บทที่ 209 – ล่าทาส (3)
เงาสั้นๆได้พุ่งออกมาจากหญ้าที่สั่นไหว ซอลจีฮูได้หันไปมองพร้อมทั้งง้างแขนไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ
‘อึก!’
ขณะที่เขากำลังจะขว้างหอกออกไป เขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น
นั่นเพราะแสงแดดได้สาดส่องลงมาที่ดวงตาเขาราวกับรอเวลานี้อยู่
และเพราะความเร็วของเงาลึกลับมันเร็วเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ทำให้เขามองมันไม่ชัดเลย
บางอย่างสีดำได้พุ่งผ่านสายตาเขาไป นี่คือข้อมูลเดียวที่เขารวบรวมมาได้ในตอนนี้
ต่อมา มาแชล จิโอเนียก็ได้หรี่ตาไล่ตามเป้าหมาย และเตรียมจะยิงหน้าไม้ออกไป
ยังไงก็ตามเทเรซ่าได้เบิกตากว้างขึ้น
“เดี๋ยวก่อน!”
เทเรซ่าได้ยืดแขนออกไปพร้อมๆกับเสียงร้องแหลมสูง
ฟื้ว!
“อ๊ะ!”
มาแชล จิโอเนียได้พึมพำขึ้นหลังจากยิงลูกหน้าไม้ออกไปสี่นัด แต่ว่าเพราะจู่ๆเทเรซ่าได้ผลักเขา ทำให้ตัวเขาเสียสมดุล และเป้าที่เล็งไว้ก็พลาดไป
“เธอ-!”
มาแชล จิโอเนียได้กัดฟัน และมองกลับไปที่เทเรซ่า จากนั้นเอง
“อ๊าา!?”
จู่ๆเสียงที่เหมือนกับเด็กก็ดังออกมาจากด้านบน
ร่างที่กำลังพุ่งผ่านอากาศไปได้ดิ้นออกมาก่อนจะล้มลงไป แม้ว่าลูกหน้าไม้จะพลาดเป้าไป แต่ว่าลูกหน้าไม้เหล่านั้นก็ได้เกิดเป็นตาข่ายสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเงาเอาไว้ได้
เป้าหมายได้พยายามจะเปลี่ยนทิศทางอย่างกระทันหัน แต่แล้วก็ล้มเหลว และล้มลงไปแทน
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังมองเทเรซ่าอย่างตกใจ เขาก็หันไปเหลือบมองตามเสียง-
“อ๊าา… อู้ววว…”
“?”
เขารู้สึกไม่มั่นใจในสิ่งที่เห็น คิ้วของเขาได้ขมวดขึ้น และเริ่มมองดูใบหน้าของสิ่งที่กำลังสะอื้นออกมาอยู่
อย่างแรกเลยมันดูเหมือนจะสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร ตัดสินจากมือเท้าเล็กๆน่ารักแล้ว มันคงเป็นเด็กอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ปัญหาก็คือตรงนี้
“บ้าอะไรเนี้ย?”
โชฮงได้โพล่งออกมาราวกับเธอหมดความสนใจ จากนั้นก็เดินเข้าไป
“คุณโชฮง! เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งเดินเข้าไป…!”
เทเรซ่าได้หยุดโชฮงเอาไว้ แต่ว่าโชฮงก็ยังคงเดินต่อไป เด็กสาวที่ครางออกมาคงจะรู้สึกถึงโชฮงที่กำลังเขาใกล้ทำให้เธอหันกลับมามองอย่างตกใจ
“มะ มนุษย์! ที่นี่ก็ด้วย…!”
ความสิ้นหวังได้ฉายชัดออกมาบนดวงตาเล็กๆของเด็กน้อย
“มะ ไม่…!”
เด็กน้อยได้ตะเกียดตะกายพยายามหนีไปให้มากที่สุด
‘เธอแค่ลุกขึ้นมาแล้วก็วิ่งหนีไปไม่ได้หรอ?’
เธอคงจะตกใจมากจนคิดอะไรไม่ออกสินะ เด็กสาวดูน่าสงสารมากๆ แต่ว่าโชฮงก็มองกลับไปอย่างไม่สนใจ หลังจากมองดูใบหน้ากับก้นของเด็กสาวแล้วก็มีแสงสว่างออกมาจากตาของเธอ
“ฮ่าห์! หูกับหาง?”
ใช่แล้วสิ่งที่ทำให้ทุกๆคนตกใจก็คือเด็กสาวนั้นมีหูที่ปกคลุมไปด้วยขมนุ่มๆ และหางฟูฟ่องที่ติดอยู่กับกางเกงของเธอ
“ไอหย๊า~ ใครจะไปคิดกันล่ะว่าฉันจะได้มาเห็นมนุษย์สัตว์ที่นี่?”
โชฮงได้อุทานออกมาอย่างตื่นเต้นก่อนจะจับเด็กที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นมา
“หวาาาา! หวาาาาาา!”
เด็กสาวมนุษย์สัตว์ที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัวได้ถูกยกขาลอยขึ้นมา
“อ๊า อยู่นิ่งๆสิ!”
