บทที่ 347 เสิ่นเทียนปะทะผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 347 เสิ่นเทียนปะทะผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต

สิ่งใดคือกายทองเบิกฟ้าสวรรค์ประทาน

นี่คือกายทองสูงสุดที่บันทึกไว้ในคัมภีร์คบเพลิงเบิกฟ้า ใช้หมอกเบิกฟ้าขัดเกลากายและจิต

ฝึกถึงระดับสูงสุด กระทั่งใช้กายเนื้อข้ามผ่านมิติเบิกฟ้าได้ เรียกได้ว่าไม่ดับสูญในหมื่นเคราะห์ภัย มีระดับความแกร่งของกายเนื้อที่ทำให้เซียนแท้จริงยังต้องตื่นตกใจ

แน่นอนว่าระดับความแกร่งกายทองของเสิ่นเทียนตอนนี้ยังห่างไกลจากระดับนั้นอีกมาก

ถึงอย่างไรกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบสวรรค์ประทานที่แท้จริงก็ต้องเริ่มใช้หมอกเบิกฟ้าขัดเกลากายและจิตตั้งแต่รอบแรก ค่อยๆ หล่อหลอมพื้นฐานไปทีละรอบ

แต่เสิ่นเทียนฝึกถึงกายทองแปดรอบแล้วถึงเริ่มหลอมรวมหมอกเบิกฟ้า แม้ระดับความแกร่งกายเนื้อจะเหนือกว่ากายทองเก้ารอบปกติ แต่ก็ยังมีพื้นที่ในการยกระดับที่ค่อนข้างมาก

‘ดูท่าจากนี้ถ้ามีเวลาคงต้องไปเก็บหมอกที่เขตทะเลเบิกฟ้ามาหน่อยแล้ว’

ห้องลับปิดด่านบำเพ็ญสลายเป็นผุยผงไปแล้วในคลื่นพลังอานุภาพตอนเสิ่นเทียนทะลวงพลังเมื่อครู่ เขายืนอยู่ตรงส่วนลึกก้นทะเลสามพันจั้งอย่างโอหัง ใบหน้ามีรอยยิ้มไม่ใส่ใจแต่มั่นใจ

ตอนนี้สำเร็จกายทองเก้ารอบแล้ว ทั้งยังรู้จักการเสริมด้วยพลังแห่งเบิกฟ้าส่วนหนึ่ง ศักยภาพเขาจึงเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

หากจู่โจมอย่างฉับพลันในระยะประชิด ต่อให้เป็นผู้อริยะที่ค่อนข้างอ่อนแอก็อาจจะเสียเปรียบให้กับพลังแห่งเบิกฟ้าได้

ต้องรู้ว่าตอนนี้เสิ่นเทียนเป็นเพียงผู้จริงแท้!

แน่นอนว่าหากผู้อริยะรู้ไพ่ตายทั้งหมด เสิ่นเทียนคงเอาชนะผู้อริยะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเช่นกัน

ถึงอย่างไร ต่อให้เป็นผู้อริยะที่อ่อนแอที่สุดก็ฝ่าเคราะห์สวรรค์ก้าวสู่เขตแดนวิถีเซียนแล้วครึ่งก้าว ศักยภาพย่อมไม่ใช่สิ่งที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จะเทียบได้

ถึงพวกเขาจะจัดการหมอกเบิกฟ้าไม่ได้ แต่ก็จัดการเสิ่นเทียนได้แน่นอน

ขอแค่ทิ้งระยะห่างมากพอ ใช้พลังอริยะมหาศาลสำแดงวิชาโจมตีเสิ่นเทียน ต่อให้เสิ่นเทียนมีหมอกเบิกฟ้าก็ยังรับมือได้ยากมาก

แต่ถ้าเสิ่นเทียนคิดจะสู้ชนะผู้อริยะก็ยังยากมาก มีแต่ลอบโจมตีเท่านั้นถึงมีโอกาส ในทางตรงข้ามก็เช่นกัน

