ตอนที่ 210

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 210 – ประโยชน์ที่คาดไม่ถึง (1)

เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกเฮเรียวได้เล่าเรื่องของเธอออกมา

ในตอนเช้านี้แฟรี่ท้องฟ้าได้จัดพิธีกรรมในสถานที่ที่ถูกเรียกว่าเจดีย์แห่งความฝัน เฮเรียวอยากจะรู้เรื่องของพิธีกรรม และอยากที่จะเข้าไปดู แต่ว่าพื้นที่รอบๆเจดีย์แห่งความันเป็นสถานที่อันตรายมากๆจนสหพันธรัฐก็ยังตั้งให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม

หากว่าไม่ได้มีการรับอนุญาตโดยเฉพาะ ก็จะไม่มีใครจากสหพันธรัฐที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไป

ยังไงก็ตามสำหรับเฮเรียวแล้ว ความสงสัยของเธอมีมากกว่าความหวาดกลัว เธอได้แอบตามแฟรี่ท้องฟ้าไปกับน้องสาวของเธอ และจากนั้นก็หลงทาง

เธอได้เดินไปทั่วพร้อมกุมมือน้องสาวเอาไว้จนกระทั่งในท้ายที่สุดเธอก็ได้มาที่ดินแดนที่ไม่รู้จัก ขณะที่เธอกำลังกระทืบเท้าโดยไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ เธอก็ได้เจอเข้ากับกลุ่มคน

เหล่าพวกลักลอบได้ไล่ตามพวกเธอราวกับว่าพวกเขาได้รับของขวัญจากสวรรค์ และจับน้องสาวของเธอเอาไว้ เฮเรียวได้หลบหนีออกมาได้หวุดหวิด และหลบหนีมา ขณะที่เธอกำลังหลบหนีออกมาโดยไม่สนใจทิศทาง เธอก็ได้หนีมาเจอเข้ากับกลุ่มของซอลจีฮู

“หนูได้ตามแฟรี่ท้องฟ้าอย่างดีเลย… หนูไม่รู้ว่าพวกเราหลงกันได้ยังไง…”

การคิดถึงน้องสาวของเธอคงจะทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาเพราะเธอได้เริ่มน้ำตาซึมออกมาอีกครั้งหนึ่ง

ความหวาดกลัวได้ปกคลุมใบหน้าของซอลจีฮู เขาหวังให้มันไม่เป็นแบบนี้ แต่ว่าความกังวลนั้นได้กลายมาเป็นจริงแล้ว

ถ้างั้นแล้วทางที่ดีควรจะทำยังไงกันล่ะ?

‘หวังว่าเราจะช่วยน้องสาวของเฮเรียวได้และกลับไปที่สหพันธรัฐพร้อมทั้งคู่…’

ซอลจีฮูได้หันไปหาเทเรซ่าที่กำลังกังวลอยู่เช่นกัน

“น้องสาวของเฮเรียวจะต้องมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”

“เป็นไปได้สูง พวกนั้นน่าจะต้องการเงินมากกว่าแก้แค้น…”

เทเรซ่าได้มองลงไปที่เฮเรียวที่กำลังร้องไห้ และพูดขึ้นเบาๆ

“มีโอกาสที่พวกเขาน่าจะอยู่ใกล้ๆนี้ พวกเขาอาจจะตามรอยเด็กคนนี้มา หากว่าเรา-“

“ซอล!”

เสียงคาซุกิได้ดังออกมาก่อนที่เทเรซ่าจะพูดจบ

“ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ… สอง สี่สิบสองคน! พวกลักลอบกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้!”

“อ๊าาา!”

เฮเรียวได้ตื่นตระหนกขึ้นมาเมื่อมีการพูดถึงปีศาจ

ซอลจีฮูได้มองไปที่เทเรซ่า และพวกเขาก็เข้าใจกันได้เองโดยทันที เทเรซ่าได้อุ้มเฮเรียวขึ้นมา

ไม่นานนัก…

“อ๊า เวรเอ้ย! ทำไมไอ้เด็กเวรนั่นถึงเร็วแบบนี้?”

“ฉันคิดว่าเธอหนีไปแล้วล่ะ”

“ฉันบอกแล้วไงว่าพอเธอหนีออกไปจากตาข่ายวงล้อม เราก็จับเธอไม่ได้แล้ว”

“แต่ว่าเธอก็ยังตามล่าเธอได้อยู่นะ หากว่าเราไล่ตามต่อไป ฉันมั่นใจว่าเราจะต้องเจอเธอเหนื่อยแล้วไปนอนอยู่ที่ไหนสักที่แน่ พวกเราแค่ต้องดึงเวลาให้นานหน่อยเท่านั้นเอง”

คนกลุ่มใหญ่ได้ปรากฏขึ้นจากต้นหญ้าสูงพร้อมๆกับเสียงพึมพำมากมาย

“หืม?”