เพราะว่าเด็กสาวได้ต่อต้านแรงกว่าที่เธอคิดเอาไว้ทำให้โชฮงขมวดคิ้วขึ้นมา และยื่นมือออกไป เมื่อเธอได้จับหางที่ตั้งแข็งของเด็กสาว เธอก็ได้หยุดต่อต้านไปในทันที
“อู๊….”
เธอได้ตัวสั่นขึ้นมาราวกับที่ไฟดูดก่อนจะทรุดตัวไป โชฮงได้หัวเราะออกมาอย่างงี่เง่า
“ฉันได้ยินมาว่าหางเป็นจุดอ่อนของมนุษย์สัตว์บางคน นี่มันคงจะจริงสินะ”
“แม่จ๋าาาา…”
หยดน้ำตาขนาดเท่าลูกปัดได้เริ่มไหลออกมาจากดวงตาที่หลับแน่นของเธอ
โชฮงได้ผงะไปเล็กน้อย เธอมองสถานการณ์นี้เพียงแค่ว่าเป็นการจับสัตว์ที่ขวางถนนเอาไว้เท่านั้นเอง
“แม่จ๋าาาาาาาาาาาาาาา…”
“…”
เธอได้รู้สึกเกียจตัวเองเล็กน้อย มันเหมือนกับว่าเธอได้กลายเป็นวายร้ายเกรดต่ำไปแล้ว
“ฉันบอกให้รอเดี๋ยวไง!”
น้ำเสียงเฉียบแหลมของเทเรซ่าได้ดังออกมาจากด้านหลัง น้ำเสียงของเธอดูจะโกรธมากๆ โชฮงที่เห็นเด็กสาวมนุษย์สัตว์ร้องไห้ออกมาก็ทำอะไรไม่ถูก
“ปล่อยหางเธอ! เดี๋ยวนี้เลย!”
เทเรซ่าได้รีบวิ่งออกไป และแย่งตัวเด็กสาวมาจากมือโชฮง
“ขอโทษนะ นั่นทำให้หนูกลัวหรอจ้ะ? ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ?”
เธอได้กอดเด็กสาวอย่างอ่อนโยน และค่อยๆปลอบเธอ แต่ว่าเด็กสาวที่อยู่ในสภาพตื่นกลัวไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะสงบออกมาเลย
เทเรซ่าได้กัดริมฝีปากเบาๆ จากนั้นก็มองย้อนกลับไปที่คาซุกิและถามออกมา
“คุณคาซุกิ เราอยู่ที่ไหนกัน? เราข้ามเขตพรมแดนมาแล้วหรอ?”
คาซุกิได้มองไปรอบๆ จากนั้นก็ตอบออกมา
“ผมไม่มั่นใจ จากพื้นที่โล่งกว้างแล้ว เราก็น่าจะอยู่ที่ใจกลางของเขตพรมแดน แต่พวกเรายังไม่ได้ข้ามเขตพรมแดนไป”
“งั้นเราก็ยังอยู่ฝั่งพรมแดนของมนุษย์สินะ”
“ใช่แล้ว”
คาซุกิได้ตอบกลับอย่างชัดเจน
เทเรซ่าได้ขบริมฝีปากของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเด็กคนนี้…”
คำพูดช่วงท้ายของเธอได้หายไป ก่อนที่เธอจะมองมาที่ทุกๆคนและกำลังจะตะโกนออกมา
“ฉันคิดว่าเราควรจะหยุดสักเดี๋ยว ก่อนอื่น-“
“เจ้าหญิง”
คาซุกิได้ขัดเธอขึ้น จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปข้างๆ
เทเรซ่าได้ร้อง ‘อ่า’ ออกมาเมื่อเธอหันไปเห็นซอลจีฮู
“ซอล…!”
ซอลจีฮูได้หลุดจากความสับสนจากเสียงเรียกของเธอ
เขาเคยแต่อ่านเรื่องของมนุษย์สัตว์จากตัวอักษรเท่านั้น นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นมนุษย์สัตว์ตัวเป็นๆ เขาได้มองดูเด็กสาวด้วยความสับสนมากๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆรวบรวมสติก่อนจะพูดออกมา
“เราจะหยุดพักกัน”
ทีมปฏิบัติการได้หยุดพักกันใกล้ๆกับรถม้า คาซุกิได้ยืนเฝ้าระวังไว้ ในขณะที่คนอื่นมารวมตัวกันมองดูเทเรซ่ากับเด็กสาวมนุษย์สัตว์
เทเรซ่าได้พาเด็กสาวมนุษย์สัตว์เดินห่างออกไปพอประมาณ ดูจากความกังวลของเด็กสาวแล้ว เทเรซ่าจึงตัดสินใจว่าการพาเธอออกห่างจากมนุษย์คนอื่นๆจะดีกว่า
“มนุษย์สัตว์… แล้วก็เด็กสาวมนุษย์สัตว์ซะด้วย ใครจะไปคิดกันล่ะ?”
