จ้าวเหวินเทาพูดต่อ “กระต่ายก็คือเงินนะ อีกอย่าง ให้เขายืมกระต่ายยังดีกว่าให้ยืมเงินอีก ยืมเงินไปซื้อแม่หมู อีกนานแค่ไหนกว่าจะคลอดลูก แต่กระต่ายไม่เหมือนกัน ครึ่งปีก็มีรายได้เข้ามาแล้ว ถึงเวลานั้นถ้ายังอยากเลี้ยงหมู ก็เอาเงินก้อนนี้ไปซื้อลูกหมูก็ได้เหมือนกัน”

“แล้วคุณจะให้เขายืมกระต่ายกี่ตัวคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“คำถามนี้ก็ต้องรอให้เขามาเองค่อยว่ากัน ถ้าเขาไม่มาก็ไม่ให้” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่เข้าใจกระจ่าง จ้าวเหวินเทายินดีที่จะช่วยเหลือ เพียงแต่ไม่ได้ช่วยเหลือด้วยเงิน แต่เป็นการช่วยเหลือด้วยกระต่าย อีกอย่างต้องให้พี่เขยมาหาด้วยตัวเองถึงจะช่วย โดยที่ป้ารองไม่เกี่ยว

เย่ฉูฉู่พยักหน้า กล่าวว่า “ฉันเองก็อยากเห็นว่าพี่เขยคนนี้เป็นคนยังไงอยู่พอดีค่ะ อยากรู้ว่าเขาอยากมีชีวิตดี ๆ จริงหรือเปล่า”

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สาวใหญ่แต่งงานออกไปเร็วมาก ผมไม่ได้มีความประทับใจกับพี่เขยคนนั้น อีกอย่างเขาก็เข้าไปอยู่ในคุกตั้งนาน ถ้าไม่ทำความรู้จักให้ดีสักหน่อย จะช่วยเหลือได้ไง? เงินของเราไม่ได้ลอยมากับลมนะ”

“งั้นฉันจะไปบอกป้ารองตามนี้นะคะ ให้พี่เขยใหญ่มาหาด้วยตัวเอง” เย่ฉูฉู่กล่าว

“พรุ่งนี้แล้วกัน เรียกให้ป้ารองมากินข้าวที่บ้าน เดี๋ยวผมบอกป้าเอง ผมเองก็จ้างคนมาไปตัดข้าวโพดกลับมาพอดี ตอนเที่ยงจะได้ให้พวกเขามากินข้าวด้วย ก็กินด้วยกันซะเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

จ้าวเหวินเทาไม่ได้มีความอดทนกับการไป ๆ กลับ ๆ เพื่อตัดข้าวโพด ที่สำคัญคือพลังงานของเขามีจำกัด แค่วิ่งออกไปค้าขายทั้งวันกลับมาก็ไม่มีแรงจะลงไปทำไร่ทำนาแล้ว

“ทุกคนต่างก็ยุ่งกันหมด จะมีเวลามาช่วยพวกเราเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“ขอแค่เงินถึง มีเหรอที่จะไม่มีเวลา? ที่ดินสิบกว่าหมู่ หาพวกคนหนุ่ม ๆ มาสักสองสามคน ใช้เวลาวันเดียวก็เสร็จแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คุณบอกให้พวกเขาตัดกลับมาเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันปอกข้าวโพดที่บ้านให้เอง” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทาเห็นกองข้าวโพดที่ถูกปอกออกมาตรงลานฝั่งตะวันตก ก็ทราบได้ว่าต้องเป็นฝีมือของภรรยาแน่นอน เขาทราบดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนใช้ชีวิตเป็น ไม่มีทางที่จะนั่งมองเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร

“คุณอย่าปอกเองสิ ให้ไฉไฉปอกก็ได้” จ้าวเหวินเทายื่นมือตบหัวลูกลิงที่กำลังเลียลูกกวาด

เย่ฉูฉู่ถูกหยอกจนมีความสุข

วันรุ่งขึ้นจ้าวเหวินเทาก็ระดมเด็กหนุ่ม 5-6 คนในหมู่บ้านให้ไปตัดข้าวโพด จากนั้นก็ไปที่ตระกูลเย่เพื่อเชิญให้พี่ภรรยาคนโตมาช่วยนั่งเฝ้า จากนั้นก็รบกวนแม่ให้ช่วยมาทำกับข้าวให้ ก่อนจะออกไปขายของข้างนอก

ครั้งนี้เขาไปไม่ไกล ถึงตอนเที่ยงก็กลับมารับประทานอาหารเที่ยงที่บ้าน

“ฉันยังไม่ได้พูดกับป้ารองเรื่องให้ยืมกระต่ายเลยค่ะ บอกแค่ว่าให้เรียกพี่เขยมาที่นี่ ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว ก็ควรจะมาเจอตัวที่บ้านหน่อย” เย่ฉูฉู่บอกกับจ้าวเหวินเทา