นักธนูที่กำลังเดินงอหลังและมองพื้นอยู่ จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นและร้องออกมา

ในเวลาเดียวกันคนอื่นๆที่กำลังสนใจอยู่กับการตามรอยเป้าหมายก็รู้สึกตกใจที่มาเจอเข้ากับทีมปฏิบัติการ

“ไอ้เจ้าพวกนี้มันใครกัน? พวกเขา… ใช่พวกเราไหม?”

“เฮ้! พวกนาย…?”

ชายคนหนึ่งที่กำลังจะถามออกมาได้ชะงักไป นี่มันเพราะว่าพวกเขาได้เห็นชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มกำลังมองมาที่พวกเขา และหญิงสาวผมชมพูที่กำลังอุ้มเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกเอาไว้

“อ่า เวรเอ้ย!”

หนึ่งในชายพวกนั้นได้สบถออกมา พวกเขาไม่จำเป็นต้องถามเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ในสายงานของพวกเขาได้เจออยู่บ่อยครั้ง กลุ่มนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมาหยุดพักที่นี่และเจอเข้ากับเด็กสาว

ชายคนนี้ได้เข้าใจสถานการณ์ไปผิดเองแล้ว และจากนั้นก็เกาหัวออกมา

“ให้ตายสิว่ะ?”

“เราควรจะทำยังไงดี?”

ซอลจีฮูได้กัดฟันขึ้นมา ความขัดแย้งอันซับซ้อนระหว่างมนุษยชาติกับสหพันธรัฐทำให้เขาอยากจะบ้า เพราะงั้นการได้มาเห็นกลุ่มคนโง่ที่รู้จักแต่เติมเต็มความโลภของตัวเองจึงทำให้เขารู้สึกรังเกียจ

“อะไรกัน ทำไมจู่ๆเราถึงหยุดล่ะ? หืม?”

ในตอนนั้นเองเสียงดังลั่นก็ดังออกมาจากด้านหลังของกลุ่ม ชายคนที่เม้มปากอยู่ได้รีบมองไปด้านหลัง

“หัวหน้า! คือ…”

“อะไรเนี้ย? ใครแย่งตัวเธอไป?”

ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยได้เดินออกมาข้างหน้า ไม่เพียงแค่เขาจะมีพุงยื่นออกมาเท่านั้น แต่ว่าที่คอของเขายังมีชั้นไขมันปกคลุมไปจนมองไม่เห็นคางอีกด้วย

จากนั้นสายตาของซอลจีฮูก็ได้มองไปที่จุดๆหนึ่ง ด้านหลังของชายที่ถูกเรียกว่าหัวหน้ามีเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกที่ดูคล้ายกับเฮเรียวอยู่

เธอยังสวมเสื้อผ้าตามปกติ และดูจะไม่ได้รับความยากลำบากสักนิดเลย ยังไงก็ตามมีผ้าสีขาวพันเอาไว้อยู่ที่ปากของเธอ

“เฮย่า!”

ตัดสินจากเสียงร้องที่เป็นห่วงแล้ว เธอคนนั้นคงจะเป็นน้องสาวของเฮเรียว

“อื้ออ! อื้อออ!”

เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกที่ถูกมัดไว้ได้ส่งเสียงออกมาเต็มกำลัง และดิ้นรนออกมา

คนกลุ่มนี้มีทั้งหมด 42 คนตามที่คาซุกิบอกเป๊ะๆ มันดูไม่เหมือนว่าพวกเขาจะยอมปล่อยตัวเด็กมาง่ายๆแน่ ซอลจีฮูที่รู้สึกว่าอาจจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นได้จับหอกเอาไว้แน่น

จากนั้น…

‘หืมมม ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน…’

หัวหน้ากลุ่มได้ลูบคออ้วนๆของเขา เขาเข้าใจสถานการณ์แล้ว แต่ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงได้เผยความเป็นศัตรูออกมาแบบนี้

‘ก็ไม่ได้ดูพิเศษเลยนะ…’

เขารู้ดีว่าไม่อาจจะตัดสินหนังสือจากแค่หน้าปกได้ แต่ว่าชายตรงหน้าใส่แค่อุปกรณ์ทั่วไปที่หาได้ตามร้านค้า เขาดูจะไม่ได้มีฝีมือเท่าไหร่เลย

ยังไงก็ตามบรรยากาศมันดูแปลกๆ พวกเขามีคนมากกว่าสี่สิบคน แต่อีกฝ่ายมีแค่สิบคนเท่านั้นเอง หากไม่นับคนขับรถม้าจำนวนคนก็จะลดลงไปเหลือแค่แปดคน

ปัญหาคือพวกนั้นกลับไม่ได้ดูกังวลเลยสักนิด จริงๆแล้วฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะดูถูกพวกเขาอีกด้วย

‘พวกเขาใช่พวกลักลอบที่เป็นกลุ่มชั้นสูงขนาดเล็กหรือเปล่านะ? หรือว่า… หืม?”