มาแชล จิโอเนียได้พึมพำออกมาเหมือนกับว่าเขากำลังแก้ตัวอยู่
“เธอเร็วมากจากฉันคิดว่าเป็นแมวป่าซะอีก”
“เอาเถอะนะ มันก็ถูกแล้วล่ะที่เราจะระวังตัวไว้ มนุษย์สัตว์บางคนก็แกร่งตั้งแต่ที่ยังอายุน้อยๆ”
ฮิวโก้ได้แตะบ่ามาแชล จิโอเนียทั้งๆที่ยังแทะชิ้นเนื้ออยู่
“นี่เป็นครั้งแรกของนายหรอที่เห็นมนุษย์สัตว์?”
ฟีโซราได้สะกิดซอลจีฮูและถามออกมา ซอลจีฮูได้แต่หยักหน้าอย่างมึนๆ
“หยุดจ้องขนาดนั้นได้แล้ว นายคงไม่ได้อยากจะทำให้เธอกลัวหรอกนะ”
ฟีโซราพูดถูก ถึงเทเรซ่าจะพยายามเต็มที่แล้วที่จะปลอบเด็กสาว แต่ว่าสถานการณ์ก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเด็กสาวถึงตื่นตระหนกขนาดนี้ แม้ว่าเธอดูจะกลัวต่อมนุษย์จนมีอาการตัวสั่นออกมาอย่างชัดเจน
สิ่งเดียวที่เทเรซ่าทำได้มีแค่ทำให้เด็กสาวหยุดร้องไห้เท่านั้นเอง
ซอลจีฮูได้ล่ะสายตาจากเด็กสาวและถามออกมา
“เด็กคนนั้นเป็นเผ่าพันธุ์อะไรของมนุษย์สัตว์หรอ?”
“อืม… ฉันก็ไม่มั่นใจ เราไม่อาจจะบอกอะไรได้จากหูเลย แต่ว่าจากหางของเธอ…”
ฟีโซราได้เกาคอออกมา
“เธอมาจากเผ่าพันธุ์จิ้งจอก”
คนที่ตอบคำถามออกมาเป็นคนที่ซอลจีฮูคาดไม่ถึงเลย นั่นคือมาเรีย เธอได้เลียริมฝีปากและแอบเหลือบไปมองเด็กสาวมนุษย์สัตว์เป็นระยะ
“เผ่าจิ้งจอก?”
“ชาวโลกเรียกพวกเขาว่ามนุษย์จิ้งจอก เนื่องจากว่าพวกเขาดูเหมือนกับจิ้งจอก จึงมีชื่อเรียกเป็นทางการว่าวูลเปส และด้วยเอกลักษณ์พิเศษที่มีเก้าหาง จึงทำให้พวกเขาก็ยังถูกเรียกว่าจิ้งจอกเก้าหางอีกด้วย”
ดวงตาของซอลจีฮูได้เบิกกว้างขึ้นมาเมื่อได้ยินคำอธิบายนี้
“นี่คุณรู้มากจนน่าตกใจเลยนะ”
“ก็แน่นอนสิ!”
มาเรียได้ขึ้นเสียงออกมาก่อนที่จะทำนิ้วเป็นวงกลม จากนั้นก็ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
“มนุษย์สัตว์ร่ำรวย!”
“พวกเขา… ร่ำรวย?”
มาเรียได้หยักหน้าออกมาอย่างหนักแน่น
“ใช่แล้ว! โดยเฉพาะพวกมนุษย์จิ้งจอกที่มีจำนวนน้อยเป็นพิเศษ เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกงั้นหรอ? เธอเป็นเหมือนกับเช็คธนาคารเลยล่ะ ฟุฟุฟุ”
มาเรียได้หัวเราะอออกมาอย่างชั่วร้ายก่อนที่จะมองมาที่ซอลจีฮู เธอดูเหมือนจะกำลังถามว่า ‘ไงล่ะ? นายสนใจไหม?’
ใบหน้าซอลจีฮูได้บิดเบี้ยวออกมา นี่เธอกำลังแนะนำให้เขาจับเด็กสาวมนุษย์สัตว์คนนี้มาขายชัดๆ
‘ถ้างั้น… เราก็กำลังทำเหมือนกับเธอเป็นทาส’
สมองของซอลจีฮูไม่อาจจะยอมรับหรือเห็นด้วยกับมันได้ เขาเป็นคนที่เป็นพันธมิตรกับสหพันธรัฐแบบปริยายไปตั้งแต่แรกแล้ว
หากมีใครมาเห็นแบบนี้เข้า เขาก็ไม่สงสัยเลยว่าคนๆนั้นจะคิดยังไง จริงๆแล้วมันอาจจะเกิดปะทะกันเลยก็ได้
“ฉันหวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่นะ…”
คาซุกิได้พึมพำออกมาเบาๆทำให้ความไม่สบายใจของซอลจีฮูมีมากยิ่งขึ้น ซอลจีฮูได้ถามอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจ
“คุณคาซุกิ ผมอาจจะกังวลเกินไป แต่ว่า…”
“ใช่แล้วล่ะ”
คาซุกิได้ตอบกลับมาโดยยังไม่ล่ะสายตาไปจากเด็กสาว
“หากว่านายกำลังจะถามฉันเรื่องการลักพาตัวมนุษย์สัตว์ แล้วก็ขายพวกเขาเป็นทาสล่ะก็ คำตอบคือถูกต้อง”
ซอลจีฮูก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว แต่แทนที่จะพูดว่า ‘ไม่มีทาง’ เขากลับเงียบเอาไว้
มนุษย์กำลังเต็มใจที่จะทำลายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ใครบอกกันนะว่าพวกเขาไม่ได้ยุ่งกับสหพันธรัฐ?