ผู้อริยะธรรมดาคิดจะสังหารเสิ่นเทียนก็แทบจะเป็นไปไม่ได้

ระดับความแกร่งกายเนื้อของกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบเรียกได้ว่าแกร่งจนน่าขนหัวลุก หากสู้สุดกำลังยังฉีกร่างผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้

ผนวกกับมีอาวุธอริยะระดับสูงสุดอย่างเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร รวมถึงพลังชีวิตและพลังฟื้นฟูทรงพลังที่มาจากสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุในตัวเสิ่นเทียน ต่อให้เป็นผู้อริยะก็ยังยากจะปลิดชีพเสิ่นเทียนได้ในทีเดียว

และขอแค่ปลิดชีพเสิ่นเทียนในทีเดียวไม่ได้ เขาก็จะสำแดงวิชามิติหนีเข้าไปในมิติได้

หากเป็นคนอื่นที่ฝึกฝนวิชาคล้ายๆ กับหวังเสินซวี แม้จะฝึกวิชามิติลึกล้ำหนีเข้าไปในมิติได้ แต่ก็ไม่อาจอำพรางกลิ่นอายพลังได้

การคงอยู่ระดับผู้อริยะจับกลิ่นอายพลังเจ้าได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังฉีกมิติตามไปล่าสังหารเจ้าได้ตลอด

แต่เสิ่นเทียนอำพรางพลังได้อย่างสมบูรณ์ หนีเข้าไปในมิติก็เหมือนน้ำหยดหนึ่งหลอมรวมไปในมหาสมุทร ไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายใดๆ

อย่าว่าแต่ผู้อริยะธรรมดาเลย ถึงจะเป็นระดับมหาอริยะ ก็ยากจะพบร่องรอยใดๆ

……

ตอนนี้ขอแค่เสิ่นเทียนไม่รนหาที่ตายเองในห้าดินแดนนี้ ก็จะมีคนที่คุกคามเขาได้ไม่มากแล้ว

ชัดๆ อะไรคือรนหาที่ตาย

ง่ายมาก อย่างเช่นตอนนี้ทะลวงไประดับนิพพาน

ถึงตอนนั้นดวงชะตาคัมภีร์คบเพลิงจะแว้งกัด ทำให้ดวงชะตาของเสิ่นเทียนลดลงอย่างมาก

หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก็น่าจะเจอเรื่องซวย และไม่รู้ว่าซวยเพียงใด

เสิ่นเทียนแอบตัดสินใจเงียบๆ ว่าหากยังหลอม ‘กายทองเบิกฟ้า’ ไม่สำเร็จ เขาจะไม่ทะลวงระดับนิพพานเด็ดขาด

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทะลวงระดับนิพพาน ก็ต้องเตรียมผักกุยช่ายระดับสูงสุดมาไว้สองสามต้น พร้อมเสริมดวงชะตาทุกเมื่อ

แต่ในด้านศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง เสิ่นเทียนเตรียมจะทุบแก่นเป็นดรุณก่อนได้

เขาอยากรู้ว่าแก่นพลังทองขนาดเท่าฟักทองนั่นทุบแก่นเป็นดรุณแล้วจะให้กำเนิดดวงจิตดรุณแบบใดออกมา หรือจะเป็นดรุณยักษ์กัน

ป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ในอกเสื้อสั่นไหวเบาๆ เปล่งแสงทองอ่อนๆ นั่นคือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังเรียกหา

เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกางปีกทองคำเซียนปีกปักษาสว่างจ้าข้างหลังทันที

ฟิ้ว~

ก้นทะเลสามพันจั้งมีแรงดันน้ำถึงจุดสูงสุด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเทียน แรงดันน้ำมหาศาลนี่แทบจะไม่มีแรงกดดันใดๆ เลย

สองปีกเขาเหมือนกับดาบฟันใส่น้ำทะเลทั้งหมด ทั้งตัวเขากลายเป็นประกายแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งไปบนผิวทะเล!

