ร่างมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกะพริบไปทางด้านล่างของกำแพงเมือง
สีหน้าเถ้าแก่พลันเปลี่ยนไป “เจ้าหนุ่ม เจ้าลงไปจากกำแพงเมืองทำไมกัน เจ้าอยากตายแล้วเกิดใหม่รึ ? ข้าโมโหเจ้าจริง ๆ!”
บ่นพึมพำจบ เถ้าแก่รีบวิ่งตามลงไป ส่วนนักผจญภัยอิสระ เมื่อเห็นเช่นนี้สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาพากันตะโกน “เจ้าหนุ่ม เหตุใดจึงลงไป ? มันอันตรายอย่างมาก!”
ฮุยหลางยกยิ้มมุมปากก่อนจะกล่าวขึ้น “พี่ใหญ่ดูนั่น เจ้าเด็กนั่นช่างไม่รู้จักความเป็นความตาย นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กหนุ่มจะโง่งมรนหาที่ตายเอาที่เทือกเขาชีชง”
ก่อนที่เถ้าแก่จะมาถึงตัวมู่เฉียนซี สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวก็พรวดเข้ามาหานางเสียก่อน นักผจญภัยอิสระเห็นสถานการณ์ไม่ดีก็ร้อนใจอย่างหนัก ทุกคนตะโกนขึ้นแทบจะพร้อมกัน “เจ้าหนู ระวัง!”
ในขณะนั้น ร่างสีขาวและสีแดงก็สว่างวาบออกมา
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า มาแล้ว! เหอะ! เจ้าเป็นเพียงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งกลับกล้าเสนอหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้านายท่านของข้า”
กรงเล็บอันแหลมคมของเจ้าแมวอู๋ตี้ข่วนเข้าไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
เปลวไฟสีแดงเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นไว้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นร้องโหยหวนออกมาจากเปลวไฟ และในที่สุดร่างของมันก็ถูกแผดเผามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
สังหารไปในชั่วพริบตา! ภายในชั่วพริบตาเดียว!
ระดับของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้น… พลังของความแตกต่างแต่ละระดับแตกต่างกันอย่างมาก อีกทั้งอู๋ตี้และเสี่ยวหงไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองธรรมดา ๆ การรับมือต่อสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง พวกมันสามารถสังหารได้อย่างง่ายดาย
ทุกคนเห็นภาพฉากนี้ต่างก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวเมื่อครู่ถูกฆ่าตายไปภายในชั่วลมหายใจเดียว
พวกเขาจ้องมองแมวน้อยสีขาวและหมูน้อยตัวสีแดงที่อยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซีด้วยความตะลึง “นั่นมัน… นั่นมันสัตว์ศักดิ์สิทธิ์!”
“ที่แท้เจ้าหนุ่มผู้นี้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัว มิน่าล่ะว่าเหตุใดสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาเช่นนี้ถึงไม่ได้อยู่ในสายตาเขา”
“บัดซบ!” หลางเทียนเห็นมู่เฉียนซีไม่เป็นอะไร อีกทั้งยังสามารถฆ่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนั้นได้ก็โกรธกรุ่นอย่างหนัก “เจ้าหนุ่มนั่นทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองถึงสองตัว บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!”
เถ้าแก่ก็ตกใจไม่แพ้กัน “เจ้าหนุ่ม ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องมีไพ่เด็ด แต่ไพ่เด็ดของเจ้าสองใบนี้ ข้าไม่คิดว่ามันจะยอดเยี่ยมและทรงพลังเช่นนี้”
มู่เฉียนซี “เถ้าแก่ ข้าสงสัยว่าในเทือกเขาชีชงมีคนที่ควบคุมสัตว์วิญญาณกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ให้ออกมาอาละวาด ข้าอยากจะเข้าไปดูสักหน่อย เถ้าแก่สนใจจะไปด้วยกันหรือไม่ ?”
เถ้าแก่รู้สึกจำใจ “เพียงการคาดเดาทำให้เจ้าเลือกที่จะเสี่ยงอันตรายจะเข้าไปในเทือกเขาชีชง เจ้าช่างมุทะลุเสียจริง”
“การโจมตีของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมันน่าแปลกเกินไป หากสิ่งที่ข้าคาดคิดเป็นจริงขึ้นมา เช่นนั้นเราก็สามารถแก้ไขหายนะนี้ได้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เถ้าแก่ “ดูเหมือนว่าเจ้าตัดสินใจไปแล้ว ข้าก็คงไม่อาจห้ามได้ เช่นนั้นข้าเข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าก็แล้วกัน”
การเข้าไปในเทือกเขาชีชงในขณะที่สัตว์วิญญาณกำลังออกอาละวาดเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องอันตรายมาก หากไม่ระวังตัวให้ดีอาจจะถูกสัตว์วิญญาณจู่โจมเอาได้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังจักรพรรดิก็ตามที
พวกสัตว์มันจู่โจมไม่เลือกหน้า!