“มันไม่ใช่มนุษย์สัตว์นะ คนแคระ แฟรี่ถ้ำ แฟรี่ท้องฟ้า และกระทั่งเทวดาตกสวรรค์ ฉันไม่ได้จะบอกว่าการล่าทาสมันแพร่หลาย แต่ว่าก็มีตลาดมืดรองรับมันอยู่ มันจึงเป็นธรรมดาที่จะมีพวกลับลอบคอยหาสินค้ามา”
“ไอ้สารเลวพวกนั้น…”
ซอลจีฮูได้กัดฟันแน่นออกมา มนุษย์ควรที่จะไปขอความร่วมมือกับสหพันธรัฐสิ แล้วเรื่องไร้สาระนี่มันอะไรกัน?
“ราชวงศ์รู้เรื่องไหม? หากว่าพวกเขารู้-“
“บางราชวงศ์ก็ต่อต้านการกระทำแบบนี้ และพวกเขาก็จะทำการลงโทษใครก็ตามที่ถูกจับได้ ฮารามาร์คเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี”
ซอลจีฮูได้หันไปมองเทเรซ่าโดยอัตโนมัติ ความพยายามของเธอดูเหมือนจะได้ผลแล้วเพราะเด็กสาวมนุษย์สัตว์กำลังอยู่ในอ้อมอกของเธออย่างสงบ ถึงเธอจะก้มหน้าลงด้วยสีหน้าหม่นหมองก็ตามที
“?”
“แต่ว่าราชวงศ์ที่อยู่ใกล้ชิดกับสหพันธรัฐมากที่สุดกับมีจุดยืนที่ต่างออกไปเล็กน้อย พวกเขาค่อนข้างจะ… ไม่แสดงออกในเรื่องนี้”
“?”
“พวกเขาเพียงแค่ออกกฎห้ามการกระทำนั้น… แต่ก็เท่านั้นเอง พวกเขาไม่ได้สนใจปัญหาเลยราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่”
“พวกเขาเมินเฉยกับปัญหา?”
“โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่ามีอยู่สองเหตุผล”
คาซุกิได้ค่อยๆอธิบายเหตุผลของเขาออกมา
“ราชวงศ์อีวามีอำนาจในการปกครองที่น้อยมากๆ คนทั่วไปมักจะมองอีวาว่าเป็นอาณาจักรในอุดมคติที่ชาวโลกกับราชวงศ์มีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน แต่ว่าพูดให้ถูกคือชาวโลกได้ควบคุมอำนาจไว้อย่างแน่นหนาแล้ว นอกไปจากนี้เพราะว่าผู้ปกครองยังเยาว์วัย มันจึงมีคนกล่าวไว้ว่าชาวโลกคนผู้ปกครองที่ของพวกเขาต่างหาก”
ซอลจีฮูได้หูพึ่งขึ้นมาเมื่อได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับอีวา เนื่องจากว่าเขากำลังคิดจะย้ายไปที่นั่น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา
“แถมราชวงศ์อีวาก็ไม่ได้มองสหพันธรัฐในแง่ดีด้วย”
“ทำไมกันล่ะ?”
“นับตั้งแต่สหพันธรัฐกับมนุษยชาติก่อตั้งพันธมิตรกันก็ยังไม่ได้นานนัก แม้ว่าฉันจะไม่เคยได้เห็นกับตัวเอง แต่ผู้คนมักจะพูดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเคยเป็นปรปักษ์ต่อกันเหมือนเช่นเดียวกับปรสติ พวกเรารู้ดีว่าพวกเขาเคยทำสงครามกันมาก่อน… แล้วก็ราชวงศ์อีวาก็เป็นแกนนำในสงครามนั้น”
“…”
“ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือผู้ปกครองคนปัจจุบันของอีวา ราชินีอโดร่า เธอได้สูญเสียพ่อกับแม่ที่ซึ่งเป็นกษัตริย์และราชินีคนก่อนไปในสงครามกับปรสิต และได้เสียพี่ชายเพียงคนเดียวไปในสงครามกับสหพันธรัฐ”
คาซุกิได้ถอนหายใจออกมา
“แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจเธอ แต่ว่าในฐานะผู้ปกครองอาณาจักรที่เมินเฉยต่อปัญหานี้…”
“โอ้ ขอล่ะ ให้ฉันพักหน่อยเถอะ”
ในตอนนั้นเองฟีโซราที่ฟังอยู่เงียบๆก็ขัดขึ้น
“นายได้ตีกรอบปัญหาเหมือนกับเป็นความผิดของมนุษย์เลยนะ แต่ว่าเราก็มีบางอย่างที่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน”
นี่เธอหมายความว่ายังไงกันนะ?