“ภรรยาของผมฉลาดจัง!” จ้าวเหวินเทากล่าวชมหนึ่งประโยค

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ป้ารองก็ดีใจมากเลยนะคะ บอกว่ากลับไปจะเรียกพี่เขยให้มาที่นี่ ท่านเองก็คงเข้าใจความหมายของฉันผิดเหมือนกัน”

ป้ารองที่กำลังช่วยงานเห็นจ้าวเหวินเทาแล้วจึงออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “เหวินเทา ได้เจอเธอสักทีนะ โอ๊ย โตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว พอเป็นพ่อคนก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ!”

จ้าวเหวินเทาหมดคำพูด พูดราวกับไม่ได้เจอกันมาหลายสิบปีอย่างนั้นแหละ

“ป้ารอง ผมคิดถึงป้าจะตายอยู่แล้วเนี่ย!” จ้าวเหวินเทารีบยิ้มรับด้วยใบหน้าฉายแววปิติ

“เหวินเทา คำพูดเธอนี่ไม่มีความจริงจังเอาเสียเลยนะ!” ป้ารองด่าด้วยรอยยิ้ม

“ป้ารอง ผมบอกคิดถึงป้าทำไมถึงบอกว่าผมไม่มีความจริงจังล่ะครับ” จ้าวเหวินเทายังคงพูดด้วยรอยยิ้ม “ป้ารอง ครั้งนี้มาก็อยู่หลายวันหน่อยสิ รอให้ผมว่างเมื่อไหร่เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้”

“ไม่ได้หรอก ที่บ้านยังมีงานอีกเยอะเลย นี่ก็เป็นช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงแล้วด้วย!” ป้ารองรีบพูด

“ยุ่งขนาดนั้นป้ารองยังมาที่นี่อีก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าป้าพูดไร้สาระ!” จ้าวเหวินเทาพูดเคล้ารอยยิ้ม

“ก็เป็นเพราะป้ารองมีธุระไง ไม่มีธุระคงกลับมาไม่ได้หรอก” ป้ารองกล่าว

“ป้ารอง หมายความว่ายังไงเนี่ยที่ว่าไม่มีธุระก็ไม่กลับมา ไม่เห็นที่นี่เป็นครอบครัวแล้วเหรอครับ?” จ้าวเหวินเทาพูดติดตลก

คุณแม่จ้าวพูด “รีบยกเหล้าออกไป ทุกคนรออยู่นะ!”

“ป้ารอง งั้นผมออกไปคุยกับแขกก่อนนะ ป้าเองก็กินให้อิ่มล่ะ อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยมาคุยกันใหม่” จ้าวเหวินเทากล่าว

“เธอรีบไปเถอะ” ป้ารองพูดกับคุณแม่จ้าว “เจ้าเด็กเหวินเทาคนนี้ ช่วงนี้ที่ไม่ได้เจอกัน ทำไมถึงได้เจ้าเล่ห์มากกว่าเดิมอีกล่ะเนี่ย?”

“นี่ก็มีลูกแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ อยู่เลย!” คุณแม่จ้าวกล่าว

ป้ารองพูดด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้ก็ดีมากเลยนะ แบบนี้ก็ดีมากเลย”

คนเยอะก็มีพลังมาก ภายในหนึ่งวัน ข้าวโพดในพื้นที่จำนวนสิบกว่าหมู่ก็ถูกตัดจนหมดเกลี้ยง และถูกขนกลับมาถึงครึ่งหนึ่งแล้ว

ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเขาให้ชุยต้าและเมิ่งต้าขนกลับมาให้ มีข้าวให้กินมีน้ำให้ดื่มรวมถึงมีค่าจ้างด้วย ใช้เงินรวมกันไม่ถึงสิบหยวน

จ้าวเหวินเทารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก

เพราะเขาขับรถออกไปสองวันนี้ได้เงินมาไม่ต่ำกว่าสิบหยวนแล้ว อีกอย่างก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้นด้วย ทำงานเกษตรเหนื่อยแทบตายอยู่แล้ว

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ยอมเข้าไปเกี่ยวข้องเลย

หลังทำงานตรงนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือปอกเปลือกข้าวโพด

จ้าวเหวินเทาเรียกให้หลานชายและหลานสาวมาหาที่บ้าน “วันหยุดพวกเธอมาช่วยอาปอกข้าวโพดนะ อาจะให้ลูกอมพวกเธอคนละเม็ดแล้วก็ให้ดินสออีกคนละแท่งด้วย อยากทำไหม?”