เมื่อหัวหน้ากลุ่มได้เห็นผู้หญิงผมสีชมพูกำลังอุ้มเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกเอาไว้ ต่อมายิ่งเมื่อได้เห็นสายตาเย็นชาจากคาซุกิ เขาก็อ้าปากค้างออกมา

“นะ นายคือ…”

ยังไม่เพียงเท่านั้น

หญิงสาวที่กำลังใส่ชุดคลุมนักบวชสีขาว แต่ว่าถือไม้กระบองที่น่ากลัว

ชายผิวดำที่ถือง้าวอันงดงามที่ดูไม่เข้ากับหน้าตาของเขาเลยสักนิด

แล้วก็ยังมีนักธนูผมสีเทาที่ดูคล้ายกับหมาป่าหิมะ

‘อย่าบอกนะว่า’

เมื่อสายตาของเขาได้มองมาที่หญิงสาวผมแดงที่กำลังหาว และเลียริมฝีปากหนึ่ง ความคิดที่เหมือนกับสายฟ้าฟาดก็ได้เข้ามาในหัวของเขา

ลมหายใจของเขาได้หยุดลงไปในทันที

‘ไม่มีทางน่า!’

“ส่งเธอมา”

ขณะที่หัวหน้ากลุ่มคิดว่า ‘ทำไมพวกเขามาอยู่ที่นี่?’ ซอลจีฮูก็ได้พูดขึ้น พวกลักลอบได้มองตากันเอง

“อะไรนะ? ส่งเธอมางั้นหรอ?”

“ฮ่าห์! นี่คือสิ่งที่นายควรจะพูดงั้นหรอ?”

เสียงหัวเราะได้ดังลั่นออกมา จากนั้นชายคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น

“ดูเหมือนนายจะอยู่ในสายงานเดียวกันนะ นี่นายไม่มีจิตสำนึกหน่อยหรอ?”

ม่านตาซอลจีฮูได้หม่นหมองลงไป เขาได้ถามออกไปเพื่อให้มั่นใจก่อนจะแสดงพลัง แต่มันก็เป็นอย่างที่คิดไว้

“โอ้ นายเห็นเด็กนี่ไหม?”

ชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซอลจีฮูได้ยกเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกขึ้นมา และเขย่าเธอเบาๆ

“พวกเราได้ไล่ตามมนุษย์สัตว์สารเลวที่เราโชคดีจับมาได้มา แล้วทำไมนายไม่ส่งเธอมาให้เราล่ะ?”

“ซอลไม่ต้องฟังพวกเขาอีกแล้วล่ะ เรามา…”

คาซุกิได้กระซิบออกมาจากด้านหลัง

“นายก็เป็นเหมือนพวกเรา เพราะงั้นนายก็น่าจะรู้กฎนะ พวกเรายอมรับว่านายจับพวกเธอให้เรา ใช่ไหมล่ะ? นายก็รู้นี่ว่าจะต้องทำยังไง”

คาซุกิพูดถูก คุยกับคนพวกนี้ไปก็ไม่ได้อะไร

ซอลจีฮูได้โน้มตัวออกไปข้างหน้า เขาได้ดึงพลังมานาไปเสริมกำลังที่ขาของตัวเอง

“รีบส่งเธอมาได้แล้ว เพราะงั้นเราจะได้คุยเรื่องส่วนแบ่ง-“

ปัง ปัง ปัง!

ต่างหูเฟสติน่าได้ถูกใช้งานสามครั้ง ซอลจีฮูได้ทีบตัวออกไปโดยที่มีพลังสายลมรุนแรงปกคลุมร่างอยู่

ในเสี้ยววินาทีนั้นซอลจีฮูก็ได้เบิกตากว้าง มันก็เพราะว่าหัวหน้ากลุ่มได้มาขวางหน้าเขาไว้ ราวกับว่าการเคลื่อนไหวนี้ถูกมองออก

ไม่สิ-

‘เดี๋ยวก่อน’

หัวหน้ากลุ่มไม่ได้เล็งมาที่เขา ฝ่ามือของหัวหน้ากลุ่มได้ฟาดไปที่หลังของชายที่กำลังตะโกนออกมา ซอลจีฮูได้รีบชะงักเท้าไป

ครืดดด-

ส้นเท้าของเขาได้จมลึกลงไปในดินพร้อมทั้งทิ้งรอยยาวเอาไว้ และซอลจีฮูก็ฝืนหยุดแรงพุ่งเอาไว้ได้

“แกมันไอ้เวรเอ้ย!”

