ขณะที่พวกเขาเดินทางไกลออกไปจากนิกายดาบบินเสี่ยวฮัวก็คิดกับตัวเองได้ว่า
‘เพียงไม่กี่วันเท่านั่นที่พี่หยวนเริ่มต้นฝึกพลังและกลายเป็นผู้ฝึกพลัง แต่เขากลับมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับนักรบวิญญานได้แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในผู้ฝึกวิญญานระดับเก้าเท่านั้น การเติบโตแบบนี้เราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย นี่มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก และประสบการณ์ของเขาในการใช้ดาบก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย ราวกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิดาบที่กลับชาติมาเกิดยังไงยังงั้นแหละ’
“ตอนนี้นอกจากการเดินไปรอบๆ เพื่อหาทรัพยากรที่มีค่าและแกนมอนเตอร์แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีก”
“นอกจากนั้นตอนนี้พี่หยวนเป็นผู้ฝึกวิญญานระดับเก้าแล้ว เขาต้องใช้ประสบการณ์และสิ่งต่างๆที่ผ่านมาเพื่อทำให้เขาบรรลุพลังก่อน เขาถึงจะสามารถพัฒนาและกลายเป็นนักรบวิญญานได้”
เสี่ยวฮัวหันไปมองหยวนและพูดกับหยวนว่า
“พี่หยวนพี่ต้องการที่จะทำอะไรต่อไปหรอ ถึงแม้ว่าพี่จะกินแกนมอนเตอร์เพื่อเพิ่มพลังฉีของพี่ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเพิ่มพลังฉีถึงจุดสูงสุดของผู้ฝึกวิญญานแล้ว พี่ก็จะไม่สามารถได้รับฉีมากขึ้นเว้นแต่ว่าพี่จะกลายเป็น นักรบวิญญาน”
“แล้วพี่จะกลายเป็นนักรบวิญญานได้ยังไงละ”
หยวนถามเสี่ยวฮัว
“ในการเลื่อนจากผู้ฝึกวิญญานเป็นนักรบวิญญาน พี่จะต้องไปถึงระดับสูงสุดของผู้ฝึกวิญญานก่อน หลังจากนั้นจะเกิดการบรรลุของพลัง พี่จะต้องเข้าใจ รู้จักถึงพลังฉีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและพลังของตัวเองก่อน พี่ถึงจะกลายเป็นนักรบวิญญานได้ แต่ยังไงก็ตาม การที่พี่จะได้เข้าสู่การบรรลุของพลังได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาและพรสวรรค์ของพี่ด้วย”
“เธอหมายถึงอะไร?”
หยวนถามเสี่ยวฮัวด้วยความสงสัย
“ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการฝึกพลัง แต่ศักยภาพสูงสุดของพวกเขาก็จะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดมาแล้วด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น พี่หยวนอาจจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดของขั้นการฝึกวิญญานได้อย่างง่ายดาย แต่พี่อาจจะไม่ได้รับหรือรู้สึกถึงการบรรลุของพลัง เพื่อเลื่อนไปเป็นนักรบวิญญาน นั่นก็จะทำให้พี่เป็นได้แค่ ผู้ฝึกวิญญาน ตลอดไป”
“แต่ทั้งหมดที่พูดไป ก็ยังมีสมบัติมากมายที่สามารถช่วยทำให้ทะลุขีดจำกัดนั้นขึ้นมาได้ และเขียนชะตากรรมของพวกเขาใหม่ ถึงแม้ว่าของพวกนั้นจะมีค่าและหาได้ยากมากๆก็ตาม”
แม้ว่าเสี่ยวฮัวจะไม่ได้พูดออกไป แต่จริงๆแล้วตัวเสี่ยวฮัวเองก็มีสมบัติเหล่านี้อยู่ไม่กี่ชิ้น ดังนั้นถึงแม้ว่าหยวนจะถูกกำหนดให้อยู่ในฐานของผู้ฝึกวิญญานตลอดไป แต่เธอก็สามารถช่วยให้เขารอดพ้นจากชะตากรรมพวกนี้ได้อยู่ดี
หยวนมองไปที่ค่าพลังฉีของเขาในขณะที่ฟังเสี่ยวฮัวพูดไปด้วย
“ถ้าฉันกินแกนมอนเตอร์เข้าไปเพิ่มอีก 3 แกนมันก็น่าจะมากพอที่จะทำให้ค่าพลังฉีของฉันเพิ่มจนถึงสูงสุด…”
หยวนคิดกับตัวเอง
ทันใดนั้นหลังจากที่หยวนตัดสินใจง่ายๆและตื่นเต้นกับการบรรลุของพลังที่จะมาถึง หยวนก็หยิบแกนของมอนเตอร์ออกมาสามแกนแล้วโยนเข้าปากของเขาทั้งหมดในครั้งเดียว
การแจ้งเตือนหายไปสองสามวินาทีก่อนที่จะกลับมาดังอีกครั้ง
เมื่อหยวนไปถึงระดับนักรบวิญญานแล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานจำนวนมากที่กำลังขยายออกมาอยู่ภายในร่างกายของเขา มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขามีขนาดใหญ่ขึ้น แม้ว่าจริงๆแล้วร่างกายจริงๆของเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตาม
“…”
เสี่ยวฮัวจ้องมองหยวนด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเท่าไข่ไก่สองฟอง ใบหน้าที่น่ารักของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ
“พะ…พี่หยวน…พะ…พี่”
เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งเห็น!
