เย่ฉูฉู่กล่าว “เขาขนผักกาดขาวไปขายน่ะค่ะ”

“เอาไปขายเหรอ ป้าก็ว่าอยู่ นี่ก็ไม่เช้าไม่สาย จะเอาผักกาดขาวไปส่งทำไม ที่แท้ก็เอาไปขายนี่เอง มันคือธุรกิจสินะ!” ป้ารองพยักหน้า

เย่ฉูฉู่หยิบผลไม้ส่วนหนึ่งออกมาให้ป้ารอง นี่เป็นของที่เมิ่งต้าเอามาให้ เมื่อทิ้งไว้นานก็เริ่มเป็นแป้งแล้ว

ป้ารองอายุมากแล้ว รับประทานไปได้หนึ่งลูกก็รับประทานต่อไม่ไหวแล้ว

“ฉูฉู่ ป้ารองมาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องขอร้องพวกเธอหน่อย” ป้ารองรับประทานผลไม้เสร็จก็ดื่มถังสุ่ยหนึ่งคำ จากนั้นจึงกล่าวอย่างลังเล

เย่ฉูฉู่ไมได้ประหลาดใจอะไร เป็นปกติที่จะมีเรื่อง โดยเฉพาะพี่เขยคนนั้นที่เพิ่งจะออกมาจากคุก

“ป้ารอง มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ถ้าช่วยเหลือได้พวกเราต้องช่วยอยู่แล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว

ไม่ใช่ว่าเธอจะช่วยเหลือได้ทุกอย่าง

เพียงแต่ลูกพี่ลูกน้องต้องอดทนอยู่เพียงลำพังมานานหลายปีขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง หากช่วยได้ก็ช่วย ถึงจะพูดอย่างไรก็เป็นญาติกันไม่ใช่เหรอ?

พวกคนอายุมากก็ชอบพูดชักแม่น้ำทั้งห้าก่อนจะเข้าประเด็นหลักกันทั้งนั้น

ป้ารองบอกว่าหลายปีมานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งยังบ่นจนคอแห้ง แต่ก็ยังไม่พูดถึงประเด็นหลักสักที

เย่ฉูฉู่จึงรินน้ำให้อีกแก้ว ครั้นป้ารองรู้สึกชุ่มคอแล้ว อาจจะเป็นเพราะรู้สึกเหนื่อย นางจึงพูดเข้าประเด็นโดยไม่พูดไร้สาระอีก

“ฉูฉู่ ที่ป้ามาครั้งนี้ก็อยากจะมาขอยืมเงินเหวินเทาไปให้พี่สาวใหญ่หน่อยน่ะ” ป้ารองเอ่ยอย่างรู้สึกไม่ดีและลังเลที่จะพูดเช่นนี้

ก่อนหน้านี้ที่จะมานางไม่รู้ว่าตระกูลจ้าวพัฒนาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ในบ้านก็มีความจำเป็นจริง ๆ ยังไงก็ต้องเอ่ยปากสักหน่อย

เย่ฉูฉู่ไม่ได้ประหลาดใจ เวลาญาติมีธุระโดยพื้นฐานก็เป็นเรื่องยืมเงินนี่แหละ

“ป้ารอง พี่สาวใหญ่จะยืมเงินเอาไปทำอะไรเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“ตอนนี้แบ่งที่ดินแล้ว ไม่ได้ดูแลแบบเข้มงวดแล้วด้วย พี่เขยของเธอก็ออกมาแล้ว พี่สาวใหญ่ก็เลยอยากจะซื้อแม่หมูสักตัว พอมันคลอดลูกก็จะได้เอาไปขาย ที่ดินทางฝั่งนั้นไม่ค่อยดี ปลูกข้าวโพดก็ยังได้อยู่ แต่อย่างอื่นปลูกไม่ขึ้นเลย แต่ก็ปลูกข้าวโพดเอาไว้เป็นอาหารหมูได้พอดี” ป้ารองกล่าว

เย่ฉูฉู่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อคิดว่าพี่เขยคนนั้นเป็นเพราะติดพนันจึงติดคุก การยืมเงินไปซื้อหมูจึงย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้านำเงินไปเล่นพนันสู้ไม่ยืมยังจะดีเสียกว่า

“ป้ารอง ป้าเองก็รู้ว่าเป็นเพราะพวกเราต้องสร้างบ้านหลังนี้ ก็เลยออกไปลำบากข้างนอกไม่น้อย ตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวพืชผล เหวินเทาเองก็รีบร้อนหาเงินเพื่อเอาไปปิดหนี้ก้อนใหญ่ ก็เลยไม่มีเวลาได้ไปเก็บพืชผลในสวน เรื่องนี้ที่ป้าพูดถึง รอให้เหวินเทากลับมาฉันจะถามเขาให้นะคะ” เย่ฉูฉู่มองป้ารองพลางกล่าว