หัวหน้ากลุ่มได้ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าร้อนรน ชายคนที่ถูกตบทิ่มได้เงยหน้าขึ้นมาอย่างสับสน เขาตกใจที่เห็นซอลจีฮูอยู่ตรงหน้าเขา แต่ที่ยิ่งทำให้เขาสับสนไปอีกคือเขาถูกฟาด

“หะ หัวหน้า…?”

“อะไรอีกล่ะ? ส่งเธอไป? ส่วนแบ่ง? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน!? แกอย่างจะเป็นหัวหน้าหรอห๊ะ!?”

ในตอนนี้หัวหน้ากลุ่มกำลังชี้ไปที่ชายคนนั้นและตะโกนออกมา จากนั้นอาจจะเพราะเขารู้สึกได้ถึงสายตาของซอลจีฮู เขาจึงรีบหันมา

อาการหอบของเขาได้เบาลง และรอยยิ้มอบอุ่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“ไอหย๊าาา~ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เพราะผมไม่อบรมลูกน้องให้ดี… ฮ่าฮ่า”

เขาได้ถูมือเข้าด้วยกัน และยิ้มประจบออกมา ซอลจีฮูได้แต่กระพริบตานิ่งๆ

“อ่า! รอเดี๋ยวนะครับ เฮ้! ส่งเธอไปเดี๋ยวนี้! อย่าจับเธอแบบนั้นสิ! ฉันบอกให้ให้เกียรติแล้วก็เคารพเธอไง!”

“ตะ ตอนนั้น….”

“หุบปาก! นายกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงยังไม่ส่งเธอให้ท่านสุภาพบุรุษท่านนี้อีก!!?”

หัวหน้ากลุ่มแทบจะกระชากเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกมาจากคนที่จับเธอเอาไว้

“ไอหย๊าาา~ คือเราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้นะ”

เขาได้รีบเอาผ้าที่พันปากของเธอออกจากนั้น-

“แกมันปีศา… อุ๊ป!”

เขาได้มัดปากของเธอเอาไว้อีกครั้งเมื่อเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกจะพูดออกมา

“อื้อออ! อื้อออออ!”

หัวหน้ากลุ่มได้หันมองซอลจีฮูก่อนจะรีบแก้มัด และส่งเธอออกไปด้วยความเคารพ

“รับไปเลยครับ! เราไม่ได้ทำอะไรกับเธอจริงๆนะ เธอยังปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนใดๆ! เราไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่ปลายขนเลย!”

“…”

“เชิญเลยครับ เธอเป็นของคุณแล้ว! ฮ่าฮ่า!”

ซอลจีฮูได้ผงะไปอย่างชัดเจน หากว่าพวกเขาใช้น้องสาวของเฮเรียวเป็นตัวประกัน สิ่งต่างๆก็อาจจะยาลำบากขึ้นมาได้ เพราะงั้นเขาจึงคิดว่าจะพาเธอกลับไปก่อนที่จะทำอะไรอีก

เขาเคยคิดเอาไว้ว่าจะได้ยินคำพูดอย่าง ‘นายพล่ามไร้สาระอะไรกัน?’ หรือว่า ‘ส่งเธอมา? นายมันบ้าหรือป่าวว่ะ? เฮ้ ฆ่าพวกมันให้หมด!’

‘…อะไรเนี้ย?’

เขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะส่งเธอมาง่ายแบบนี้ พูดตรงๆแล้วเขาทึ่งไปเลย

ซอลจีฮูได้จ้องมองหัวหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมา

‘ขอล่ะ ขอเถอะนะ…!’

ดวงตาของหัวหน้าได้ขยับไปมาอย่างรวดเร็ว สมาชิกทุกคนที่อยู่ข้างหลังของชายหนุ่มต่างก็กอดอกมองดูพวกเขาอย่างขบขัน

หัวหน้ากลุ่มได้ตัวสั่นขึ้นด้วยความกลัว ยิ่งเมื่อเขาสบตากับชายหนุ่ม

เขาได้คุกเข่าลงไปในทันที

“ขออภัยด้วย!”

ตึง เขาได้ก้มหน้ากระแทกกับพื้น

“ผมยอมรับความผิด! ผมถูกเงินบังตา… ได้โปรดอภัยให้ผมสักครั้ง!”

ฮือฮา ฮือฮา

เสียงของลูกน้องได้ดังขึ้นมา

จากนั้นฟีโซราก็ระเบิดหัวเราะออกมา

“ไอหย๊าา~! ตาแก่นี่มัน! เขานี่ช่างรู้จักอ่านบรรยากาศจริงๆเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็คงจะไม่ถูกฆ่าได้ง่ายๆสินะ!”