ขนมขบเคี้ยวของเด็ก ๆ ในตอนนี้คือก้อนผักเค็ม เมล็ดทานตะวันคั่ว ถั่วลันเตาคั่ว หรือไม่ก็เมล็ดข้าวโพดคั่ว

ลูกกวาดเป็นของที่จะได้รับประทานในช่วงข้ามปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดินสอแท่งใหม่

ดังนั้นแค่ได้ยินก็มีความสุขแล้ว แต่ละคนต่างก็แย่งกันตอบว่าวันหยุดจะมาปอกข้าวโพด!

จ้าวเหวินเทายิ้มตาหยี “อีกอย่าง อามีข้อเสนอให้พวกเธอด้วยนะ คือให้พวกเธอเรียกเด็กในหมู่บ้านมาด้วยกัน ถ้าเรียกพวกเขามาแล้ว อายังมีถั่วเคลือบน้ำตาลด้วย ปอกข้าวโพดหนึ่งฝักจะได้ถั่วเคลือบน้ำตาลหนึ่งเม็ด”

หาเด็กมาทำงานใช้เงินไม่มากเลยสักนิด ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้มาก ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังเด็ก ๆ เขาเองก็ถูกผู้ใหญ่หลอกให้ไปทำงานด้วยวิธีนี้เช่นกัน

แน่นอนว่าเป็นการทำงานฟรี ๆ แต่เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น

เจ้าพวกต้านและเจ้าพวกหยาต่างก็มีดวงตาเป็นประกาย

“อาหก แล้วพวกเราล่ะคะ จะได้กินถั่วเคลือบน้ำตาลไหม?” เอ้อร์หยาถาม

“ได้สิ เพื่อน ๆ ที่พวกเธอเรียกมา ใครปอกได้เยอะ นอกจากพวกเธอจะได้ลูกกวาดแล้วก็จะได้ถั่วเคลือบน้ำตาลเพิ่มอีกเม็ดด้วย!” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า

“ว้าว เยี่ยมไปเลย!” ซานหยากระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข

“ยังมีอีกนะ!” จ้าวเหวินเทาพูดเสียงสูงอีกครั้ง “ถึงเวลานั้นไฉไฉก็จะไปช่วยทำด้วย!”

“ไฉไฉก็จะมาปอกเปลือกข้าวโพดกับพวกเราด้วยเหรอ?” หม่าต้านมีดวงตาเป็นประกาย

“อาหกไม่ได้หลอกพวกเราใช่ไหม?” เถี่ยต้านถาม

“จะหลอกพวกเธอไปทำไม” จ้าวเหวินเทากล่าว “ไฉไฉก็ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองเหมือนกัน มันก็ต้องทำงานสิ”

“เยี่ยมไปเลย! ผมอยากทำงานคู่กับไฉไฉ!” หลูต้านรีบพูด

“ผมก็อยากทำงานคู่กับไฉไฉเหมือนกัน!” เถี่ยต้านก็พูดอีกคน

“ผมต่างหากล่ะที่จะทำงานคู่กับไฉไฉ!” หม่าต้านเองก็รีบพูดด้วย

เด็กเหล่านี้ต่างก็อยากเข้าใกล้เจ้าลิงน้อยมาตลอด เมื่อได้ยินว่าลูกลิงจะร่วมปอกเปลือกข้าวโพดกับพวกเขา มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการได้โชคชั้นใหญ่เลย เรื่องตื่นเต้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“พวกเธอไม่ต้องแย่งกัน ไฉไฉจะทำงานคู่กับอาสะใภ้หกของพวกเธอ” จ้าวเหวินเทาพูดเสียงเรียบ

แม้ว่าจะแอบผิดหวัง แต่แค่ได้เข้าใกล้เพื่อดูลูกลิง พวกเด็ก ๆ ก็ยังรับได้

“อาจะเอาลูกอมกับถั่วเคลือบน้ำตาลไปฝากไว้ที่อาสะใภ้หกของพวกเธอนะ ถึงเวลานั้นอาสะใภ้หกจะเป็นคนให้พวกเธอเอง บอกไว้ก่อนเลยว่าปอกเปลือกข้าวโพดเสร็จเมื่อไหร่ก็จะได้รับรางวัลตอนนั้น ซึ่งอาสะใภ้หกจะเป็นคนจดบันทึกให้พวกเธอ” จ้าวเหวินเทาพูดทิ้งท้าย

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เหวินเทาร้ายมาก ไปล่อลวงหลาน ๆ ให้มาช่วยทำงานให้ ถ้ามองในมุมนึงก็คือการใช้คนเหมาะกับงานแล้ว

ไหหม่า(海馬)