**ข่าวสารจากผู้แปล ขออนุญาติเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวของตัวละครในแต่ละบริบทนะครับ อย่างถ้าอยู่ในเกมคุยกับคนอื่นจะเปลี่ยนเป็น ข้า เจ้า ท่าน แทนหากอยู่ในโลกปกติและความคิดของตัวพระเอก จะใช้ ฉัน เธอ คุณ แทนเพื่อความสนุกของผู้อ่านทุกท่าน ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ ผมรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยได้อารมณ์เลยอยากใส่เพิ่มอารมณ์ให้มากขึ้นครับ ขอบคุณครับผม**
หลังจากยืนอยู่ที่นั่น และครุ่นคิดอยู่สักครู่ หยวนก็ตัดสินใจว่ามันจะดีสำหรับเขาและโม่โจวมากกว่า หากเขายอมรับว่าเป็นศิษย์จากนิกายโลหิต
“ใช่แล้ว ข้ามาจากนิกายโลหิต”
หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจเป็นอย่างมาก
“และข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำเหมือนกับว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ท่านต้องสัญญากับข้าว่าโม่โจวเพื่อนของข้า จะไม่ถูกศิษย์คนไหนรังแกอีกต่อไป”
“หยวน!”
โม่โจวไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง และเริ่มร้องไห้ ทำไมหยวนถึงทำเพื่อเขาได้ขนาดนี้
“โม่โจวเหรอ?”
ผู้นำนิกายหันไปมองโม่โจวครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“เจ้ามาเป็นศิษย์ของข้า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ใครก็ตามที่กล้ารังเจ้าอีก จะต้องเจอกับข้า!”
“อะไรนะ?!”
เมื่อผู้นำนิกายประกาศ ทุกคนที่นั่นก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ รวมถึงโม่โจวด้วย
“ทำความเคารพอาจารย์คนใหม่ของเจ้าสิ!”
ผู้นำนิกายพูดต่อ
โม่โจวคุกเข่าลงกับพื้นทันที และก้มหัวให้เขาทันที
“ศิษย์คนนี้ ขอฝากตัวด้วยครับอาจารย์”
“ดี! ตั้งแต่วันนี้เจ้าจะได้รับการฝึกฝนจากข้า!”
“รับทราบขอรับ อาจารย์!”
โม่โจวตอบด้วยเสียงกระตือรือร้น
แม้ว่าหยวนจะไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์เช่นนี้ แต่เขาก็พอใจเป็นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนละ”
หยวนกล่าว
ผู้นำนิกายพยักหน้า และมองไปที่โม่โจวอีกครั้ง
“นำแขกของเจ้าไปที่ทางออก!”
“ได้ครับอาจารย์!”
ดังนั้นโม่โจวจึงนำหยวนและเสี่ยวฮัวออกไปจากฝูงชนและไปที่ประตูทางออก
เมื่อหยวนจากไป ผู้อาวุโสเจียงก็พูดขึ้นมาว่า
“ท่านผู้นำนิกาย การทำให้โม่โจวเป็นศิษย์ของท่าน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย….แต่ว่า”
“ฮึ่ม!”
ผู้นำนิกายตะโกนอย่างเย็นชา
“เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าทักษะการใช้ดาบที่เด็กคนนั้นใช้เป็นหนึ่งในทักษะที่ทรงพลังที่สุดของนิกายโลหิต”
“ท่านหมายความว่า…”
“เด็กคนนั้นไม่ใช่แค่ศิษย์จากนิกายโลหิต เมื่อพิจารณาจากความกล้าหาญ และความสามารถของเขาในการต่อสู้แล้ว ข้าไม่แปลกใจเลยถ้าอาจารย์ของเขาจะเป็นประมุขของนิกายโลหิต!”
“ประมุขของนิกายโลหิต!?”
ผู้อาวุโสเจียงตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อของเขา
“และถ้ามีคนอย่างเขาที่เรียกโม่โจวว่าเพื่อน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่นิกายโลหิตจะช่วยพวกเรา หากพวกเราตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นข้าจึงไม่ลังเลเลยที่จะให้โม่โจวเป็นศิษย์ของข้า แม้ทำให้ศิษย์หลายคนไม่พอใจก็ตาม!”