“ฮ่าฮ๋า ครับ ครับ…”

ซอลจีฮูได้ถอนหายใจออกมา เขาก็เคยรู้สึกแบบนี้ในระหว่างงานจัดเลี้ยง แต่ว่าจะมีคนที่คุยกันเข้าใจกับคนที่คุยกันไม่เข้าใจ ชายตรงหน้าเขาดูเหมือนจะเป็นอย่างแรก

“นายคงจะทำแบบนี้บ่อยๆสินะ”

หัวหน้าได้ผงะไป

“มะ ไม่ ไม่เลยครับ… ผมทำมันเป็นบางครั้ง… นานๆครั้งเลย…”

“…”

“นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ผมทำสำเร็จ! ฮ่าฮ่า…”

ซอลจีฮูได้มองลงไปที่ชายร่างท้วมอย่างเย็นชา เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกก็ยังส่งเสียงดังออกมา ซอลจีฮูได้กอดเธอเอาไว้ จากนั้นก็ลูบหลังเธอ เด็กสาวก็ไม่ได้ขัดขืนเหมือนกับเธอรู้ว่าซอลจีฮูกำลังช่วยเธอ

ซอลจีฮูได้พูดขึ้น

“อย่าได้ทำอะไรแบบนี้อีก”

หัวหน้าได้เงยหน้าขึ้นมา

“หมายความว่า!”

“ถ้าฉันจับได้ว่านายกำลังทำแบบนี้อีก…”

“นะ แน่นอนครับ! ผมจะลามือและไม่มายุ่งกับสายงานนี้อีก! ผมไม่รู้เรื่องของพวกข้างหลัง แต่ว่าผมสาบานว่าจะไม่ทำมันอีก!”

ตึง ตึง ตึง หัวหน้ากลุ่มได้โขกหัวกับพื้นซ้ำๆจนกระทั่งหน้าผากของเขามีเลือดไหลออกมา

การกระทำของคนๆนี้ได้ทำลายความคิดที่จะสู้ของซอลจีฮูไป และเขาได้หันหน้ากลับไป

“นายสัญญาแล้วนะ”

“ครับ”

“ไปได้แล้ว”

“ขอบคุณครับ! ขอบคุณที่ไว้ชีวิตผม”

หัวหน้ากลุ่มได้รีบลุกขึ้นมา

“ซอล นี่แหละปัญหาของนาย นายใจดีเกินไป”

“แน่นอนเลย นี่เป็นโอกาสดีที่จะทำเงินเลยนะ พวกเรายังมีความชอบธรรมอีกด้วย กรี๊ดดด ลองคิดดูสิว่าหากเขาปล้นของพวกเขามา แล้วก็เอาไปขาย…”

เสียงพึมพำได้ดังออกไปไกลจนทำให้หัวหน้ากลุ่มตัวสั่น เขาได้รีบหนีไปโดยไม่สนใจลูกน้องเลยสักนิด

“อะ อะไรกัน?”

“ทำไมหัวหน้า…”

เหล่าลูกน้องได้พึมพำออกมาแค่ครู่เดียวเท่านั้น บางคนที่มีไหวพริบได้รีบวิ่งออกไป ส่วนคนที่เหลืออยู่ก็เริ่มเข้าใจบรรยากาศ และเริ่มหนีไป

“ช่างเสียเปล่า ช่างเสียเปล่า!”

โชฮงได้เม้มปากลูบแท่งเหล็กหนามของเธอเอาไว้

***

หลังจากพวกลักลอบหนีไปหมดแล้ว…

“เฮย่า…”

“พี่สาว!”

พี่น้องได้กอดกันอย่างยินดี ส่วนซอลจีฮูได้ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นใจ จากนั้นเขาก็หันไปมองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา คาซุกิที่มักจะเย็นชาได้หัวเราะออกมา

“อะไรหรอครับ?”

“อ่า”

คาซุกิได้มองไปทางที่พวกลักลอบที่หนีไปโดยที่ยังยิ้มอยู่

“ฉันก็ยังคิดว่าเขาก็ยังเป็นเหมือนเดิมเลย ฉันหมายถึงหัวหน้าคนนั้นน่ะ”

“คุณรู้จักเขาหรอครับ?”

“แค่เคยเห็นหน้าน่ะ เรามาจากพื้นที่เดียวกัน เพราะเขาเลยทำให้บทฝึกสอนค่อนข้างจะสนุกมากเลย”

“หืม… เขาเป็นคนแบบไหนหรอครับ?”

คาซุกิได้ใช้นิ้วแตะตาของเขา

“เป็นคนเฉียบคม”

“?”

“เขาเป็นคนที่อ่านบรรยากาศได้ดีมาก ความสามารถในการตัดสินใจสถานการณ์อย่างเฉียบพลันของเขาก็่นากลัวเหมือนกัน เขาได้ผ่านบทฝึกสอนกับเขตพื้นที่เป็นกลางด้วยแค่ความสามารถนี้เพียงอย่างเดียว”

ซอลจีฮูได้เอียงหัวออกมา เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะแสดงออกไปขนาดนั้น แน่นอนว่าเขาคิดไว้ว่าจะโยนหอกออกไปในทันทีที่ได้ตัวน้องสาวของเฮเรียวมา ชายคนนั้นมองออกได้ยังไงกัน?

