ตอนที่ 194 เปิดเผย (2)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

บัดนี้รองพ่อบ้านก็เปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างสุดจะคาดคิด ยิ่งทำให้พวกเขาไม่กล้าตอแย

 

 

และหลัง ‘หยวนเจ๋อ’ ผ่านไปแล้ว พวกเขาพลันมีคนพบว่าบรรดาพวกที่ยืนตัวแข็งทื่อหันหลังให้พวกเขาดูเหมือนจะขยับตัว

 

 

จึงมีบางคนที่ใจกล้าหน่อย แอบเข้าไปใกล้พรรคพวกที่ ‘ยืนตัวแข็ง’ อยู่ พอเห็นเข้าก็ตกใจสุดขีด กลัวจนตัวสั่นถอยหลังหลายก้าว

 

 

แต่ที่เห็นในเวลานี้ต่างจากที่รองพ่อบ้านเห็น สภาพที่เขาเห็นกลับเป็นคนเหล่านั้นหรือจะเรียกว่า ‘ซาก’ ก็ได้ ตามหว่างคิ้วใบหน้าลำคอ ข้อมือล้วนมีเส้นใยเล็กๆ เหมือนใยแมงมุมติดอยู่และดูเหมือนมันจะมีชีวิตกำลังกระดุกกระดิกเข้าไปในแผลเล็กละเอียดของซากพวกนั้น

 

 

พอเจ้าสิ่งนั้นมุดเข้าไปในซาก กล้ามเนื้อของซากศพก็กระเทือนจนร่างกายบิดเบี้ยว ดูแล้วเหมือนคนกำลังเคลื่อนไหว

 

 

ร่างกายบิดเบี้ยวเป็นท่วงท่าสุดประหลาด ราวกับกลุ่มซากศพกำลังเต้นระบำ ทั้งน่ากลัวและสะท้านขวัญ

 

 

ทุกคนจึงพากันละเลยต่อรองพ่อบ้านที่กำลังง่วนอยู่กับเข่งระเบิดอสุนีบาตที่อยู่ด้านข้างท่าทางประหลาดแต่สีหน้าตื่นเต้น

 

 

ทันใดนั้น เสียงสวบสาบๆ เบาๆ ก็ดังขึ้น เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะหนีไป พริบตาเดียวศพทุกร่างก็ล้มลงพร้อมกันจนฝุ่นตลบ

 

 

จากนั้นบรรดาซากศพก็มีหมอกแดงประหลาดคลุมไว้บางๆ ถ้าเป็นคนละเอียดลออก็จะพบว่าหมอกแดงเหล่านั้นเหมือนเกสรดอกหลิวที่เล็กละเอียดและมีขนชั้นหนึ่ง จากนั้นก็ลอยไปสู่ส่วนลึกของถ้ำราวกับมีชีวิต

 

 

หมอกแดงลอยผ่าน บรรดาทหารพากันหลบตามสัญชาตญาณ

 

 

สุดท้ายหมอกแดงที่เหมือนขนชั้นหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวก็ลอยไปหา ‘หยวนเจ๋อ’ ที่มิรู้ว่าเข้าไปอยู่ริมน้ำตั้งแต่เมื่อใด ราวกับเขามีตาอยู่หลังศีรษะ เพียงยกมือจีบนิ้ว จากนั้น…หมอกแดงประหลาดกลุ่มนั้นก็สลายไปอย่างไร้สุ้มเสียงและร่องรอย

 

 

จากนั้น…

 

 

เขาหันมาแลดูรองพ่อบ้านที่อยู่ห่างออกไป กล่าวอย่างรำคาญว่า “ยังรออะไรอีกเล่า”

 

 

สายตาของบรรดาทหารจึงรวมมองมาที่ร่างของรองพ่อบ้าน เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว

 

 

มิรู้ว่ารองพ่อบ้านถือโอกาสที่ทุกคนไม่ทันสังเกต ถ่อเรือลำน้อยเคลื่อนไปจนถึงปากถ้ำตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าเกรี้ยวกราดแต่เหม่อลอย ในมือประคองระเบิดอสุนีบาตที่จุดชนวนติดแล้ว ที่แทบเท้าของเขาเป็นเข่งบรรจุระเบิดอสุนีบาตที่ติดชนวนไว้ทั้งหมด

 

 

“เจ้าจะทำอะไร!”

 

 

“เร็ว จับมันไว้เร็ว!”

 

 

ทหารทุกคนรู้สึกถึงลางอัปมงคล มีคนร้องลั่นทันที หลายคนวิ่งหนีทั้งสี่ทิศ ปราศจากวี่แววของความขึงขังที่จะล้อมชิวเยี่ยไป๋เด็ดหัวให้ได้จะได้ร่ำรวยเลื่อนตำแหน่งเหมือนเมื่อครู่เลย

 

 

ในถ้ำชุลมุนเอ็ดตะโรไปหมด แต่รองพ่อบ้านกลับรอฟังแต่คำสั่งของ ‘หยวนเจ๋อ’ เขาพลันแสยะยิ้ม แล้วขว้างระเบิดอสุนีบาตในมือไปบนฝั่ง

 

 

ตูม! เสียงดังสนั่น ทหารหลายคนที่หลบไม่ทันถูกระเบิดเข้าอย่างจัง เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังระงมทั่วถ้ำ

 

 

ดูเหมือนเสียงเหล่านี้จะกระตุ้นต่อจิตประสาทของรองพ่อบ้าน เขาหยิบลูกระเบิดขึ้นอีกหลายลูกอย่างตื่นเต้น แล้วขว้างเข้าใส่บรรดาทหารที่มัวแต่วิ่งหนีอีกรอบ

 

 

ตูม ตูม! เสียงระเบิดดังติดต่อกัน พริบตาเดียวถ้ำใหญ่ก็กลายเป็นทะเลเพลิง

 

 

รองพ่อบ้านหัวร่อบ้าคลั่ง “ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ ดี ดี!”