ผู้อาวุโสเจียงมองผู้นำนิกายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
‘ไม่คิดเลยว่าผู้นำนิกายจะคิดไปไกลขนาดนี้ เพียงเพื่อให้นิกายของเราปลอดภัย! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาได้เป็นถึงผู้นำของนิกายนี้!’
“ท่านผู้นำนิกายมีความเฉียบคม และฉลาดเป็นอย่างมาก ข้าขอโทษที่ข้าสงสัยในการตัดสินใจของท่าน ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด”
“ถ้าเจ้าต้องการได้รับการอภัย ก็จัดการส่วนที่เหลือของเหตุการณ์นี้ให้เรียบร้อย!”
ผู้นำนิกายกล่าวก่อนจะเดินจากไป
ข่าวของโม่โจวซึ่งเป็นเพียงศิษย์ชั้นนอก ได้กลายมาเป็นศิษย์ของผู้นำนิกาย ทำให้ศิษย์ทุกคนในนิกายดาบบินตกใจ ด้วยเฉพาะผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุด
“อะไรนะ?! จะมีใครเป็นเหมือนโม่โจวได้อีกกัน ได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ของผู้นำนิกายได้ยังไง ในเมื่อพวกเราพยายามอย่างมากเพื่อจะไปอยู่จุดนั้น?!”
“สวรรค์ไม่ยุติธรรม! โลกนี้ไม่ยุติธรรม!”
ไม่ต้องสงสัยเลย หลายคนเริ่มดูหมิ่นโม่โจว เพราะโชคดี แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อท่านผู้นำนิกายเป็นคนหนุนหลังอยู่ ใครจะกล้าแตะต้องโม่โจวในตอนนี้กัน
ด้านนอกนิกายดาบบิน โม่โจวย่อตัวคุกเข่า และยกมือไหว้หยวนทันที
“เจ้ากำลังทำอะไร?”
หยวนพยายามยกโม่โจวขึ้นจากพื้น
“หยวน! ทุกสิ่งที่เจ้าทำเพื่อข้า ข้าไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้อย่างไร แต่ข้าจะพยายามเต็มที่ในฐานะศิษย์ของท่านผู้นำนิกาย และวันหนึ่งข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน”
หยวนยิ้มและโบกมืออย่างเป็นกันเอง
“ไม่ต้องห่วง เหมือนที่ข้าเคยบอกไปแล้ว ว่าข้าไม่ต้องการอะไรเลย”
“ไม่! ข้าทำแบบนี้เพราะต้องการทำให้เจ้าเช่นกัน!”
เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
หยวนบอกได้เลยว่าโม่โจวจะไม่เปลี่ยนใจไม่ว่าเขาจะพูดอะไรตอนนี้ เขาจึงทำได้แต่ยอมรับมันก็เท่านั้น
“ก็ได้ ทำอย่างที่เจ้าต้องการเถอะ”
“ได้เลย!”
“และขอให้เจ้าโชคดีกับผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าชอบนะ”
“เอ่อ…”
โม่โจวเริ่มหน้าแดงเมื่อหยวนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน ข้าสร้างปัญหาให้เจ้ามากเกินไปแล้ว”
หยวนเริ่มเดินจากไป
“โชคดีนะหยวน!”
โม่โจวโบกมือให้เขาจากหน้าประตูนิกายดาบบิน
ไม่กี่อึดจัดหลังจากที่หยวนออกจากนิกายดาบบิน ข้อความก็ปรากฏขึ้น
หยวนเกือบจะปวดหัวกับจำนวนของการแจ้งเตือนดังกล่าว
“เราจะไปไหนกันต่อดีล่ะ?”
หยวนถามเสี่ยวฮัวขณะที่พวกเขาออกมาจากนิกายดาบบินแล้ว
“อืม…”
เสี่ยวฮัวครุ่นคิดขณะที่ร่างของพวกเขากำลังเดินเข้าไปในป่า