ทุกคนผงะไปครู่หนึ่ง “พวกเขา… พวกเขาเข้าไปในเทือกเขาชีชงจริง ๆ บ้าไปแล้ว! พวกเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”
“สวรรค์โปรดช่วย! พวกเขากำลังจะฆ่าตัวตายชัด ๆ”
เนื่องจากมีเสี่ยวหงอู๋ตี้สองสัตว์พันธสัญญาคอยนำทาง สัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี
เป็นปกติอยู่แล้วที่จะมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งที่มีตาแต่หามีแววไม่ คิดจะลงมือกับมู่เฉียนซี แต่ด้วยยาพิษของมู่เฉียนซี ทำให้พวกมันไม่กล้ามากรายใกล้นาง สัญชาตญาณของพวกมันบอกว่ายาพิษไม่ใช่เรื่องที่ควรไปล้อเล่น
มู่เฉียนซีพยายามตามหาเสียงแปลกประหลาดนั่น ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวมากเพียงใดนางก็ยังคงหาเจอ
นางกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันเบา “ทางนั้น”
ร่างสองร่างกะพริบไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นมู่เฉียนซีก็ตามไปในบริเวณที่โล่งและนางก็ได้เห็นร่างชุดดำผู้หนึ่งกำลังยืนเป่าขลุ่ยอยู่
เมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังเข้ามาใกล้ เขาก็เตรียมตัวจะหนี ทว่าเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ว่องไวมาก ทั้งสองพุ่งเข้าไปขวางเขาเอาไว้เสียก่อน
เถ้าแก่ “นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนบงการเช่นนี้อยู่จริง ๆ เขาเป็นผู้ควบคุมสัตว์วิญญาณกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ให้ไปโจมตีเมืองรึ ?”
มู่เฉียนซีมองไปที่คนผู้นั้นและกล่าวขึ้นว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่ ? ควบคุมสัตว์วิญญาณกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งให้ไปอาละวาดในเมืองฉู่ เจ้ามีเหตุผลอันใด ?”
“เจ้าเด็กน้อย… เจ้าอย่ามายุ่งจะดีกว่า หากเจ้าฉลาดพอก็รีบออกไปจากเมืองฉู่ อย่าได้มาจุ้นจ้านเรื่องของผู้อื่น” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “จะขู่ข้าก็ขู่ไปเถอะ ในเมื่อมาแล้วข้าจะไม่เสียเที่ยวเด็ดขาด เสี่ยวหง อู๋ตี้ จับตัวเขาไว้ให้ได้!”
หากถามตอนนี้ก็คงจะไม่ได้อะไร จับตัวมาแล้วค่อยไต่ถามแล้วกัน
— วู๊! —
เสียงขลุ่ยดังขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “คิดจะจับข้ารึ ? หึ! ไม่ง่ายนักหรอก”
“โฮกกกก!”
ทันใดนั้นเอง มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากพุ่งเข้ามา เถ้าแก่ไม่รอช้า รีบวางแผนจะจัดการลงมือกับบุรุษชุดดำผู้เป่าขลุ่ยผู้นั้น ต้นตอของทุกอย่างมากจากบุรุษชุดดำเป่าขลุ่ยผู้นี้ หากสามารถหยุดเขาได้ ทุกอย่างก็สามารถแก้ไขได้
ถึงแม้ว่าบุรุษชุดดำจะมีความสามารถพิเศษ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับต่ำผู้หนึ่งเท่านั้น!
กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกจากฝัก มู่เฉียนซีตะโกนขึ้น “เหยียนหลงพิฆาต!”
— ตูม! —
มู่เฉียนซีมียาพิษอยู่ในมือ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้นาง ทว่าพวกมันกลับโดนมู่เฉียนซีใช้ยาพิษโจมตีไม่ยั้ง
สีหน้าของบุรุษชุดดำเป่าขลุ่ยเคร่งขรึมลง ครานี้เขาได้เจอกับคู่ต่อสู้เสียแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “เจ้าเป็นปรมาจารย์ด้านยาพิษ เหตุใดถึงต้องมายุ่งเรื่องคนอื่นเช่นนี้”
มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “ในเมื่อข้าเป็นปรมาจารย์ด้านยาพิษ เช่นนั้นข้าก็ทำเรื่องเลวร้ายได้ใช่หรือไม่ ? เจ้ากำลังก่อเรื่องให้ชาวบ้านเดือดร้อนอยู่งั้นรึ ?”