“นายก็รู้ใช่ไหมว่าพันธมิตรมนุษย์สัตว์ก็ดูจะไม่ได้ชอบเราน่ะ?”
“ฉันรู้”
“ถ้างั้นทำไมนายถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ? นายคิดว่าอะไรที่มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการล่าทางตั้งแต่แรกล่ะ? นั่นมันก็เพราะชาวโลกได้หายตัวไปในเขตพรมแดนเรื่อยๆยังไงล่ะ! นี่มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องผิดหวัง และสู้กลับไป”
“มันยังไม่มีการเปิดเผยออกมาเลยนะว่าฝ่ายไหนเริ่มก่อน”
“ก็ได้ เรื่องนั้นก็ช่างมัน แต่ว่านายก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามีคนหายไป”
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ซอลจีฮูได้ยินแบบนี้ มันเป็นปัญหามานานก่อนที่ซอลจีฮูจะได้เข้ามาในพาราไดซ์ซะอีก
“จริงหรอ?”
ซอลจีฮูได้ขัดขึ้นมา
ฟีโซราได้กอดอกและหยักหน้ายืนยันออกมา
“ใช่แล้วล่ะ! ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง! ว่าไปแล้วในตอนฉันยังอยู่กุหลาบขาว ฉันก็ได้เข้าร่วมการลาดตระเวนชายแดนอีวาด้วย”
“แล้วผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ?”
“มีทางเข้าอยู่มากมาย แต่ว่าทางออกมามีน้องมากๆ นี่คือเขตพรมแดนของสหพันธรัฐกับมนุษยชาตินับตั้งแต่ที่ป้อมปราการไทกอลกำลังป้องกันปรสิต แล้วเราควรจะตีความเรื่องนี้ว่ายังไงล่ะ?”
ซอลจีฮูได้หันไปเหลือบมองคาซุกิที่กำลังยืนฟังนิ่งๆ
ฟีโซราได้กระแอ่มออกมา
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันถูกหรอกนะ ฉันก็แค่กำลังบอกว่าอย่าฟังความข้างเดียว”
“…”
“ลองคิดดูนะ หากว่ามนุษย์ผิดเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ นายคิดว่าสหพันธรัฐจะหยุดแค่เพิ่มการรักษาความปลอดภัยงั้นหรอ? ไม่เลย พวกเขาจะชักดาบและพุ่งเข้าใส่แน่ๆ การที่พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่น้อยนั่นมันหมายความว่าพวกเขามีความสำนึกผิดอยู่”
เธอพูดได้ตรงจุดเลย
ซอลจีฮูได้เม้มปากขึ้นมา
“แต่ว่ามนุษย์สัตว์นั่นเป็นแค่เด็ก…”
ฟีโซราได้ตอบกลับมาอย่างหนักแน่น
“อย่าได้ประมาทเธอไป ถึงแม้ว่าจะเป็นมนุษย์สัตว์ที่เยาว์วัยก็มีพลังรบที่น่ากลัว ความสามารถในการสืบพันธุ์ที่ทรงพลังกับการมีพลังตั้งแต่ยังเด็กเป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์สัตว์!”
“มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอนะ”
เมื่อฟีโซราได้ย้ำออกมาว่าพวกเขาไม่ควรจะเทียมมนุษย์สัตว์กับมนุษย์ คาซุกิก็ได้แย้งออกมา
“ฉันยอมรับนะว่าความเร็วในการสืบพันธุ์ของพวกเขาเทียบกับออร์คได้เลย แต่ว่าความสามารถในการสืบพันธุ์ก็จะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาอยู่ในสายพันธุ์ย่อยใด มนุษย์จิ้งจอกถูกรู้จักกันดีในเรื่องการสืบพันธุ์ที่ต่ำ และนอกจากนี้ก็ยังหวงแหนสมาชิกแต่ล่ะคนเป็นอย่างมาก หากว่าพวกเราฆ่าเธอหรือว่าพาตัวเธอไปกับเรา มันก็มีโอกาสสูงที่มันจะกลายเป็นปัญหาทางการทูตได้”
“ใครบอกว่าเราจะฆ่าเธอล่ะ? ฉันก็แค่-“
คาซุกิกับฟีโซราได้เขม่นกันขึ้นมา
‘น่าสนใจ’
ความเห็นในปัญหานี้มีความหลากหลายมากกว่าที่เขาคิด มันชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอาณาจักรนั้นมีความซับซ้อนอยู่
ซอลจีฮูได้หันไปมองเทเรซ่าอีกครั้งหหนึ่ง
‘ควรจะทำยังไงดีนะ?’