แม้จะยังไม่รับปาก แต่ป้ารองกลับรู้สึกพึงพอใจกับคำตอบของเย่ฉูฉู่มาก

“เธอพูดถูก เรื่องนี้รอให้เหวินเทากลับมาแล้วค่อยว่ากันนะ อันที่จริงป้าเองก็รู้ดีว่าพวกเธอก็ลำบาก แต่นี่เป็นเรื่องที่จนปัญญาจริง ๆ ถึงได้เอ่ยปากพูดแบบนี้” ป้ารองถอนหายใจ จากนั้นก็พูดถึงเรื่องเก่า ๆ อีกครั้ง

เพียงไม่นานคุณแม่จ้าวก็มาหาป้ารอง

“ฉันว่าแล้วเชียวว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่” คุณแม่จ้าวกล่าว

ป้ารองกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่เหวินเทาแต่งงานฉันก็เคยเจอฉูฉู่แล้ว ครั้งนี้ยังไงก็ต้องมาหาอยู่แล้ว”

“พี่ยังไม่รีบกลับสักหน่อย อีกสองวันค่อยมาหาก็ยังได้” คุณแม่จ้าวกล่าว

“ไม่ได้หรอก ที่บ้านยังต้องไปหักข้าวโพดอีก พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว” ป้ารองจ้าวรีบพูด

“พี่รีบกลับไปทำอะไรคะเนี่ย ก่อนหน้านี้ที่พี่ไม่กลับมาก็เพราะเป็นห่วงลูกสาว ตอนนี้ลูกเขยก็กลับมาแล้ว ยังมีอะไรต้องห่วงอีก? อยู่ต่ออีกสักสองสามวันเถอะ ไม่ได้ให้พี่ไปทำงานสักหน่อย เดี๋ยวฉันจะทำของอร่อย ๆ ให้กิน” คุณแม่จ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นสิคะ ป้ารอง ถ้ามีเวลาก็มาช่วยฉันดูลูกก็ได้”

“ใช่ มีเวลาก็มาช่วยดูลูกให้ฉูฉู่ ยังมีลูกของสะใภ้สี่อีกคนด้วยนะ” คุณแม่จ้าวกล่าว

“โอ๊ย ไม่ได้หรอก ที่บ้านฉันยังมีเรื่องยุ่งเหยิงรออยู่!” ป้ารองรีบพูด

คุณแม่จ้าวกล่าว “พี่จะไปมีเรื่องอะไรต้องทำ ลูกก็โตขนาดนั้นแล้ว ไม่ต้องให้พี่ไปดูแลแล้ว”

“ถึงยังไงก็ต้องมีอีกคน มีลูกแค่คนเดียวไม่ได้หรอก” ป้ารองกล่าว

“นั่นก็เป็นเรื่องหลังจากนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่คลอดไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ กับข้าวทำเสร็จแล้ว กลับไปกินข้าวกัน” คุณแม่จ้าวกล่าว

“ฉูฉู่ล่ะ จะไปกินด้วยกันไหม?” ป้ารองลุกขึ้นพลางถาม

“ฉันรอเหวินเทากลับมาก่อนค่ะ คิดว่าอีกไม่นานก็มาแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงเช้าที่รอเหวินเทาอยู่บ้าน ป้ารองค่อยแวะมากินข้าวที่นี่สักมื้อนะคะ”

นี่เป็นมารยาทของคนในชนบท เมื่อมีญาติมาที่บ้าน ต่อให้แยกบ้านออกไปแล้ว ก็ต้องเชิญญาติที่มาหาที่บ้านร่วมรับประทานอาหารหนึ่งมื้อ ก็เหมือนกับคนในเมืองที่ญาติสนิทมิตรสหายมาหาต้องออกไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารสักมื้อนั่นแหละ แต่ในชนบทไม่มีร้านอาหาร จึงทำได้เพียงแค่รับประทานในบ้าน

ระหว่างที่ป้ารองเดินกลับไปพร้อมกับคุณแม่จ้าว นางก็เอ่ยปากชมเย่ฉูฉู่ไปด้วย

“ฉูฉู่คนนี้ดีจริง ๆ เลยนะ หล่อนดูแลลูกแบบเอาใจใส่มาก ฉันเห็นแล้วก็เหมือนกับเทพธิดาในภาพวาดปีใหม่เลย รู้สึกหาได้ยากจริง ๆ พูดคุยก็ดี พูดช้า ๆ อ่อนโย้นอ่อนโยน เด็กเหวินเทาคนนี้ไปเจอภรรยาดี ๆ แบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?” ป้ารองกล่าวชม