“ฮี่ ๆ ๆ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องลงมือแล้วสิ” หากยังไม่ได้ต้อนรับขับสู้กับคนผู้นี้ มีหวังอู๋ตี้ต้องระเบิดอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นร่างเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ของอู๋ตี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นร่างขนาดใหญ่มหึมา มันคำรามด้วยเสียงอันดัง “ไปตายซะ!”
เสี่ยวหงส่ายหน้าพลางกล่าวหยอกเย้า “นี่น่ากลัวแล้วรึ ?!”
เมื่อมองไปที่ร่างของแมวที่ใหญ่มหึมาราวกับภูเขาลูกเล็ก ๆ นั้น เถ้าแก่ตกใจจนอ้าปากค้าง “อ๊าก! แมวน้อยตัวนี้แปลงร่างได้ใหญ่ถึงเพียงนี้เลยรึ ?”
— ปัง! —
การโจมตีอย่างรุนแรงนั้นของอู๋ตี้ทำให้บุรุษชุดดำผู้นั้นบาดเจ็บอย่างสาหัส
— แกร๊ก! —
ขลุ่ยหยกในมือเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
นักผจญภัยของเมืองฉู่ เดิมทีที่ตั้งใจต่อสู้กับสัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างสุดพลังกำลังกายต้องตกใจ จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรในเมื่อสัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้หยุดการโจมตีไปอย่างกะทันหัน ทั้งยังรีบกลับเข้าไปในป่าชีชง
พวกเขาตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น ? จู่ ๆ พวกมันก็หยุดโจมตีไปเสียอย่างนั้น”
“เกิดอาเพศอะไรขึ้นกันแน่ ?”
…
“อั่ก!” บุรุษชุดดำกระอักเลือดคำโตออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างสะใจ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ เช่นนั้นก็บอกความจริงกับข้ามา เหตุใดเจ้าถึงให้สัตว์วิญญาณเหล่านั้นเข้าไปโจมตีเมืองฉู่ ?”
“เจ้าคงจะไม่อยากลิ้มรสยาพิษของข้าหรอกใช่หรือไม่ ?”
ทว่าทันใดนั้น บุรุษชุดดำผู้นี้จากเดิมทีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ระเบิดความแข็งแกร่งออกมาและลงมือโจมตีโต้กลับมู่เฉียนซี
“นายท่าน!”
“เจ้าหนุ่ม!”
อู๋ตี้ เสี่ยวหง และเถ้าแก่รีบเข้าไปสกัดกั้นการโจมตีนั้น
เสี่ยวหงกล่าวด้วยความโกรธ “เจ้าแมวบ้า พลังครั้งนี้ของเจ้าไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ ศัตรูแว้งกัดนายท่านแล้ว!”
— ฟั่บ! —
บุรุษชุดดำผู้นั้นหลังจากโจมตีแล้ว เขาฉวยโอกาสชุลมุนนี้หลบหนีไป เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวทิ้งท้าย “ฮ่า ๆ ๆ เจ้าเด็กน้อย เจ้าก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เจ้าไม่อาจหยุดยั้งข้าได้ ไม่มีทางเด็ดขาด!”
“ตามไป!”
มู่เฉียนซีพยายามจะตามบุรุษชุดดำผู้นั้นไป ทว่าเทือกเขาชีชงกว้างใหญ่มากนัก คิดจะหาคนผู้หนึ่งในเทือกเขาแห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
สุดท้ายมู่เฉียนซีคิดจะยอมแพ้
เถ้าแก่กล่าวขึ้นว่า “เจ้าหนุ่ม เรารีบกลับไปกันก่อนเถอะ ไม่รู้ว่าสถานการณ์เมืองฉู่เวลานี้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ทันใดนั้นร่างที่แผ่กลิ่นอายเย็นชาก็เดินมา “สัตว์วิญญาณทุกตัวถอยกลับไปหมดแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เถ้าแก่ร่างสั่นเทาทันที เขาหันศีรษะมามองก็เห็นร่างของบุรุษผู้ที่งดงามอย่างไร้ที่ติทว่ากลับดูเย็นชาราวกับไม่ใช่มนุษย์
.