บึ้ม~

บนทะเลสีครามไร้พรมแดนพลันระเบิดคลื่นลูกใหญ่หลายร้อยจั้งขึ้น

ร่างเงาสีทองสว่างจ้าขยับแสงสว่างแสบตาภายใต้แสงตะวันส่องสะท้อน ราวกับเทพมาเยือน

“เด็กดี ตอนนี้ศักยภาพแกร่งขึ้นอีกแล้ว มาประมือกับอาจารย์ลุงหน่อยเถอะ!”

เกิดเสียงตะโกนดังขึ้นในอากาศ นักพรตชราฉู่หรงเหอถือกระบองเทพทองพุ่งเข้าใส่เสิ่นเทียน กระบองยาวในมือฟันใส่เสิ่นเทียนด้วยพลังตัดขุนเขา

กระบองตามใจนึก…กระบองฟาดเศียร!

ถึงฉู่หรงเหอจะเป็นเพียงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ แต่มีน้อยคนนักที่จะมองเขาเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ธรรมดา รวมถึงเสิ่นเทียน

ถึงอย่างไรเมื่อหลายปีก่อนเจ้านี่ก็เคยสู้ตายกับผู้อริยะเจ็ดคนมาแล้ว แม้ตอนนี้จะสิ้นวิชาย้ายไปฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารใหม่ แต่กำลังรบก็ยังเหนือกว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ธรรมดาไปไกลมาก

อย่างอื่นไม่ว่า แต่ฉู่หรงเหอเคยทุบตีประมุขวิหารเสวี่ยซาคนนั้นในรอบแรกสนามรบบรรพกาลมาแล้ว ทุบตีอีกฝ่ายอย่างอนาถเลย

ตาแก่นี่~

เพิ่งดื่มชาตระหนักรู้ไปก็มาลอบโจมตีข้ารึ

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย พลันรวมแสงเทพมืดหม่นขึ้นมือ

หลังแสงเทพนั้นปรากฏขึ้นในมือเสิ่นเทียนแล้ว ก็ส่งพลังฤทธิ์มากมายเข้าไป มันยาวขึ้นตามสายลม ไม่นานก็มีความยาวถึงหลายสิบจั้ง

กระบองเทพทองยาวหลายร้อยจั้งฟาดเข้ามาที่ศีรษะเสิ่นเทียน มวลอากาศพลันกลายเป็นผุยผง กระบองเทพกับแสงเทพมืดหม่นนั้นปะทะกันอย่างรุนแรง

ปัง!

กระแสคลื่นพลังมหาศาลโหมซัดสาดไปบนมหาสมุทร

พลันหมุนม้วนคลื่นยักษ์หลายร้อยลี้ ตรงหัวคลื่นสูงหลายสิบจั้ง ทั้งยังมีสายฟ้าไหลเวียนกลางเมฆดำ

เหมือนกับวันสิ้นโลก!

นี่คือพลังของผู้ฝึกบำเพ็ญเซียนแข็งแกร่งที่แท้จริง สำหรับคนธรรมดาแล้ว คนที่มีพลังเช่นนี้ ปกติจะไม่ต่างอะไรกับเซียนแล้ว

หากเสิ่นเทียนยินดี ด้วยการควบคุมสายฟ้าและปีกเทพข้างหลังเขาตอนนี้ รวมถึงพลังเรียกลมเรียกฝนยิ่งใหญ่ ถึงขนาดที่สร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในดินแดนบูรพาได้หนึ่งดินแดน

กรรซ์~

แสงสีดำและสีทองปะทะกัน พลันเกิดเสียงมังกรร้องดังสนั่นหูกลางอากาศ

“เจ้าเด็กนี่ มีพละกำลังเช่นนี้เชียว!”

กระบองเทพทองในมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์ถูกค้อนเทพกำราบสมุทรกระแทกดีดขึ้น

นักพรตชราหรี่ม่านตาลง กระบองเมื่อครู่นี้แม้จะเป็นเพียงแค่การหยั่งเชิง ไม่ได้ใช้ศักยภาพแท้จริง แต่ก็ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ส่วนใหญ่ต้องใช้กำลังทั้งหมดต้าน

ไม่นึกเลยว่าศิษย์หลานแค่ฟาดค้อนง่ายๆ จะกระแทกพละกำลังมหาศาลที่มากับกระบองเทพทองกระเด็นออกไปทั้งหมด

กระทั่งหากไม่ใช่เพราะผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตโต้ตอบไว เสริมพละกำลังทันกาล เกรงว่าแรงสะท้อนกลับคงกระแทกเขากระเด็นไปแล้ว

…..

“อาจารย์ลุง ท่านคิดจะทำอะไร”

เสิ่นเทียนมองผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตด้วยความจำใจ ตาแก่นี่จริงๆ เลย ขนาดพวกเดียวกันยังฟาดกระบองใส่

กระบองเทพทองในมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตส่องแสงสว่างจ้า ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก่อเรื่องในทะเลอุดรไม่น้อย ข้าก็อยากรู้ว่าตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว”

“อย่ามัวพูดมาก ดูกระบองนี่!”

กระบองเทพทองลากผ่านอากาศพุ่งเข้าใส่เสิ่นเทียน

ทุกอานุภาพกระบองแฝงไว้ด้วยพลังไร้ขีดจำกัด สั่นสะเทือนมวลอากาศแหลกเป็นผุยผง เห็นได้ชัดมากว่ากระบองเมื่อครู่นี้ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตไม่ได้จู่โจมอย่างเต็มที่เลย ตอนนี้เพิ่งจะเอาจริง

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก “ในเมื่อเช่นนั้น ก็ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ลุงด้วย”

ในเมื่อมีคู่ซ้อมส่งมาถึงที่ เสิ่นเทียนก็จะไม่ให้เสียเปล่า ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็อยากรู้มากเหมือนกันว่าตนแข็งแกร่งเพียงใดแล้ว

“เปลี่ยนน้ำมวลหนัก เปลี่ยนวัฏจักร เปลี่ยนปีกปักษา เปลี่ยนอัคคี เปลี่ยนฟากฝั่ง!”

แสงเทพห้าสีพลันห่อหุ้มทั่วร่างเสิ่นเทียน กลิ่นอายพลังรอบตัวเสิ่นเทียนพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

เขาถือค้อนเทพกำราบสมุทรไว้ในมือขวา ภายนอกค้อนหุ้มด้วยของเหลวสีเงินอ่อน นั่นคือน้ำมวลหนักปฐมกาลที่หนักที่สุดในโลกหล้า

เปรี้ยง~

สายฟ้าอัสนีบาตร มังกรคำรามสะท้านฟ้า

เสิ่นเทียนกางปีกสองข้างด้านหลัง ทั่วร่างพลันกลายเป็นเศษเงาร่างหนึ่ง

บึ้ม~!

มหาสมุทรกว้างใหญ่เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ปลาทุกชนิดในระยะหลายร้อยลี้หนีไปด้วยความตกใจลนลาน

กระบองเทพทองกับค้อนเทพกำราบสมุทรปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า สู้กันอย่างสูสี เวลานี้ต่างไม่มีใครเหนือกว่าใคร

‘สมกับเป็นอาจารย์ลุงบัวมรกต แข็งแกร่งจริงๆ!’

เสิ่นเทียนแอบตกใจอยู่ภายใน หลังสำเร็จกายทองเบิกฟ้าเก้ารอบเขาก็มั่นใจขึ้นมา เดิมทีคิดว่าด้วยศักยภาพของตนคงจะชายตามองระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้แล้ว

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกต เขาแทบจะไม่ได้เปรียบอะไรเลย ทุกกระบองของอีกฝ่ายรับค้อนเทพกำราบสมุทรของเสิ่นเทียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แม้เสิ่นเทียนจะยังไม่ได้ใช้กระบี่ฟ้าสังหาร และยังไม่ได้สำแดงเคล็ดกระบี่เซียนเหินฟ้าที่แกร่งที่สุด แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตก็มีไพ่ตายที่ยังไม่ได้ใช้อีกมากมาย กระทั่งอาจจะยังไม่ได้สู้เต็มที่ด้วยซ้ำ

ความรู้สึกลำพองใจอันน้อยนิดที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจเสิ่นเทียนถูกกดกลับไปอีกครั้ง

มีพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนในห้าดินแดน ต้องอยู่เงียบๆ ไว้จะดีกว่า!

