่อ… พวกข้าไม่รังเกียจเลย เพียงแต่พวกข้าเกรงใจที่จะรับมันจริง ๆ สัตว์วิญญาณเหล่านี้มีค่ามากเกินไป”

“ใช่แล้ว!”

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกท่านอย่าได้เกรงใจไปเลย สถานการณ์ของเมืองฉู่ในเวลานี้ ต่อให้ข้าจะขายก็ไม่มีใครซื้อได้ อีกทั้งการทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและทำให้สามารถปกป้องเมืองฉู่ได้ดียิ่งขึ้น มีแต่ได้กับได้”

“แต่ว่า…”

สิ่งล้ำค่าเช่นนี้ พวกเขารับมาก็คงไม่มีอะไรตอบแทนเจ้าหนุ่มผู้นี้ได้ พวกเขาเกรงใจจริง ๆ

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “พี่ใหญ่ทั้งหลายอย่าได้ลําบากใจเลย เมื่อหอหมอขายยาของข้ามาเปิดที่เมืองฉู่ คงต้องขอให้พวกท่านช่วยดูแลให้ดี”

เมืองฉู่ไม่ใช่สถานที่ที่จะทําการค้าได้อย่างราบรื่น แต่ด้วยการสนับสนุนจากเหล่านักผจญภัยอิสระกลุ่มนี้ ในอนาคตการค้าขายยาและการรับซื้อสมุนไพรวิญญาณจะต้องราบรื่นอย่างมากเป็นแน่แท้

แน่นอนว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้มีไว้เพียงเพื่อการฝึกฝนเท่านั้น ไม่ได้มีการใช้งานพิเศษใด ๆ  สู้เอาไปลงทุนเพื่อพัฒนาหอหมอปีศาจที่นี่ของนางในอนาคตจะดีกว่า

มู่เฉียนซีทําตัวใจกว้างเช่นนี้ หากพวกเขาไม่ใจอ่อน นั่นคงเป็นเรื่องโกหก

พวกเขากล่าว “ได้แน่นอน หอหมอขายยาของเจ้าที่จะมาเปิดในเมืองฉู่ในวันข้างหน้า พวกข้าต้องไปยินดีเป็นคนแรก”

“หากใครกล้าสร้างปัญหา พวกข้าจะไม่ปล่อยมันไป”

“เมื่อพวกข้าพบสมุนไพรวิญญาณใดที่ดี ๆ ในเทือกเขาชีชง พวกข้าจะขายให้ร้านเจ้าก่อนเป็นร้านแรก”

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “สิ่งที่ข้าต้องการคือคํากล่าวนี้ของพวกท่าน รีบทําพันธสัญญาเร็วเข้าเถิดพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถึงอย่างไรข้าก็รู้สึกว่าการอาละวาดก่อจลาจลของสัตว์วิญญาณในเทือกเขาชีชงครั้งนี้เป็นเรื่องผิดปกติ”

“ตกลง!”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ พวกเขาย่อมไม่เกรงใจ รีบเร่งทําพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณอย่างรวดเร็ว

เวลานี้พวกเขารู้สึกราวกับกําลังฝันไป นักผจญภัยอิสระอย่างพวกเขาไม่มีภูมิหลังใด ๆ และต่อให้จับสัตว์วิญญาณทั้งเป็นมาได้ ก็เชิญผู้ฝึกสัตว์วิญญาณมาช่วยฝึกสัตว์วิญญาณไม่ได้ ตลอดชีวิตนี้ไม่มีทางที่จะมีสัตว์พันธสัญญาสักตัวหนึ่งได้

ทว่า… ตอนนี้พวกเขาสามารถครอบครองสัตว์วิญญาณที่เชื่องแล้ว และผูกพันธสัญญากับพวกมันได้อย่างง่ายดาย

“โฮกกก!”

เสียงคํารามของสัตว์อสูรราวกับสายฟ้าดังมาจากเทือกเขาชีชง สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก

“สวรรค์! นั่นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

“เหตุใดถึงได้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ?”

“โอ้…!”

การอาละวาดก่อจลาจลของสัตว์วิญญาณทั่วไปถูกจํากัดเฉพาะในวงสัตว์วิญญาณเท่านั้น สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถเข้าร่วมได้

แต่วันนี้ เรื่องแปลก ๆ ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว

“รีบแจ้งท่านเจ้าเมือง และรีบไปเชิญยอดฝีมือระดับจักรพรรดิมาเร็วเข้า เร็ว!”

ระดับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องมียอดฝีมือระดับจักรพรรดิถึงจะรับมือได้ ภายใต้ระดับราชาอย่างพวกเขานี้ การต่อกรกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องตายเปล่าเป็นแน่แท้

ทั่วทั้งเมืองฉู่ตกอยู่ในความหวาดผวา  ตั้งแต่อยู่เมืองฉู่มา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นว่ามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เข้ามาร่วมอาละวาดไปกับสัตว์วิญญาณ

นอกจากนี้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ใช่เพียงหนึ่งหรือสองตัว แต่มันมากันเป็นกลุ่ม!

สีหน้าของนักผจญภัยทั้งหลายพลันเผือดซีด บางคนถึงกับถอดใจ

จางอี้ ผู้นำกลุ่มนักผจญภัยอิสระถึงกับตะโกนว่า “ป้องกันไว้! รอยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเข้ามาช่วย”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องไว้ให้ได้!”

