‘เขาน่าจะไม่เป็นไรใช่ไหม? นี่เป็นเพียงปฏิกิริยาของเขาในฐานะ NPC ใช่รึเปล่า? แขนของเขาจะงอกใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมนะ?’
หยวนพยายามคิดในทางที่ดีเพื่อให้เขารู้สึกผิดน้อยลงที่ตัดแขนของศิษย์คนนั้นไป
“ไอ้สารเลว! ฉันจะฆ่าแก!!!”
เหรินฟู่เฉินคำรามด้วยความโกรธ แม้ตอนนี้เขาจะสั่นจากการโจมตีของหยวนและกลัวความแข็งแกร่งของหยวนไปด้วยก็ตาม
“มันไม่ใช่ความผิดของฉันนี่ ก็เขากระโดดเข้ามาระหว่างการต่อสู้ของฉันกับนายเอง”
หยวนโยนความผิดไปยังศิษย์คนนั้น นั่นทำให้เขากระอักเลือดทันทีเมื่อได้ยินหยวนพูดแบบนั้นออกมา
“ช่วยด้วย! ฉะ…ฉันจะตายแล้ว!”
ศิษย์คนนั้นยังคงตะโกนอย่างสุดเสียง แต่ศิษย์คนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือเขา เพราะพวกเขาไม่ต้องการเข้ามายุ่งกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
ในที่สุดเสียงของศิษย์ก็ดังไปถึงหูของผู้อาวุโสเจียง ซึ่งกำลังจิบชาอยู่ไม่ไกลจากสถานที่นั้น
ผู้อาวุโสเจียงโยนชาของเขาขึ้นไปบนอากาศ และพุ่งเข้าไปใกล้เสียงที่ตะโกนออกมา โดยที่เขากระโดดออกมาจากหลังคาทำให้ดูเหมือนว่าเขาสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงรอบตัวของเขาได้ นั่นทำให้ดูเหมือนว่าตัวเขาไร้น้ำหนัก
เมื่อผู้อาวุโสเจียงมาถึงที่เกิดเหตุ เขาก็ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า จากนั้นเขาก็รีบหยุดเลือดไม่ให้พุ่งออกจากแขนของศิษย์คนนั้น
เมื่อเขาวาดผนึกบางอย่างไว้รอบแขนของศิษย์ ผู้อาวุโสเจียงก็ปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา และหันไปมองหน้าของโม่โจวทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น โม่โจว?!”
เขาแสดงความโกรธไปยังโม่โจวที่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ฉี่รดกางเกงของเขา จากการฟังเสียงร้องอันเจ็บปวดของศิษย์คนนั้น
“อะ..อะ..เอ่อ พวกเขาต่อสู้กัน และเพื่อที่จะปกป้องฉัน หยวนก็เลยทะเลาะกับศิษย์พี่เหริน เมื่อศิษย์พี่เหรินเกือบจะพลาดท่าให้กับหยวน ศิษย์พี่เจิ้นเห็นแบบนั้นก็เลยพยายามจะเข้าไปช่วย เลยทำให้ศิษย์พี่เจิ้นเป็นแบบนี้…”
“หยวน เด็กนั้นนะหรอ?!”
ผู้อาวุโสเจียงหันไปมองหยวนที่พยายามซ่อนดาบที่เปื้อนเลือดในมือของเขาไว้ด้านหลัง ขณะที่ค่อยๆยิ้มอย่างช้าๆ
“เด็กคนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกวิญญาณระดับเก้า ไม่เพียงแต่เอาชนะเจิ้นหวังดิงแต่ยังรวมถึงเหรินฟู่เฉิน ซึ่งเป็นถึงศิษย์ชั้นยอดของนิกายชั้นในอีกด้วย?”
ผู้อาวุโสเจียงไม่อยากจะเชื่อ แม้ผู้ที่มีฐานการฝึกพลังที่อ่อนกว่าจะได้รับชัยชนะต่อผู้ที่มีฐานการฝึกพลังที่สูงกว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การข้ามระดับเช่นนี้ เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน!
“ตอนนี้ไม่สำคัญว่าใครถูกหรือผิด แต่ที่นี่ตอนนี้ นี่คือวิธีที่แกตอบแทนการที่ฉันปล่อยให้แกเข้ามาในฐานะแขกงั้นหรอ ฉันไม่สนใจว่าแกจะมีภูมิหลังเป็นอย่างไร แต่เตรียมรับมือกับผลที่ตามมาของการโจมตี ศิษย์ของนิกายดาบบินได้เลย!”
ผู้อาวุโสเจียงเริ่มเข้าหาหยวน
‘เห็นได้ชัดว่าลูกศิษย์ของเขาเป็นฝ่ายผิด แต่เขาก็ยังคงที่จะปกป้องศิษย์ของเขา นี่ฉันต้องถูกลงโทษงั้นหรอเนี่ย’
หยวนคิดและเขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะต้องถูกลงโทษแบบนี้เลย
แน่นอนว่าเขาตัดแขนของศิษย์คนนั้น แต่นั้นเป็นอุบัติเหตุ หากเขาไม่กระโดดเข้ามากลางการต่อสู้ ก็คงไม่เป็นเช่นนั้น
“ไม่สำคัญว่าใครจะถูกหรือผิด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้อยู่ที่นิกายนี้ แต่ฉันก็ควรได้รับความปลอดภัยในฐานะแขกของท่านไม่ใช่หรอ? ศิษย์คนหนึ่งของท่านยั่วยุให้ฉันต่อสู้กับเขา แต่ท่านก็ไม่สนใจเรื่องนั้น ศิษย์ของท่านอีกคนกำลังถูกรังแกอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจที่จะปกป้อง หากนี่คือวิธีที่ท่านทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่นี่ ฉันคิดว่าท่านก็ไม่ควรที่จะเป็นอาจารย์!”