……

เสิ่นเทียนตกตะลึงอยู่ในใจ แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตตกใจคางแทบร่วงยิ่งกว่า

พวกเดียวกันย่อมรู้กัน ถึงเขาจะยังไม่ได้ใช้ศักยภาพทั้งหมดกับไพ่ตาย แต่ก็เอาจริงแล้ว

มองไปในผู้มีระดับพลังต่ำกว่าผู้อริยะในทั้งดินแดนบูรพา แทบจะไม่มีใครทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตสำแดงกระบองตามใจนึกได้อย่างเต็มที่เช่นนี้มาก่อน

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่อาจกำราบเสิ่นเทียนได้อยู่หมัด กระทั่งหากไม่ระวังได้โดนอันตรายจากค้อนเช่นกัน

ต้องรู้ว่าเจ้าหนูนี่ จนถึงตอนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญระดับกายทองเท่านั้น!

ระดับกายทองบ้านใครบ้าระห่ำเช่นนี้ได้กัน

บึ้ม~

เกิดการปะทะกันอีกครั้ง ร่างเสิ่นเทียนพุ่งขึ้นฟ้าราวกับลูกกระสุน ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตโดนพลังภูเขาไท่ซานทับจากค้อนหนักกระแทกจมลงทราย เกิดฝุ่นควันคละคลุ้ง

“เอาละ! หยุดมือเถอะ!”

ตอนนี้เอง ปรากฏแสงทองสว่างแพรวพราวขึ้นริมชายหาด

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลางสายฟ้าประกายเซียนเอ่ยอย่างเฉยชา “ศิษย์พี่ท่านเป็นผู้อาวุโส ไฉนถึงทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก็เจ้าอยากหยั่งเชิงศักยภาพแท้จริงของเจ้าหนูนี่ เลยให้ข้าออกมือฟาดกระบองใส่เขาไม่ใช่รึ

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเสนอในราคาที่เย้ายวนข้า ข้าจะไม่มีทางลงมือกับเจ้าสัตว์ประหลาดน้อยนี่เด็ดขาด!

ทำดีไม่ได้ดี ตอนนี้เจ้ายังโดดออกมาเป็นพระเอกอีกรึ

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคิดจะร้องโวย แต่กลับโดนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขัดเอาไว้ “เทียนเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ออกด่านบำเพ็ญแล้ว

มีข่าวจากทางศิษย์น้องหญิงบัวทอง ผนึกรอบนอกสุดของเกาะมหานทีถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้คนจากทุกขุมอำนาจเข้าเกาะไปแล้ว”

เกาะมหานที เข้าไปได้แล้วรึ

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตตาเป็นประกาย โยนเรื่องแฉเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไว้ข้างหลังก่อน

ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้ว่าในสุสานมหาจักรพรรดิจินอูมีโชคลิขิตมากมาย และยังมีโอรสสวรรค์และผู้แข็งแกร่งที่ไปตามหาโชคลิขิตนับไม่ถ้วน พวกเขาจะต้องพกสมบัติล้ำค่าไปแน่

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเลียริมฝีปากก่อนจะแอบส่งกระแสจิตหาเสิ่นเทียน “ศิษย์หลานน้อย ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว! ขึ้นเกาะมหานทีแล้วเราร่วมมือกันสักสองสามงานดีหรือไม่”

ถ้าได้เกาะดวงชะตา หนนี้ข้าได้เหนือกว่าเทพเซียนแน่!

…………………..