แดนนิรมิตเทพ บทที่ 357
วันถัดมา แสงแดดจัดจ้าน

เมื่อวิชาคาบแรกเลิกเรียน ภายในโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว พวกนักเรียนเล่นสนุกคึกคักอย่างมาก

อีกสองวัน ก็ถึงวันเลี้ยงฉลองโรงเรียนปีละครั้งของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจวแล้ว ห้องวิชาการกำลังวางแผนจัดงานกันอยู่ ยุ่งวุ่นวายกันอย่างมาก

แต่วันนี้ ห้องวิชาการกลับมีแขกสำคัญคนหนึ่งมา นั่นก็คือประธานหลินจากบริษัทการค้าเจิ้งหัวแห่งอู่โจว มูลค่าทรัพย์สินหลายสิบล้าน

ห้องสมุดที่สร้างใหม่ของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว เงินทุนกว่าครึ่งหนึ่งก็คือประธานหลินท่านนี้เป็นคนบริจาคมา

หัวหน้ากัวแผนกห้องวิชาการวางงานในมือลง แล้วไปเสิร์ฟน้ำชาให้อย่างกระตือรือร้น ต้อนรับอย่างแขกผู้สูงส่ง

หลินทาวเดินตามหลังหลินเจิ้งหัว ที่ปากมีผ้าพันแผลสีขาวพันไว้อย่างเกินจริง ดูแล้วสาหัสอย่างมาก

“หัวหน้ากัวไม่ต้องยุ่งยากมากมายแล้วครับ วันนี้ที่ผมมาคาดว่าคุณก็น่าจะเดาได้แล้ว ลูกชายผมหลินทาวถูกทำร้ายในโรงเรียน เรื่องนี้หัวหน้ากัวต้องให้ความเป็นธรรมที่น่าพอใจกับผม” หลินเจิ้งหัวท่าทางอ่อนโยน แต่คำพูดเฉียบคมอย่างมาก

หัวหน้ากัวรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน แม้ว่าจะอายุมากกว่าห้าสิบแล้ว แต่ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากอายุวัยกลางคน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแย้ม พูดว่า “ประธานหลินพูดเกินไปแล้วครับ เรื่องนี้เมื่อวานผมได้จัดการแล้วครับ ก็แค่เรื่องทะเลาะเล็กน้อยของเด็กๆก็เท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงนี้ยุ่งเรื่องงานฉลองโรงเรียน ผมคงจัดการนักเรียนที่ก่อเรื่องคนนั้นไม่นานแล้วครับ มีค่าพอให้คุณต้องเดินทางมาถึงนี่ที่ไหนกันครับ!”

ถ้าหากนักเรียนถูกทำร้ายบาดเจ็บในโรงเรียน โรงเรียนต้องรับผิดชอบ หัวหน้ากัวผู้มีประสบการณ์รับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการมานานหลายสิบปีเช่นนี้ รู้ดีว่าควรพูดยังไงให้เป็นผลดีต่อโรงเรียน

หลินเจิ้งหัวทำงานในวงการธุรกิจมาหลายสิบปี ความหมายคำพูดของหัวหน้ากัวเขาแค่ฟังก็เข้าใจ

จึงหัวเราะพูดว่า “หัวหน้ากัวครับ ผมไม่ได้มาเพื่อหาเรื่องโรงเรียน และก็ไม่ได้ต้องการให้โรงเรียนชดใช้อะไร ถ้าหากว่าเพื่อเงิน ผมก็คงไม่บริจาคห้องสมุดให้กับทางโรงเรียนหรอกครับ”

“ผมมา ก็เพื่ออยากจะกู้ศักดิ์ศรีลูกชายผมต่อหน้านักเรียนเท่านั้น ลูกชายของผมหลินเจิ้งหัว ไม่ใช่คนที่เด็กบ้านนอกจากอำเภอเล็กๆจะสามารถมารังแกได้!”

ในสายตาของหลินเจิ้งหัว มีความเย็นยะเยือก สีหน้ามืดขรึม

หัวหน้ากัวแอบรู้สึกลำบากใจ ที่จริงแล้วที่เขาไม่ทำการลงโทษเฉินโม่ในทันที ไม่ใช่เพราะเสียเวลากับเรื่องงานเลี้ยงโรงเรียน แต่เมื่อเขาตรวจสอบประวัติของเฉินโม่ พบว่าเขาถูกแนะนำมาโดยรองผู้อำนวยการการคนก่อนของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว ท่านลู่ฉางเฟิง

หัวหน้ากัวไม่รู้ว่าเฉินโม่เป็นลูกชายของหลี่ซู่เฟินจากเหม่ยหวา กรุ๊ปในตอนนั้นที่หลี่ซู่เฟินไปหาท่านลู่ฉางเฟิงให้ช่วยเหลือ ตั้งใจให้ปกปิดฐานะตัวตนของตัวเองโดยเฉพาะ เพื่อให้ทุกคนคิดว่าเฉินโม่เป็นเพียงแค่เด็กจากครอบครัวธรรมดา หวังว่าจะเป็นการกระตุ้นเฉินโม่

ตอนนี้ท่านลู่ฉางเฟิงเกษียณอยู่บ้านแล้ว และลูกหลานก็ไม่มีใครที่น่าภาคภูมิใจ เรียกได้ว่าสภาพตระกูลลู่ในตอนนี้ ไม่สามารถเทียบได้กับประธานหลินที่กำลังรุ่งโรจน์ แต่ว่าท่านลู่ฉางเฟิงเป็นครูของหัวหน้ากัว

นักเรียนที่ครูของตัวเองแนะนำมา หัวหน้ากัวจึงทำใจไล่ออกด้วยตัวเองไม่ได้ และสาเหตุการเกิดเรื่องทาคุณครูหวางลี่ก็ได้บอกกับเขาชัดเจนแล้ว เฉินโม่ไม่มีความผิดอะไรมาก เพียงแต่การกระทำเกินกว่าเหตุเท่านั้น

ดังนั้นหัวหน้ากัวจึงปล่อยไว้ไม่ได้จัดการ หวังว่าทางที่ดีที่สุดคือให้เรื่องนี้เงียบสงบไป

แต่ไม่คาดคิดเลยว่า หลินเจิ้งหัวจะมาด้วยตัวเอง และเมื่อดูสถานการณ์แล้วหากไม่ได้ตามต้องการก็คงจะไม่ยอมหยุดง่ายๆอีกด้วย

“งั้นไม่ทราบว่าความหมายของประธานหลินคือ?” หัวหน้ากัวมองหลินเจิ้งหัว ทดสอบความต้องการของเขา

หลินเจิ้งหัวสีหน้าเคร่ง พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ให้มันออกไปจากโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจวซะ!”

หัวหน้ากัวขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนว่าคาดเดาผลลัพธ์ได้แต่แรกแล้ว

ด้านหนึ่งคือนักเรียนที่ครูของตัวเองแนะนำมา อีกด้านหนึ่งคือประธานบริษัทผู้มีมูลค่าทรัพย์สินกว่าสิบล้าน หัวหน้ากัวถูกคั่นไว้ตรงกลาง รู้สึกลำบากใจอย่างมาก

หลินเจิ้งหัวมาด้วยตัวเอง ขี่ช้างจับตั๊กแตนขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้คงจะจัดการอย่างใจดีไม่ได้แล้วละ