หยวนพูดในสิ่งที่อยู่ในใจของเขา โดยไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสเจียงเลย
“เจ้ากล้าดียังไง! เป็นใครถึงมาตัดสินข้า!”
ดวงตาของผู้อาวุโสเจียงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจากความโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ฟังสิ่งที่หยวนพูด
เมื่อผู้อาวุโสเจียงเปล่งจิตสังหารออกมา เสี่ยวฮัวก็เตรียมตัวอย่างเงียบๆ หากผู้อาวุโสเจียงเริ่มทำร้ายหยวนเมื่อไหร่ เธอก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าเขาในทันที
ในขณะที่ผู้อาวุโสเจียงเตรียมที่จะลงโทษหยวนที่พูดจาไม่ไว้หน้า ก็มีเสียงดังก้องขึ้นมาในหูของเขา
“หยุด..”
ผู้อาวุโสเจียงหยุดการเคลื่อนไหวของเขาทันที และมองไปข้างหลังของเขา
เมื่อเห็นว่าเป็นชายวัยกลางคนที่มีท่าทีเฉียบแหลม และมีอำนาจเหนือกว่าเขายืนอยู่ เขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ท่านผู้นำนิกาย!”
ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสเจียงเท่านั้น แต่ทุกคนต่างก็อุทานออกมาเสียงดัง
“ถอยออกไปผู้อาวุโสเจียง ฉันจะดูแลเรื่องนี้เอง”
“อะไรนะ?!”
ผู้อาวุโสเจียงตกใจจนพูดไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่พยักหน้ายอมรับเงียบๆ
เมื่อผู้อาวุโสเจียงก้าวถอยหลังผู้นำนิกายก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
จากนั้นผู้นำนิกายก็มองไปที่เหรินฟู่เฉิน และ หวังดิงแล้วพูดว่า
“ฉันเฝ้าดูมาตั้งแต่แรกแล้ว”
คำพูดของผู้นำนิกายทำให้ทั้งสองคนตกตะลึง และสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
“ช่างน่าสมเพช ไม่เพียงแต่พวกแกจะแพ้ในการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่ง แต่พวกแกยังกล้าที่จะลอบโจมตีอีก พวกแกไปเรียนรู้การต่อสู้แบบคนขี้ขลาดนี้มาจากไหนกัน ฉันจำไม่เคยได้ว่าฉันไปสอนวิชาดาบประเภทนี้ในนิกายของฉันเมื่อไหร่ หลังจากนี้ฉันจะลงโทษทางวินัยกับพวกแกทั้งคู่”
เหรินฟู่เฉินมีสีหน้าซีดเซียวเมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำนิกาย หลังจากนี้เขาจะต้องพบเจอกับนรกอย่างแน่นอน สำหรับหวังดิงนั้นเขาหมดสติไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของผู้นำนิกาย
“เข้าใจหรือไม่?!”
ผู้นำนิกายคำรามใส่เหรินฟู่เฉินทันที
“เข้าใจแล้วครับท่านผู้นำนิกาย!”
เหรินฟู่เฉินรีบตอบด้วยเสียงที่สั่นกลัว
“ฮึ่ม”
ผู้นำนิกายตะโกนอย่างเย็นชา
จากนั้นผู้นำนิกายก็หันไปมองหยวน
“เทคนิคที่นายใช้เมื่อกี้ นายมาจากนิกายโลหิตใช่ไหม?”
‘นิกายโลหิต?! สถานที่ที่ชั่วร้ายนั่นหรอ?! ’
ผู้อาวุโสเจียงเจ็บแค้นอยู่ในใจ
เขาไม่คิดว่าคนที่ดูไร้เดียงสาอย่างหยวนจะอยู่ในสถานที่ที่เลวทรามแบบนั้น! ถ้ารู้เขาจะไม่ให้เข้ามาในนิกายนี้เด็ดขาด!
“ฉันไม่ต้องการให้นายหรือนิกายของนายมีปัญหา ดังนั้นให้พวกเราจัดการกับปัญหานี้ด้วยตัวเอง ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของพวกเราเอง ดังนั้นนายไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร”
“…”
ทุกคนที่นั่นพูดไม่ออก มองดูผู้นำนิกายที่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อคนที่อายุน้อยกว่า มีไม่กี่คนที่เคยได้ยินเรื่องนิกายโลหิต ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงงงงวยกันอยู่
“เอ่อ…”
หยวนก็พูดไม่ออกเช่นกัน เขาไม่ได้คาดหวังว่าสถานการณ์จะพลิกผันเป็นแบบนี้