 

 

ทหารที่เฝ้าอยู่นอกถ้ำก็รู้แล้วว่าข้างในเกิดเรื่อง ภายใต้การนำของนายทัพคนหนึ่งจึงถ่อเรือเข้าสู่ถ้ำทันที อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

นายทัพพอเห็นสภาพในถ้ำก็หน้าถอดสีในพริบตา “รองพ่อบ้าน…นี่มัน!”

 

 

รองพ่อบ้านได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลังก็หันไป ยิ้มแสยะเกลื่อนหน้าขว้างลูกระเบิดใส่นายทัพทันที ราวกับไม่สนใจว่าตนเองจะโดนระเบิดตายไปด้วยหรือไม่

 

 

ตูม ตูม ตูม…

 

 

ตูม…ตูม

 

 

เสียงดังสนั่น ในถ้ำนอกถ้ำ ทั้งน้ำทั้งไฟ กลายเป็นอเวจีในแดนมนุษย์

 

 

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไม่หยุดหย่อน

 

 

เดิมทีถ้ำหินนี้เกิดจากแรงงานมนุษย์ เป็นดั่งที่โจวอวี่ประเมินไว้ ถ้าเกิดการเคลื่อนไหวอะไรแรงหน่อยก็จะมีหินร่วงใส่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าเวลานี้

 

 

ครู่หนึ่งตัวถ้ำก็ไหวตัวอย่างแรง ก้อนหินน้อยใหญ่ร่วงพรู และหล่นใส่พวกทหารที่มัวแต่วิ่งหนีไปมาเหมือนแมลงวันไร้หัว

 

 

ไม่จำเป็นต้องขว้างระเบิดอสุนีบาตอีก ถ้ำดำทะมึนก็พร้อมที่จะกลืนกินทุกชีวิตที่ไปรบกวนการหลับใหลของมัน

 

 

ท่ามกลางความสับสนอลหม่านและความหวาดกลัว หนึ่งเดียวที่ดูเหมือนไร้กังวลใดๆ คือคนที่ยืนอยู่ริมน้ำ

 

 

ก้อนหินที่ร่วงหล่นลงมากระแทกคบเพลิงดับไปนานแล้ว บัดนี้ในถ้ำจึงมีเพียงแสงสลัว แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อสายตา ‘หยวนเจ๋อ’ เขายกมือปัดเศษหินที่ร่วงพรู พลางเฝ้าสังเกตผิวน้ำที่มืดสนิท ราวกับสามารถมองเห็นน้ำวนขนาดใหญ่ที่กลืนชิวเยี่ยไป๋ไป

 

 

ดูเหมือนหลังแน่ใจตำแหน่งของน้ำวนแล้ว เขาฟังเสียงภูเขาที่เริ่มบิดตัวอย่างน่ากลัวพลางเอียงหน้าแลดูสภาพภายในถ้ำ มุมปากงดงามเผยรอยยิ้มบางๆ “เหอะ หยวนเจ๋อ ดูท่าข้ากับเจ้าเห็นต่างกันตลอดกาล เจ้าไม่ชอบผู้คน กลับไม่ทำร้ายคนที่มิได้แตะต้องอาหารของเจ้า ส่วนข้าชอบผู้คน ชอบดูพวกมันวิ่งหนีร่ำไห้ แก่งแย่งกันไปมาอย่างอัปลักษณ์ ช่างเหมือนบทละครเวทีเสียจริง ถ้าไม่มีความอัปลักษณ์ของคนและต่างก็โง่งมเหมือนเจ้า แล้วข้าจะผ่านวันเวลาที่ยาวนานได้อย่างไร”

 

 

พูดจบ ก็แลดูอเวจีในแดนมนุษย์อย่างเสียดาย ถอนใจเบาๆ “แล้วกันไปเถิด ยังคงไปจับเสี่ยวไป๋ก่อนดีกว่า ถ้าเขาโชคดียังไม่ตายแต่กลับถูกไอ้ตัวน่าชังที่ไร้นัยน์ตาจับได้ก่อนจะย่ำแย่”

 

 

พูดขาดคำก็เขาก็หันกายนอนลงในน้ำอย่างงามสง่า

 

 

นาทีที่เสียงน้ำดังขึ้น เสียง แกรกกราก ที่น่ากลัวก็ดังจากในถ้ำ พริบตาเดียวก็…พังทลายหมดสิ้น ฝังเสียงแผดร้องที่สิ้นหวังและความละโมบทั้งปวงไว้

 

 

เปลวเพลิงและคาวเลือดจากการสังหารหมู่บนฝั่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกใต้น้ำที่ดำทะมึนแม้แต่น้อย

 

 

ขณะที่เพลิงยังไม่ฮือโหม การต่อสู้ใต้น้ำก็เป็นไปอย่างดุเดือดแล้ว

 

 

ในที่สุดชิวเยี่ยไป๋ก็ควบคุมเหมยซูไว้ได้ มือหนึ่งหักแขนของเขาดัดไว้ข้างหลัง อีกมือบีบคอเขาไว้ด้วยท่วงท่าที่สุดพิสดาร

 

 

ในความมืด เหมยซูมองไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่ยังคงนึกออกว่าใบหน้าเย็นชาของนางย่อมมีท่าทีได้ใจแน่