‘น่าสนใจ’

บางทีฉันควรจะใช้นพเนตรดูสีของเขาดู

ซอลจีฮูได้ส่ายหัวออกมา จากนั้นเขาก็หันไปหาเทเรซ่าที่กำลังคุยอยู่กับคริสตัลสื่อสาร

เขาได้ปล่อยสองมนุษย์จิ้งจอกไว้ให้กับเทเรซ่าดูแล เนื่องจากว่าการเข้าไปในเขตของสหพันธรัฐอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ เทเรซ่าจึงแนะนำให้พวกเขาติดต่อฝ่ายนั้นก่อนที่จะข้ามเขตพรมแดนไป

ในเมื่อเทเรซ่าได้ติดต่อกับสหพันธรัฐแล้ว มันก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรให้พวกเขาปฏิเสธ มีเพียงแค่ความลำบากเดียวเท่านั้นก็คือพวกเขาต้องติดต่อหาสหพันธรัฐผ่านทางราชวงศ์

“ค่ะ ค่ะ พ่อ หืม…? หลับ?”

ในตอนนั้นเองจู่ๆเสียงของเทเรซ่าก็ดังขึ้นมา

“นี่พ่อหมายความว่า… ค่ะ”

หลังจากนั้นไม่นาน…

“เข้าใจแล้ว… ขอบคุณนะคะพ่อ”

เทเรซ่าได้วางสายไป และลุกขึ้นยืน

“พ่อบอกว่าพ่อได้แจ้งสถานการณ์กับสหพันธรัฐแล้ว เนื่องจากว่าสหพันธรัฐได้บอกมาว่าพวกเขาจะติดต่อกับรักษาการที่พรมแดน เราก็น่าจะเข้าไปได้แล้ว”

“แล้วเราสัญญากันว่าจะไปเจอกันที่ไหนหรอ?”

“ไม่ พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะมาหาเราเมื่อเราเข้าไปในเขตของพวกเขา แล้วก็…”

เทเรซ่าได้ถอนหายใจยาวออกมา เธอดูจะลังเลใจก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“เขาบอกว่าเราจะต้องห้ามหลับจนกว่าจะเจอพวกเขา”

“…อีกแล้วหรอ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่คือสิ่งที่สหพันธรัฐบอกมา พวกเขาได้ถามว่าเราได้ติดต่อกับเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกหรือยัง จากนั้นก็บอกไม่ให้เราหลับจนกว่าพวกเขาจะเจอเรา…”

เทเรซ่าได้หยักไหล่ออกมาโดยบอกว่าพวกเขาก็ไม่ได้อธิบายว่าทำไม

ซอลจีฮูได้หยักหน้าออกมา

“เอาเถอะ ฉันมั่นใจว่าพอเจอพวกเขาแล้วเดี๋ยวพวกเขาก็บอกเราเองแหละ พวกเราก็แค่ต้องห้ามนอนจนกว่าจะเจอพวกเขาใช่ไหม?”

ดวงตาเทเรซ่าได้โค้งออกมาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

“ใช่แล้ว ห้ามหลับ”

“เข้าใจแล้ว”

“ห้ามเด็ดขาด เราต้องห้ามหลับเด็ดขาด”

เมื่อเธอได้ย้ำมันออกมาอีกครั้ง ซอลจีฮูก็ชะงักไป เขาได้มองกลับไปที่เธอและเห็นว่าสีหน้าเคร่งเครียดของเธอได้หายไป และถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

“…เจ้าหญิง?”

ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าช่วงนี้เจ้าหญิงสงบเกินไป…

“อะไรล่ะ? ฉันก็แค่บอกว่าเราจะหลับไม่ได้เท่านั้นเอง นายคงจะไม่ได้จินตนาการอะไรแปลกๆใช่ไหม?”

ซอลจีฮูได้จ้องเธอนิ่งๆ แต่ว่าเทเรซ่าก็ยังพูดต่อไปอย่างไร้เดียวสา

“ยังไงก็ตาม อย่าหลับนะ”

“…”

“แต่ว่าถ้านายคิดว่านายกำลังจะหลับก็บอกฉันได้เลย ฉันยินดีจะช่วยนาย เข้าใจนะ?”

เทเรซ่าได้หลับตาลงจากนั้นก็หงายมือขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ซอลจีฮูได้ถอนหายใจออกมา

“เจ้าหญิง”

“ว่าไง พูดมาได้เลย”

“ได้โปรดอย่ามองผมแบบนั้น”

เทเรซ่าได้สะดุ้งเล็กน้อย พร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง

“โอ้~”

เทเรซ่าผิวปากออกมา

“นายนี่ยอดเยี่ยมไปเลย!”

