แต่เขาไหนเลยจะขัดขืนได้ พลันจมลงในน้ำชั่วพริบตา เช่นเดียวกับเหล่าเจอกู!
‘หยวนเจ๋อ’ ลงมือเช่นนี้ย่อมหลีกเลี่ยงการสังเกตของคนรอบข้างมิได้ ทุกคนพากันจับจ้องด้านนี้ และแล้วก็เห็นคนงามหยดย้อยคนหนึ่งมีสีหน้าจนใจกำลังพึมพำกับตัวเอง
“เฮ้อ จริงๆ นะ ถ้ามิใช่เสี่ยวไป๋ผยองเกินไป ข้าคงไม่ให้เจ้าที่ทั้งสกปรกทั้งโง่งมทั้งดักดานอยู่ข้างตัวเสี่ยวไป๋ นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวไป๋กลับชอบลูกเล่นของเจ้า แต่เจ้ามันโง่เกินไป ถ้าข้าไม่มีธุระมีหรือจะปรากฏตัวในเวลานี้”
‘หยวนเจ๋อ’ ถอนใจคราหนึ่ง กวาดตามองดูพวกทหารที่ยืนเซ่อรอบกายแล้วพึมพำถากถางต่อ “แม้ข้าหลับอยู่ยังรู้เลยว่าไอ้คนแซ่เหมยมิใช่คนดีอะไร คงคิดเหมือนกับข้า เจ้างั่งนี่ก็เอาแต่กิน ก็ไม่เห็นกินอะไรที่ควรกินจริงๆ วันๆ มีแต่เรื่องเหลวไหล เมื่อครู่แบกข้าไว้ เจ้าไม่รังเกียจว่าแตะต้องสัตว์พวกนั้นสกปรกแค่ไหนหรือ แถมยังทำเอาสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ด้วย!”
เหล่าทหารกับรองพ่อบ้านเห็น ‘หยวนเจ๋อ’ เอาแต่พึมพำมิรู้ว่าพูดอะไร ท่าทางบ่นกระปอดกระแปด แต่พวกเขาก็ดูออกถึงสีหน้าดูแคลนของ ‘หยวนเจ๋อ’ …นั่นมิใช่แค่ความดูแคลนที่ปรากฏเฉพาะสีหน้า แต่เป็นความดูแคลนที่เห็นพวกเขาเหมือนอากาศ จึงยิ่งมีโทสะ
“นี่ เจ้า…!” นายทัพข้างตัวรองพ่อบ้านถลึงตาใส่ ‘หยวนเจ๋อ’ ดูท่าจะสั่งลูกน้องเข้าไปจับแล้ว
รองพ่อบ้านห้ามไว้ มองดู ‘หยวนเจ๋อ’ กล่าวว่า “เจ้าไม่เห็นเมื่อครู่เขาเตะพวกนั้นลงน้ำหรือ ลงมือกระทั่งคนของตัวเอง น่าจะกลัวจนบ้าไปแล้ว หลวงจีนโง่งมคนหนึ่ง ช่างหัวมัน รีบช่วยเจ้านายก่อน!”
คนที่เมื่อครู่เข้าใกล้ริมน้ำ รวมทั้งคนที่ถูกหลวงจีนโยนลงน้ำล้วนไม่โผล่ขึ้นมา เขาไม่สบายใจ ส่วนทางด้านนี้ทหารที่ลงน้ำไปงมหาคนก็รู้สึกว่าผิดปกติ จึงไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่รีรออยู่ห่างๆ
นายทัพผู้นั้นแม้จะอยากร่ำรวยและเลื่อนขั้น แต่บัดนี้แม่ทัพจรยุทธ์แห่งกองหู่เวยเจ้านายของตนก็ตายไปแล้ว เขาไม่กล้าบัญชาการ ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อครู่มีลูกน้องมารายงานแล้วว่าทางด้านนั้นมีกระแสใต้น้ำ
เกรงว่าทั้งเจ้านายและคนพวกนั้นคงถูกดูดไปหมดแล้ว กระแสใต้น้ำน่ากลัวมาก ถ้าถูกดูดไปส่วนมากจะหาซากไม่พบ เขาไม่อยากร่ำรวยแต่หมดโอกาสใช้เงิน จึงอึกอักและบ่ายเบี่ยง
รองพ่อบ้านโกรธจัด ขณะกำลังจะพูดอะไร ก็ได้ยิน ‘หลวงจีน’ ที่อยู่ไม่ไกลนักถอนใจคราหนึ่ง “แต่ละคนช่างไม่รู้ใจกันบ้างเลย หลับไปแล้วแท้ๆ ยังต้องลุกขึ้นมาจัดการกับพวกงี่เง่า วันหลังถ้าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะต้องเรียกร้องอะไรดีๆ เป็นการตอบแทนบ้าง”
นายทัพโกรธจัด “ไอ้บ้า เจ้าว่าใครงี่เง่า!”