เขาได้นึกไปถึงสิ่งที่จางมัลดงได้บอกกับเขา
มันมีโอกาสที่พวกเขาอาจจะเจอกับสหพันธรัฐนับตั้งแต่ที่พวกเขาไปเขตพรมแดน สิ่งสำคัญก็คือการรับมือกับสถานการณ์ให้เหมาะสม
‘อาจารย์บอกว่าการพาเจ้าหญิงเทเรซ่าเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม’
หลังจากคิดเรื่องนี้ในเชิงลึกแล้ว ซอลจีฮูก็ค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้เด็กสาวมนุษย์สัตว์ไม่ตกใจ
เมื่อเขาได้เข้าไปใกล้ เด็กสาวก็ผงะและตัวสั่นขึ้นมา เทเรซ่าได้มองขึ้นมาที่ซอลจีฮูด้วยสีหน้าลำบากใจและเหนื่อยล้า
“ฉันขอโทษ ฉันเผยตัวตนของฉันออกไป แต่ว่าเธอก็ยังกังวลอยู่… มันดูเหมือนกับว่ามีเรื่องที่น่ากลัวเกิดขึ้นกับเธอ”
ซอลจีฮูได้มองออกไปก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงไปในระดับสายตาเดียวกันกับเด็กสาว เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกที่แขนขาอ่อนแรงได้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
‘ว้าว ดูจมูกของเธอสิ’
มันไม่ได้แหลมเหมือนกับมนุษย์ ซอลจีฮูรู้สึกอยากจะเลียจมูกสีดำที่เหมือนจิ้งจอกของเด็กสาวอย่างรุนแรง เมื่อเห็นดวงตาที่เปล่งประกายของเธอ รอยยิ้มอ่อนโยนก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
จากนั้นเขาก็เริ่มการสนทนาขึ้น
“แบร่!”
“?”
…มันช่วยไม่ได้เลย
แม้ว่าเพื่อร่วมทีมจะเดือนเขาเรื่องที่ว่าเธออาจจะเป็นตัวอันตรายได้ แต่ว่าโดยธรรมชาติแล้วซอลจีฮูเป็นคนรักเด็ก นี่มันก็เพราะว่าเขาชอบในปฏิกิริยาของเด็กๆในตอนที่เล่นด้วยกันและแกล้งเด็กๆเหล่านั้น
“ดูนี่สิ”
สิ่งที่ซอลจีฮูได้เอาออกมาหลังจากพูดอย่างเป็นมิตรก็คือหมากฝรั่ง เขาได้ซื้อมันมาจากโลกเพื่อเอาไว้เคี้ยวเล่นในตอนเบื่อๆ
‘ฉันไม่คิดเลยนะว่าจะได้ใช้มันแบบนี้’
หลังจากแกะออกมาจากห่อแล้ว เขาก็โบกมันอยู่ตรงหน้าของเด็กสาว จากนั้นก็หย่อนมันลงไปในปากของเขา
งั่ม งั่ม
“ฟู่-“
เขาได้เป่าลมใส่หมากฝรั่งและทำให้มันพองขึ้นมา มันได้ขยายขนาดออกมาจนเท่ากับหัวเขาอย่างรวดเร็ว
“โอ้? นี่มันอะไรกัน?”
เทเรซ่าที่เข้าใจถึงความตั้งใจของซอลจีฮูก็รีบเสริมขึ้นมา
“ท๊าด๋าาา~”
เมื่อซอลจีฮูได้เอาฟองหมากฝรั่งมาใกล้ๆ…
“อื้ออ อื้ออออ!”
เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้ขมวดคิ้วขึ้น และโกบมือออกมาโดยไม่พูดอะไร เมื่อเล็บของเธอได้สัมผัสโดนผิวของฟองหมากฝรั่ง หมายฝรั่งก็ระเบิดออกมาและกระเด็นอยู่บนใบหน้าของซอลจีฮู
มนุษย์จิ้งจอกที่ไม่คิดว่ามันจะระเบิดออกมาได้ง่ายๆได้ขมวดคิ้วขึ้นมา
“อ๊าาา!”
ซอลจีฮูได้ลูบคลำใบหน้าของเขาอย่างตกใจ จากนั้นเขาก็เช็ดเศษหมากฝรั่งออกไป และหัวเราะออกมา
เมื่อเทเรซ่าได้ปิดปากและก็ยังหัวเราะเช่นกัน มุมปากของเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกที่สับสนก็กระตุกอยู่เล็กน้อย
“เป็นยังไงล่ะ~? ฉันเป่าหมากฝรั่งให้กับเธอ อ๊าาา เหนียวจังเลย…”
บางทีอาจจะเพราะว่าใบหน้าของซอลจีฮูที่กำลังดึงหมากฝรั่งออกมามันตลก
“ฮิฮิ”
แม้ว่าจะแค่เบาๆ แต่เด็กสาวก็ได้หัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ? มันเจ๋งไปเลยใช่ไหม?”
เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้หยักหน้าออกมาอย่างระวังตัว
ซอลจีฮูได้ยิ้มอายๆออกมา และส่งหมากฝรั่งไปให้กับเธอ
“อยากจะลองดูไหม?”