“นี่เธอหมายความว่ายังไงกัน?”

ซอลจีฮูได้ส่งเสียงฮึ่มออกมา ก่อนจะเดินไปที่รถม้า

***

อีกด้านหนึ่ง

“อะ อะไรนะ?!”

หนึ่งในพวกลักลอบได้เด้งตัวด้วยความตกใจจากคำอธิบายของหัวหน้า

“ตะกี้ว่ายังไงนะ? นั่นคือคาเพเดี่ยม?”

หัวหน้าที่กำลังหอบหนักได้ขมวดคิ้วและตะโกนออกมา

“เออสิ! ยังจะต้องให้ฉันบอกแกอีกกี่ครั้ง?!”

“ทำไมคาเพเดี่ยม…”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง!? ฉันก็มั่นใจอยู่ครึ่งหนึ่งตอนเห็นคาซุกิ แต่ว่านั่นเป็นคาเพเดี่ยมแน่ๆ!”

จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่ลูกน้องของเขาที่กำลังทำสีหน้าแบบเดียวกันหมด

“ไอ้พวกสารเลว! พวกแกไม่รู้อะไรเลยงั้นหรอ? ก่อนหน้านี้มันอะไรกันนะ? แกบอกว่าฉันบ้าหรอ? เออสิไอ้เวร! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันพวกแกได้ตายกันไปหมดแล้ว! รู้กันเอาไว้ด้วยนะ!”

“…”

“ฟู่ววว หัวใจจะวาย คาซุกิกับนักธนูเหล็กกล้า ยัยปากเสีย แล้วกระทั่งยัยบ้า…”

หัวหน้ากลุ่มได้พึมพำกับตัวเองก่อนจะถอนหายใจและขมวดคิ้วขึ้น

“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมคาซุกิถึงได้อยู่กับคาเพเดี่ยมล่ะ? แล้วก็ผู้หญิงผมชมพูคนนั้นเป็น…”

“แต่ว่านี่ก็น่าอายจริงๆ เรามีคนมากกว่า หากว่าพวกเราจับใครสักคนมาเป็นตัวประกัน พวกเราก็อาจจะหนีไปได้นะ…”

เมื่อหนึ่งในลูกน้องของเขาพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย หัวหน้าก็รีบสะบัดหน้ามา

“ไอ้โง่เง่าเอ้ย! นี่แกยังจะพูดแบบนั้นอีกหรอ?!”

หน้าอกของเขาได้ขยับอย่างรุนแรง และพูดออกมาโดยความโกรธ

“ไอ้โง่! แกมันไร้สมอง! หัดใช้หัวสะครั้งเถอะนะ! แกไม่รู้หรอว่าชายคนนั้นคือใคร?”

“คนที่ใช้หอกหรอ?”

“ใช่แล้ว! ถ้าพวกเขาคือคาเพเดี่ยม แล้วนายคิดว่าเขาเป็นใครล่ะ?”

ใบหน้าของชายคนนั้นได้แข็งทื่อไปในทันที จากนั้นเขาก็พูดติดอ่างไปราวกับในที่สุดก็นึกอะไรได้

“ยะ อย่าบอกนะว่า…”

“วีรบุรุษสงครามแห่งฮารามาร์คไง! จะเป็นใครไปได้อีก!?”

เสียงกลืนน้ำลายได้ดังออกมาจนทั่ว

“เขาคือคนที่ฆ่าความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ที่เป็นที่รู้จักดีว่าคือผู้บัญชาการกองทัพที่แกร่งเป้นอันดับสอง! จับเขาเป็นตัวประกันงั้นหรอ? ได้เลย ฉันมั่นใจว่านายได้ไปยมโลกแน่!”

“…”

“แล้วก็นะผู้หญิงหัวชมพูก็น่าจะเป็นเจ้าหญิงแห่งฮารามาร์ค เทเรซ่า ฮัสเซย์ หากทำพลาดไปแม้แต่นิด เราทุกคนได้ติดหมายจับกันแน่! ต่อให้จะหนีรอดมาได้ แต่ว่าเราก็จะต้องใช้ชีวิตแบบโจรไร้บ้านไปชั่วชีวิต!”

เมื่อความกลัวได้เริ่มเข้ามาปกคลุม หัวหน้าก็ได้เริ่มวิ่งอีกครั้ง เขาอยากที่จะหนีออกไปให้ไกลจากพื้นที่อันตรายที่สุด เขารู้สึกว่าเขาจะไม่อาจสงบใจได้เว้นแต่จะไปถึงอีวาแล้ว

เหล่าลูกน้องได้ไล่ตามหัวหน้าไป แล้วถามออกมา

“แล้วเราจะเอายังไงต่อครับ?”

“อะไรอีกล่ะ?”

“พวกเราจะวางมือกันหรอครับ? หัวหน้าแค่ล้อเล่นใช่ไหม?”