โดนคุณชายเหมยด่ายังพอทำเนา เพราะเขาเป็นนายทุนรายใหญ่ เป็นเจ้านาย!
แต่ไอ้หลวงจีนเหม็นหึ่งนี่เป็นใคร!
พูดจบ เขาก็โบกมือนำพวกโถมเข้าจับ ‘หลวงจีน’
เขาคิดอยู่ว่าเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ต้องจับใครไว้บ้างจะได้แก้ตัวกับเบื้องบนได้ และหลวงจีนคนนี้เหมาะที่สุด!
‘หยวนเจ๋อ’ เวลานี้ดวงตามีแต่สีดำสนิทไร้แววสีเงินแม้แต่น้อย เขามองดูพวกคนที่ถือดาบเดินมาหาตน บางคนดวงตายังฉายแวว ‘ชั่วร้าย’ ด้วย
พวกเขายังจำได้ว่าหยวนเจ๋อเป็นคนที่ใครๆ ก็ย่ำยีได้ และไม่เคยขัดขืนแม้แต่น้อย จึงย่อมไม่กลัวเขาเป็นธรรมดา
แต่ยามนี้หยวนเจ๋อเพียงยกมือเบาๆ กลางฝ่ามือก็เกิดของสิ่งหนึ่งเหมือนกลุ่มหมอกสีแดงในพริบตา จากนั้นก็สะบัดอย่างงดงาม พริบตานั้นของสิ่งนั้นก็กระจายตัวราวกับเกสรดอกหลิวคลุมใส่พวกทหาร
พรึบ! เสียงดังขึ้นเล็กน้อย บรรดาทหารที่ล้อมหยวนเจ๋อชะงักเท้าแข็งอยู่ตรงนั้น
นี่เป็นก้าวสุดท้ายในชีวิตของพวกเขา
รองพ่อบ้านอยู่ใกล้หน่อยรู้สึกประหลาดใจ จึงอดมิได้ก้าวไปอีกก้าวพริบตานั้นก็เบิกตากว้างอย่างพรั่นพรึง
นั่นมิใช่กลุ่มหมอกแต่อย่างใด หากเป็นใยแมงมุมเล็กละเอียดสีแดง เส้นใยนุ่มนิ่มทะลุผ่านร่างของทหารที่ล้อม ‘หยวนเจ๋อ’ อย่างไร้สุ้มเสียง ‘ถักทอ’ พวกเขาจนกลายเป็นกำแพงมนุษย์
ไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียว ตายแต่ไม่ล้ม
รองพ่อบ้านสยิวกายอย่างหนาวเหน็บ เหงื่อออกเต็มฝ่ามือ การฆ่าคนวิธีนี้ช่าง…ช่างน่ากลัวจนสุดคาดคิด มิใช่ฝีมือมนุษย์จะทำได้ หรือว่าเป็นภูตผี
แต่ในนาทีถัดมา เขาพลันสัมผัสได้ถึงแววตาเย็นเยียบ คิดไม่ถึงว่า ‘หยวนเจ๋อ’ ไม่รู้เดินมาถึงข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อไร กลิ่นอายหนาวเหน็บน่าสยดหยองที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างนั่นทำให้เขาตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปสามก้าวในพริบตา
แต่ ‘หยวนเจ๋อ’ กลับเดินเลยผ่านร่างเขาไปทางด้านหน้า คล้ายกับมองไม่เห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น หรืออาจจะบอกว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแต่อย่างใด
เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังแม้ไม่รู้ว่าเหตุใดนายทัพและเหล่าพี่น้องของตนจู่ๆ ก็ไม่ขยับ แต่ก็ยังสัมผัสถึงอันตรายได้โดยสัญชาตญาณ พลันถือศาสตราวุธของตนเองแล้วก้าวถอยหลังไม่หยุดตามจิตใต้สำนึก
ไม่รู้เพราะเหตุใด คนงามชวนลุ่มหลงด้านหน้า เพียงได้เห็นกลับทำให้ผู้คนประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าเหมยซูหรือชิวเยี่ยไป๋เสียอีก
‘หยวนเจ๋อ’ เดินมาถึงด้านหลังรองพ่อบ้าน ก้มมองเข่งที่อยู่บนพื้น พลันหัวร่อ “ที่แท้เป็นของสิ่งนี้ นี่ก็ดี ประหยัดแรงข้าไปได้เยอะทีเดียวเชียว จะได้ไปหาตัวโง่งมที่ตกน้ำไปผู้นั้นเร็วขึ้นอีกหน่อย”
พูดจบ เขาพลันหันศีรษะไปถามรองพ่อบ้าน “มีตะบันไฟหรือไม่”
รองพ่อบ้านเห็น ‘หยวนเจ๋อ’ ก้มลงถามเขาก็ตะลึง เขามิใช่คนโง่จึงตอบทันทีว่า “ไม่มี!”
แต่คนเรายิ่งใส่ใจอะไรร่างกายก็จะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งนั้น ดังนั้นเขาจึงกุมกระเป๋าของตนตามสัญชาตญาณ
‘หยวนเจ๋อ’ มองอากัปกริยาของเขา ใบหน้าส่อแววเหยียดหยาม “เอามา”
เดิมทีรองพ่อบ้านจะปฏิเสธ แต่พลันสบตากับ ‘หยวนเจ๋อ’ ม่านตาลึกล้ำที่โตกว่าคนปกติไม่น้อย มืดมิดดำสนิท ไร้ประกายแม้แต่น้อยนิด
รองพ่อบ้านพลันรู้สึกเหมือนวิญญาณล่องลอย ลอยไปสู่ความมืดมนที่ไร้ขอบเขต
บรรดาทหารที่ยืนห่างจากรองพ่อบ้านไม่มากจ้องมองอย่างระแวดระวัง เห็นรองพ่อบ้านจู่ๆ ก็ล้วงชุดไฟที่ห่อกระดาษน้ำมันออกจากกระเป๋าแล้วคลี่ออกแต่โดยดี
‘หยวนเจ๋อ’ มิได้รับของสิ่งนั้น แต่ก้มลงดูพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าจุดของสิ่งนี้แล้วส่งออกไป จัดการพวกงี่เง่าพวกนี้ให้เรียบร้อย หืม”
รองพ่อบ้านผงกศีรษะ สีหน้าเคร่งเครียด “ขอรับ!”
บรรดาทหารทางการยิ่งงงงัน แต่เห็น ‘หยวนเจ๋อ’ หันกายเดินไปทางส่วนลึกของถ้ำ และบริเวณนั้นคือที่ที่ชิวเยี่ยไป๋กับเหมยซูตกน้ำเมื่อครู่
พวกเขาไหนเลยจะกล้าขวางทาง ‘หยวนเจ๋อ’ เมื่อครู่นายทัพนำพวกหมายจะเข้าไปจับหลวงจีน สุดท้ายทุกคนตัวแข็งทื่อยืนหันหลังให้ทุกคนด้วยท่าทางประหลาด ก็มิรู้เพราะอะไรแต่เห็นแววตาพรั่นพรึงของรองพ่อบ้าน ก็รู้ว่าน่าจะเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้นแล้ว