มนุษย์จิ้งจอกได้นิ่งไป ประกายความอยากรู้อย่างเห็นได้ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเธอ
เทเรซ่าที่มองดูอยู่เงียบๆได้สะดุ้งขึ้นมาจากภายในใจ หูกับหางที่ตั้งอยู่ของเด็กสาวได้ค่อยๆผ่อนคลายลงไป ต่อมาหูของเธอก็พับลงไปครึ่งหนึ่ง และหางของเธอก็เริ่มส่ายไปมา ความคิดของเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
“ฟุดฟิดๆ”
บางทีอาจจะเพราะยังสงสัยอยู่เล็กน้อย ทำให้เธอได้ยื่นจมูกไปดมหมากฝรั่งอยู่นาน
เทเรซ่าเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย แต่ว่าซอลจีฮูก็ยังคงสงบอยู่ เขาเฝ้ารอโดยไม่ได้บังคับเด็กสาวเลยสักนิด
ไม่นานนักเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกก็ได้หยิบเอาหมากฝรั่งไปกัด เธอได้สูดหายใจลึกหลังจากที่ได้ดูดน้ำในหมากฝรั่งออกมา
เมื่อเห็นปฏิกิริยานี้ ซอลจีฮูก็ถามออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
“มันหวานอร่อยใช่ไหมล่ะ?”
หงึก หงึก
“แค่เคี้ยวนะ อย่ากลืนมันลงไป ยิ่งเคี้ยวก็จะยิ่งหวาน”
เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้เริ่มเคี้ยวตามที่เขาบอก เธอคงจะชอบความหวานมากแน่ๆเพราะว่าเธอเคี้ยวมันไม่หยุดอยู่สักพัก
“ว้าว…”
เทเรซ่าได้เผลอหลุดอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอต้องลำบากอย่างมากกว่าจะทำให้เด็กสาวสงบลงได้ แต่ว่าซอลจีฮูกลับทำสำเร็จได้ในทันที เนื่องจากว่าเธอไม่เคยเห็นพรสวรรค์นี้ของซอลจีฮูมาก่อนเลย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจขึ้นมา
“การเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยให้ผ่อนคลายได้นะ ก่อนแข่งนักกีฬาหลายคนมักจะเคี้ยวหมากฝรั่งกัน”
ซอลจีฮูได้อธิบายออกมาพร้อมกับแกะหมากฝรั่งที่เลอะหน้าเขาออกมา เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้จ้องมาที่ซอลจีฮูก่อนที่แก้มของเธอจะป่องขึ้นมาเหมือนลูกโป่ง
“ฟู่วววว…”
เธอได้พ่นลมออกมาอย่างแรง แต่ว่าก็มีแค่ลมเท่านั้นที่ออกมา ซอลจีฮูได้ระเบิดหัวเราะขึ้น
“ฮ่าฮ่า! เธอจะต้องเอาลิ้นดุนหมากฝรั่งเอาไว้ แล้วก็เป๋าลมเข้าไป โง่จุงเลยน้า!”
เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้โกรธขึ้นมา
“หนูไม่ได้โง่”
“โอ้?”
เด็กสาวได้พูดออกมาเป็นครั้งแรก ซอลจีฮูได้เงียบลงไปและยิ้มออกมาอย่างซุกซน
“ไม่ได้โง่หรอ?”
“ไม่ ฉันไม่ได้โง่”
“จริงๆงั้นหรอ?”
“โอเค ถ้าเธอไม่ได้โง่ แล้วถ้างั้นเธอชื่ออะไรล่ะ?”
เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาราวกับว่าเธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายมาเป็นแบบนี้ ซอลจีฮูได้ยิ้มขึ้นและยื่นมือออกไป
“ฉันชื่อซอล-“
ซอลจีฮูได้หยุดตัวเองเอาไว้ก่อนจะพูดคำว่า ‘จีฮู’ ออกไป
“ฉันซอล”
เขารู้สึกว่าชื่อ ‘ซอล’ อาจจะเป็นที่รู้จักในสหพันธรัฐ ต่อจากนั้นดวงตาของเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา
“ซอล”
“ใช่แล้ว ซอล”
“มนุษย์… ซอล?”
“ใช่แล้วล่ะ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร?”
ซอลจีฮูได้ถามขึ้น แต่ว่าก็ไม่มีคำตอบกลับมา เด็กสาวเพียงแค่มองขึ้นมาที่เขาอย่างเหม่อลอย
‘นี่ฉันทำอะไรพลาดไปหรือเปล่านะ?’
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังเกาแก้ม เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“อริราชศัตรู? เป็นอริราชศัตรูซอลจริงๆหรอ?”
แค่กๆ ซอลจีฮูได้ไอออกมาเบาๆ
อริราชศัตรู? ซอลจีฮูกำลังสงสัยอยู่เลยว่าฉายานี้ของเขามันมาจากไหน
‘มาจากสหพันธรัฐงั้นสินะ?’