“แน่่นอนสิ ฉันกำลังจะวางมือแล้ว!”

หัวหน้าได้ตะโกนออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด

“จริงหรอครับ?”

“ใช่สิ ตัดสินจากการคุยกันสั้นๆ ชื่อเสียงของเขามันคือความจริง ผู้คนได้บอกว่าเขาได้ไปทั่วทั้งสนามรบเหมือนกับปีศาจ ฉันมีความรู้สึกว่าหากฉันทำอะไรแบบนั้นอีก เขาก็จะไล่ล่าฉันเหมือนปีศาจ”

หัวหน้าได้ส่ายหัวออกมาราวกับจะสลัดความกลัวทิ้งไป

“ยังไงก็ตาม ฉันเลิกแล้วล่ะ! พวกแกก็ทำตามใจไปเถอะ! แต่ว่าถ้าตายก็อย่ามาโทษฉันแล้วกันนะ!”

หลังจากตะโกนออกมาแบบนั้นแล้ว หัวหน้าก็ปัดฝุ่นจากมือและวิ่งหนีไป

***

ในเวลาเดียวกัน

ปีศาจคนที่หัวหน้ากำลังพูดถึงอยู่กำลังเล่นอยู่กับเด็กทั้งสองคน

เสียงร้องกับเสียงหัวเราะได้ดังออกมาไม่หยุดจากในรถม้า

“เอาอีกๆ!”

“นั่นมัน? ฟองนั่นมันยังไงกัน?”

“อื้อ! ฟู่- นี่!”

เฮย่า น้องสาวของเฮเรียวได้โห่ร้องพร้อมทั้งปรบมือออกมา

ซอลจีฮูได้หยิบเอาหมากฝรั่งออกมาจากกระเป๋า และใส่มันเข้าไปในปาก เฮย่าดูน่ารักยิ่งกว่าพี่สาวของเธอซะอีก

แถมเธอยังดูกระตือรือร้นยิ่งกว่า ถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะหนีมาจากการจับกลุ่มของพวกลักลอบได้ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ดูหวาดผวาเลยสักนิด และบางทีอาจจะเพราะว่าเธอรู้ว่าพวกเขาช่วยเธอไว้ เธอก็เลยไม่ได้สงวนท่าทีอะไรไว้

เพราะแบบนี้ทำให้เธอสนิทกับซอลจีฮูอย่างรวดเร็ว

“ฟู่-“

เมื่อซอลจีฮูเป่าหมากฝรั่งเป็นฟองออกมาอีกครั้ง หางของเด็กสาวมนุษย์สัตว์ทั้งสองคนก็ส่ายไปมาเบาๆ พวกเธอกำลังตั้งตาคอยให้ฟองหมากฝรั่งมีขนาดใหญ่ขึ้นก่อนที่จะใช้นิ้วจิ้มมันเมื่อมีขนาดพอประมาณ

โป๊ะ! ฟองหมากฝรั่งได้แตกและเลอะอยู่เต็มใบหน้าซอลจีฮู

“อ๊าา แตกอีกแล้ว!”

เมื่อซอลจีฮูลูบคลำไปที่ใบหน้าของเขา เด็กสาวทั้งสองคนก็หัวเราะออกมา

“ฮิฮิ! คุณโง่จัง!”

“โง่เง่า! มอนสเตอร์โง่เง่า!”

“อะไรนะ? มอนสเตอร์โง่เง่า?”

ซอลจีฮูได้จงใจขึ้นเสียงออกมา และชี้นิ้วมาที่ตัวเอง

“ก็ได้ ฉันเป็นมอนสเตอร์โง่เง่า!”

จากนั้นเมื่อเขาทำเสียง ‘กรรร!’ และกระโจนเข้าไปจั๊กจี้เด็กสาวทั้งสองคน เฮเรียวกับเฮย่าก็บิดตัวดิ้นหัวเราะไปมา

กรี๊ดดด! กรี๊ดดด!

ซอลจีฮูกับสองพี่น้องมนุษย์จิ้งจอกได้ต่อสู้กันภายในรถม้า

“…น่าทึ่งจัง!”

เทเรซ่าที่ถูกสองพี่น้องขโมยที่นั่งไปอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อเธอได้เห็นทั้งสามคนเล่นกัน

“เขาเข้ากับเด็กดีขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ…?”

“มันก็ชัดอยู่แล้วนี่”

ฟีโซราก็ได้แค่นเสียงออกมา

“มันก็แค่เด็กที่โตกว่ากำลังเล่นกับเด็กเล็กๆเท่านั้นเอง เธอก็รู้นี่ว่าเด็กๆนะเล่นด้วยกันได้ดี”

“…”

เทเรซ่าได้ยิ้มแห้งๆออกมาโดยไม่อาจจะคิดเถียงกลับไปได้เลย