สัตว์วิญญาณที่เพิ่งทําพัธสัญญานั้นมีประโยชน์อย่างมาก พวกเขารู้สึกขอบคุณเจ้าหนุ่มมู่ซีที่ให้โอกาสพวกเขาได้เพิ่มพลังการต่อสู้เป็นสองเท่า แม้ว่าจะหยุดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไว้ไม่ได้ แต่ก็สามารถถ่วงเวลาให้นานขึ้นได้

ทหารผู้น้อยของนักผจญภัยกลุ่มย่อยหลางเทียนกล่าวเสียงสั่น ๆ ว่า “ท่านผู้นำกลุ่ม ดะ… ดูนั่น… พวกเขา…”

หลางเทียนบันดาลโทสะ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “มองอะไรเล่า ?! พวกเขาไม่ถอย เราก็รีบหาวิธีที่จะถอยซะ!”

หลางเทียนจากไป ใจเขารู้สึกว่าตนเองมาเจอเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้เข้าเสียแล้ว

พวกนักผจญภัยอิสระที่ยากจนข้นแค้นเหล่านั้น กลับได้ทําพัธสัญญากับสัตว์วิญญาณ  และสัตว์วิญญาณเหล่านั้นก็ไม่ใช่ว่าเป็นพวกที่ล้อมเมืองเมื่อวานหรอกหรือ ? เหตุใดพวกเขาถึงได้ทําพันธสัญญา ?

ในหมู่คนจนกลุ่มนั้นต้องมีผู้ที่สามารถฝึกสัตว์อสูรได้อยู่เป็นแน่

หลางเทียนกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเขา… เกิดบัดซบอะไรขึ้นกับพวกเขากัน ?”

แม้แต่เขาก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ครอบครองสัตว์พัธสัญญา แล้วเหล่าคนจนกลุ่มนี้มีคุณสมบัติได้อย่างไร ?

คนของนักผจญภัยกลุ่มย่อยตกใจกับค่ายกลของนักผจญภัยอิสระ พวกเขาหนึ่งคนจับคู่กับสัตว์วิญญาณที่ทําพันธสัญญาต่อกันแล้วหนึ่งตัว แม้ระดับของพวกเขาจะไม่สูงมากนัก แต่ก็ทำให้คนอิจฉาตาร้อนได้

หลางเทียนกัดฟัน กล่าวขึ้น “ฆ่า! ฆ่ามัน! ฆ่ามันซะ!”

การก่อจลาจลของสัตว์วิญญาณในครั้งนี้ยิ่งโหดร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ  ทว่าสำหรับกลุ่มนักผจญภัยอิสระ เป็นเพราะพวกเขามีสัตว์พันธสัญญาอยู่จึงไม่ได้กดดันอะไรมากนัก

ส่วนฝั่งของนักผจญภัยกลุ่มย่อยนั้นน่าสังเวชขนานหนัก ขณะที่พวกเขากําลังจะป้องกันไว้ไม่ไหว ในที่สุดท่านเจ้าเมืองก็นํายอดฝีมือระดับจักรพรรดิมาหลายสิบคน  โดยทั้งหลายสิบคนนั้นเป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิทั้งหมดของทั่วทั้งเมืองฉู่ และในนั้นเถ้าแก่ก็มาด้วย

คนหลายสิบคนจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากมายเช่นนี้ แน่นอนว่าฝ่ายข้างน้อยย่อมแพ้ฝ่ายข้างมาก

ท่านเจ้าเมืองกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทุกท่านโปรดอดทนไว้ ข้าได้ส่งข่าวไปยังสํานักนิกายครึ่งระดับและสํานักนิกายหนึ่งระดับเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว หวังว่าพวกเขาจะมาช่วยเหลือเราได้ทันเวลา”

ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก  สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้กำลังโจมตีเมืองฉู่ ยังไม่ทันได้โจมตีสํานัก สํานักทั่วไปจึงเลือกที่จะเมินเฉยต่อสถานการณ์นี้

สํานักอวิ๋นเยียนแห่งสํานักนิกายระดับหนึ่งยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง พวกเขาจะสนใจชีวิตของคนธรรมดาในเมืองไปทำไมกัน ?

— ตูม! —

สมรภูมิระหว่างเหล่านักผจญภัยกับเหล่าสัตว์วิญญาณเริ่มเข้าสู่สภาวะแย่ลงเรื่อย ๆ  นักผจญภัยที่อยู่ด้านข้างเข้าป้องกันศัตรูที่ทรงพลังและป้องกันไม่ให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บ  เวลานี้มู่เฉียนซีกลายเป็นคนที่สบายที่สุดในหมู่พวกเขาไปแล้ว

สายตาของมู่เฉียนซีมองไปยังสถานที่หนึ่งในป่าชีชง เมื่อก่อนตอนที่วิญญาณของนางไม่ได้ผ่านการฝึกสัตว์จนแข็งแกร่งขึ้น นางไม่ได้มีสัมผัสรับรู้ แต่มาตอนนี้นางกลับสัมผัสได้ถึงเสียงแปลก ๆ ที่ดังมาจากที่แห่งหนึ่งลึกเข้าไปในเทือกเขาชีชง

นางนึกฉงนสงสัยว่าเสียงนั้นควบคุมการก่อจลาจลของสัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้

นี่ไม่ใช่พฤติกรรมทางธรรมชาติของเหล่าสัตว์วิญญาณ แต่มีคนจงใจทําให้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นระดมกำลังมาได้เพียงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถระดมกำลังสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงกว่านี้มาได้  แสดงว่าความแข็งแกร่งของผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังนั้นยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่นัก

เวลานี้สถานการณ์ยังคงอยู่ในช่วงรอคอยความช่วยเหลือจากสํานักนิกายที่ซึ่งก็ไม่น่าไว้วางใจ

เพื่อไม่ให้เมืองฉู่พินาศไปในหายนะครั้งนี้ มู่เฉียนซีนางคิดว่าจะต้องหยุดคนผู้บงการอยู่เบื้องหลังผู้นั้นให้ได้

.