ยังไงก็ตามสิ่งสำคัญคือเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกรู้จักเขา ซอลจีฮูไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ไป
“โอ้ รู้จักฉันด้วยหรอ?”
“อื้อ! มนุษย์ที่ได้ฆ่าผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่ง!”
เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกได้กำหมัด และตะโกนออกมาอย่างกระตือรือร้น
“ฮ่าฮ่า นั่นมันน่าอายนะ จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
“อะไรน้าา? ไม่ใช่เรื่องใหญ่? จริงหรอ?”
“แน่นอนสิ! ผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่ง? แน่นอนว่าฉายาของเขามันดูเจ๋ง แต่ก็เท่านั้นแหละ ฉันเกือบจะฆ่าผู้บัญชาการกองทัพได้อีกสองคนแน่ะ แต่ว่าพวกเขาหนีหางจุกตูดไปก่อนน่ะสิ”
“หวาาาา….!”
สหพันธรัฐกับมนุษยชาติอาจจะไม่ได้ถูกกันมากนัก แต่ว่าพวกเขาจะเกลียดกันเองมากกว่าที่เกลียดปรสิตอีกงั้นหรอ?
เมื่อได้ยินถึงเรื่องเล่าวีรบุรุษของซอลจีฮู เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกก็อ้าปากค้างออกมาอย่างตกใจ
“แต่ว่าหนูได้ยินมาว่าพวกเขาแข็งแกร่งมาก…”
“พวกเขาก็แข็งแกร่งนั่นแหละ หากว่าเจ้าพวกนั้นมันเข้ามาหาฉันพร้อมกัน มันก็คงจะยากหน่อย”
ซอลจีฮูได้หยักหน้าออกมา
“สุดท้ายแล้วฉันก็ชนะ… แต่ว่าพูดตรงๆ มันก็อันตรายอยู่หน่อยนะ หากว่าไม่ได้สหพันธรัฐช่วยไว้ ฉันก็อาจจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่ก็ได้”
“อื้อๆ! หนูได้ยินมาว่าแฟรี่ท้องฟ้าได้มอบอิลิเซียร์ให้กับคุณ!”
“เด็กสาวได้ปรบมือและตะโกนออกมา ตัดสินจากท่าทางของเธอแล้ว ดูเหมือนเรื่องนี้จะรู้กันทั่วสหพันธรัฐ
“ใช่แล้วล่ะ ต้องขอบคุรเพื่อนที่แสนดีของฉันในสหพันธรัฐก็เลยทำให้ฉันรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์นี่แหละ”
“เพื่อน? มนุษย์เป็นเพื่อน?”
“ก็แน่สิ! สหพันธรัฐเป็นเพื่อนที่ล้ำค่าของฉัน!”
ซอลจีฮูได้ยกนิ้วขยิบตาออกมา
‘หยุดยิ้มได้แล้วเจ้าหญิง’
พูดตรงๆนี่มันโครตจะน่าอายเลย แม้ว่าดวงตาที่เปล่งประกายของเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกจะทำให้เขาไม่สบายใจ แต่ว่าเขาก็ต้องทนกับความอายและตัดสินใจเล่นบทบาทของเขาต่อไป
“หนูเข้าใจแล้ว ถ้างั้น…”
ใบหน้าของเธอได้แสดงความผ่อนคลายออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาว
“ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนของเรา คุณจะส่งหนูกลับไปใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ! เพื่อนของฉันมิคาเองก็อยู่ที่นั่น เราจะส่งเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัยเอง เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะ”
“ว้าว ท่านมิคาเอล…?”
เมื่อซอลจีฮูได้พูดชื่อที่เขาพอจะจำได้ลางๆออกมา เด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกก็ดูจะมั่นใจขึ้น และรอยยิ้มสดใสก็เบ่งบานออกมาจากใบหน้าของเธอ
จากนั้นซอลจีฮูก็หันไปมองเทเรซ่าที่กำลังก้มหน้ากลั้นขำอยู่
‘รับช่วงต่อทีนะ’
เทเรซ่าได้ฝืนกลั้นขำ และแทรกเขามาเนียนๆ
“เฮ้ เธอบอกจะบอกเราได้ไหมว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? นี่มันเป็นเขตพรมแดน แต่ว่ามันก็ค่อนข้างจะไกลจากเขตของสหพันธรัฐนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ใบหน้าเด็กสาวมนุษย์จิ้งจอกก็หม่นหมองลงไป แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เอาแต่เงียบเหมือนแต่ก่อนแล้ว
“หนูไม่รู้ หนูแค่…”
หลังจากเงียบอยู่นาน เธอก็ค่อยๆพูดออกมา
“หนูได้ยินมาว่าวันนี้มีพิธีกรรมเกิดขึ้นที่เจดีย์แห่งความฝัน… เพราะงั้นหนูก็เลยแอบตามแฟรี่ท้องฟ้ามากับน้องสาวของหนู..”
‘เจดีย์แห่งความฝัน?’
มีประกายแสงวาบขึ้นมาในดวงตาของซอลจีฮู