คุณแม่จ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉูฉู่เป็นเด็กดีนะคะ แถมยังกตัญญูด้วย มีของดี ๆ ก็เอามาให้กินตลอด”

“ฉันบอกแล้ว ตอนแรกที่พวกเขาแต่งงานกัน ฉันก็บอกกับเธอไปแล้วว่าลูกสะใภ้คนนี้น่ะไม่เลวเลย ดูดวงตาคู่นั้นสิ เป็นดวงตาแห่งจิตวิญญาณเลยนะ!” ไม่รู้ว่าที่ป้ารองชมเกี่ยวกับดวงตานั้นเกี่ยวอะไรกับความกตัญญู

ป้ารองกลับไปกับคุณแม่จ้าวได้ไม่นาน จ้าวเหวินเทาก็ขับรถกลับมา

“ภรรยา ผมออกจากบ้านไปหนึ่งวัน คิดถึงผมไหม?” จ้าวเหวินเทาพูดกับภรรยาด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่ตำหนิเขาด้วยสายตา เธอไปตักน้ำให้เขาล้างหน้าล้างมือ จากนั้นจึงกล่าวว่า “ป้ารองกลับมาแล้วค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง”

จ้าวเหวินเทาเช็ดหน้าพร้อมกับพูด “ผมจำได้ว่าครั้งก่อนที่ท่านกลับมาก็ตอนที่พวกเราแต่งงานกัน”

“ค่ะ ป้ารองบอกว่าที่ป้าเขากลับมาครั้งนี้เพราะลูกเขยออกมาจากคุกแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ออกมาแล้ว? นี่ก็สิบปีได้แล้วมั้ง?” จ้าวเหวินเทาใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเสร็จก็พาดไว้บนเชือก จากนั้นก็เดินมาอุ้มเสี่ยวไป๋หยาง “เจ้าลูกชาย คิดถึงพ่อไหมเอ่ย? วันนี้พ่อออกไปหาเงินให้ครอบครัวเรามาด้วยนะ”

เย่ฉูฉู่กล่าว “ป้ารองบอกว่าสิบปีแล้ว ที่กลับมาครั้งนี้เพราะจะขอยืมเงิน บอกว่าพี่เขยอยากจะซื้อแม่หมูเพื่อให้คลอดลูกหมูแล้วเอาไปขาย”

“แบบนั้นก็ดีมากเลยนะ ตอนนี้ลูกหมูได้ราคามากด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าวขณะหยอกเสี่ยวไป๋หยาง

“ทำเรื่องที่ถูกต้องมันก็ต้องดีอยู่แล้ว ก็แค่กลัวว่าพี่เขยจะกลับไปเล่นพนันอีก” เย่ฉูฉู่กล่าว ก่อนจะเริ่มทำอาหาร

“จะยืมเท่าไรล่ะ?” จ้าวเหวินเทาถาม

“ไม่ได้บอกค่ะ” เย่ฉูฉู่ตอบ

ถึงไม่ได้บอกว่าจะยืมเท่าไร แต่เย่ฉูฉู่ก็คิดว่าคงเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย

อาจจะต้องการ 100-200 หยวนเลยด้วยซ้ำ เพราะการเลี้ยงหมูมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

ในบ้านไม่มีเงินแล้ว ต่อให้จ้าวเหวินเทาได้เงินมาแต่ก็ใช้เงินมากยิ่งกว่า เงินที่สร้างบ้านก็ยังคืนไม่หมด ไหนจะติดตั้งไฟฟ้าอีก ทุกอย่างต้องใช้เงินอีกไม่น้อย จะไปเอาเงินจากที่ไหนมาให้ยืม?

เพียงแต่ต้องเห็นแก่หน้าของผู้อาวุโสด้วย ไม่ให้คงไม่ได้

จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้ใส่ใจ เขาหยอกล้อเสี่ยวไป๋หยางพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยืมอะไรกันล่ะ ฉันยังไม่มีเงินเลย บ้านของเราก็ติดหนี้ตั้งเยอะ ไม่มีเงินให้ยืมหรอก ถ้าจะยืมก็ยืมกระต่ายแล้วกัน”

ยืมกระต่าย?

เย่ฉูฉู่ได้ยินก็เพิ่งจะได้สติกลับมา เธอมองจ้าวเหวินเทาก็แอบรู้สึกอยากขำออกมา

สมองของคนๆ นี้ทำไมถึงได้คิดไวขนาดนี้นะ

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ยืมเงินไม่ได้ ให้ยืมกระต่ายแทน ร้ายนะเหวินเทา กะใช้งานคนทางนั้นไปด้วยในตัวใช่ไหม

ไหหม่า(海馬)