แม้ว่านักรบวิญญานจะไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายในสายตาของเสี่ยวฮัว และเธอก็สามารถมองข้ามมันไปได้ง่ายๆ แต่ที่ทำให้เธอตกใจกลับเป็นสิ่งที่หยวนทำ
หยวนสามารถกลายเป็นนักรบวิญญานได้โดยที่ไม่ต้องผ่านการบรรลุของพลัง! ความสำเร็จแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนแม้แต่ในสวรรค์ชั้นสูงก็ตาม!
“พะ…พี่หยวน…พี่ทำอะไรลงไป?”
เสี่ยวฮัวถามหยวนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“หืมม? พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่ก็แค่กินแกนมอนเตอร์เพื่อเพิ่มพลังฉีของพี่ให้เพียงพอต่อการเลื่อนขั้น หลังจากนั้นไม่นานก่อนที่พี่จะรู้ตัวพี่ก็กลายเป็นนักรบวิญญานไปซะแล้ว”
หยวนตอบเสี่ยวฮัวด้วยเสียงที่ค่อนข้างผิดหวังเพราะเขาไม่ได้สัมผัสกับ ‘การบรรลุของพลัง’ อย่างที่เสี่ยวฮัวบอกเลย
“เหลือเชื่อ…”
เสี่ยวฮัวยังไม่อยากจะเชื่อ หยวนเป็นผู้ฝึกพลังแบบไหนกันนะ? ให้เรียกเขาว่าอัจฉริยะยังคงเป็นคำพูดที่ไม่เพียงพอเมื่อดูสิ่งที่เขาเพิ่งทำสำเร็จ!
ในขณะที่เสี่ยวฮัวกำลังตกตะลึงกับความสำเร็จของเขา หยวนก็มองไปที่ค่าสถานะปัจจุบันของเขาตอนนี้
ชื่อ: หยวน
ระดับ: นักรบวิญญานระดับแรก
มรดก: ไม่มี
สายเลือด: ไม่มี
กายทิพย์: กายกลั่นสวรรค์
ความแข็งแรงทางกายภาพ: 3,734
ความแข็งแกร่งทางจิตใจ: 3,975
พลังวิญญาณ: 4,910
การป้องกันทางกายภาพ: 3,710
การป้องกันทางจิต: 4,821
ค่าพลังฉี : 3,846,000/38,460,000
“38 ล้าน?! ฉันต้องการ 38 ล้านฉี สำหรับการเลื่อนระดับต่อไปยังงั้นหรอ?! นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว!”
หยวนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยหลังจากที่เขาเห็นตัวเลขจำนวนพลังฉีที่เขาต้องใช้ในการเลื่อนระดับถัดไปที่มันยาวเป็นหางว่าว
“งั้นตอนนี้ฉันจะกินแกนมอนเตอร์ที่เหลือเพื่อเพิ่มพลังขึ้นมาอีกมันอาจจะเพียงพอก็ได้”
หยวนหยิบแกนมอนเตอร์ที่เหลือทั้งหมดออกมาและโยนเข้าปากของเขาทันที
ยังไงก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้หยวนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ค่าพลังฉี : 4,500,000 / 38,400,000
“ห๊ะ!! อะไรกันเนี่ย! ทำไมตอนนี้ฉันแทบจะไม่ได้รับพลังฉีจากแกนมอนเตอร์พวกนี้เลย?!”
เสี่ยวฮัวที่ดูหยวนมาตลอดก็พูดขึ้นมาเพื่อตอบคำถามของเขา
“เพราะตอนนี้พี่หยวนเป็นนักรบวิญญานแล้ว แกนมอนเตอร์ตัวอื่นๆที่ไม่ได้มาจากมอนเตอร์ระดับนักรบวิญญานก็จะไม่มีผลกับพี่อีกต่อไป”
“นี่มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!”
“การดำรงอยู่ของพี่หยวนก็ไม่สมเหตุสมผลเหมือนกัน…”
เสี่ยวฮัวถอนหายใจออกมา
หลังจากสงบสติอารมณ์และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหยวนก็ตระหนักได้ว่าระบบดังกล่าวนั้นค่อนข้างมีเหตุผลและความยุติธรรม เพราะมันป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีพลัง มีพลังสูงเกินระดับพื้นที่ และใช้ประโยชน์จากผู้ที่อ่อนแอเพื่อบังคับให้พวกเขาล่ามอนเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าให้กับตัวเอง
“นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะหยุดพักจากการฝึกพลัง เพราะฉันก็เริ่มเบื่อกับการที่จะต้องมาวิ่งไล่ล่ามอนเตอร์พวกนี้แล้ว”
หยวนคิดกับตัวเอง เขาทำการล่ามอนเตอร์อย่างไม่หยุดหย่อนนั่นทำให้เขาเบื่อเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวฮัวเธอช่วยนำทางไปที่เมืองที่ใกล้ที่สุดทีได้ไหม แล้วไปคุยเกี่ยวกับแผนการของพวกเราว่าจะทำยังไงต่อดี หลังจากที่ได้ไปพักสมองที่เมืองบ้าง”
เสี่ยวฮัวพยักหน้าแล้วพูดว่า
“เมืองที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตรึค่ะ”
“10 กิโลเมตรยังงั้นหรอ…วิ่งไปกันเถอะ”
หยวนไม่เคยรู้สึกมีพลังขนาดนี้มาก่อน เขาจึงอยากวิ่งไปที่นั่น
“ได้สิพี่หยวน”
เสี่ยวฮัวตกลงอย่างง่ายดาย
จากนั้นทั้งสองก็เริ่มวิ่งไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด