ตอนที่278 เป็นส่วนตัวไม่ได้แล้ว

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่278 เป็นส่วนตัวไม่ได้แล้ว

หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว หัวเซินซวนก็ได้ไปให้ข้อมูลกับทางตำรวจและตกลงที่จะนัดพบเพื่อเจรจาแก้ไขข้อพิพาท

ตอนบ่ายสามโมง จ้าวเฉียนนำกลุ่มบอดี้การ์ดมาพบกับหัวเซินซวนที่สถานีตำรวจ

หัวเซินซวนตอนนี้ดูเกรี้ยวโกรธอย่างมาก ในขณะที่จ้าวเฉียนเองก็ดูหัวเสียไม่น้อยเช่นกัน

ผู้ว่าเมืองหวานจิ้ง หลินเซียะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการไกล่เกลี่ยเป็นการส่วนตัว เพื่อทำให้ทั้งสองดำเนินการเจรจาด้วยความราบรื่น และแก้ไขปัญหาให้ทั้งสองฝ่าย

จ้าวเฉียนไม่ต้องการพล่ามไร้สาระกับหัวเซินซวน ดังนั้นเขาจึงกล่าวไปตามตรงว่า

“อันที่จริงแล้ว ผมว่าไม่มีอะไรต้องคุยกันให้มากความหรอกนะครับ หลานชายของคุณทำลายหลุมฝังศพของคุณย่าผม การที่ผมตัดมือเขาเป็นการสั่งสอน นับว่าจบเรื่องแล้ว”

หัวเซินซวนพ่นลมหายใจอย่างเย็นยะเยือกออกมา และกล่าวตอบไปว่า

“แค่พูดมันง่าย ตัดครั้งเดียวเท่ากับชีวิตหนึ่งชีวิตพิการตลอดไป! ไอ้หนุ่ม แกต้องรับผิดชอบชีวิตของเขาหลังจากนี้! ค่าทำขวัญอย่างน้อยร้อยล้าน! และส่งคนมาคอยดูแลตรวจสอบว่า หลังจากนี้เขาจะมีชีวิตที่ดีในอนาคต!”

จ้าวเฉียนไม่ไว้หน้าตาแก่หัวเซินซวนอีกต่อไป เขากล่าวตอบทันทีด้วยท่าทางแสนเย้ยหยันว่า

“ร้อยล้าน? ได้นะ เดี๋ยวผมเผาไปให้หลังจากมันตายแล้ว! ผมไม่มีทางให้ในตอนที่มันยังมีชีวิต!”

หัวเซินซวนยั๊วจัด ตบโต๊ะเสียงดังปังตะโกนด่าสาปแช่งเสียงดังลั่น

“แกพูดว่าอะไรนะ! ต้องให้ใช้กำลังกันใช่ไหม!?”

หลิวเซียะสะดุ้งเฮือกรีบพูดแทรกขึ้นทันทีว่า

“พวกคุณทั้งสอง พวกคุณทั้งสองใจเย็นกันก่อนนะครับ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์กันเลย ผมเชื่อว่าวันนี้พวกเราจะต้องหาหนทางแก้ไขปัญหากันได้แน่นอน”

หัวเซินซวนกล่าวตอบชักสีหน้าไม่พอใจว่า

“ผู้ว่าหลิน งั้นคุณไปคุยกับเขาเองดีไหม นี่ผมกำลังคุยกับคนหรือสัตว์ก็ไม่รู้!”

จ้าวเฉียนโต้กลับทันควันว่า

“แล้วไอ้สิ่งที่คุณหัวพูดไปเหมือนมนุษย์มากเลย? อ่อลืมไป…ขนาดหลานคุณเองยังเป็นสัตว์นรกเลย!”

หลินเซียะรีบลุกขึ้นห้ามหัวเซินซวนไม่ให้พุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายจ้าวเฉียนทันที จากนั้นพยายามคลี่ยิ้มอ่อนปลอบประโลมว่า

“คุณหัวใจเย็นๆ ก่อนนะครับ เรื่องราคาสามารถต่อรองกันได้ แต่ตั้งร้อยล้านมันดูเหมือนจะมากเกินไปจริงๆ ตามบทบัญญัติของข้อกฎหมาย ค่าสินไหมสูงสุดอยู่แค่สิบล้านเท่านั้น แต่ในฐานะที่เป็นคุณหัวต้องไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นผมเสนอว่า ให้อีกฝ่ายจ่ายค่าชดเชยสักยี่สิบล้านตกลงไหมครับ?”

พูดกันตามตรง จ้าวเฉียนไม่ต้องการหยิบเงินออกมาจ่ายแม้แต่สลึงเดียว เขาตัดมือของหัวเซียงลานยังไม่พอ และกลับเป็นฝ่ายเขาเองมากกว่าที่ต้องได้รับค่าชดเชยเรื่องหลุมศพที่โดนทำลาย

ยี่สิบล้านมันไม่ได้สำคัญกับจ้าวเฉียนเลย แต่ถ้าจ่ายแล้วเรื่องทุกอย่างจบ ก็พอจำใจจ่ายๆ ไปได้

แต่หัวเซินซวนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเงินชดเชยจำนวนแค่นี้ นี่เท่ากับว่ามือของหลานชายมีค่าแค่ยี่สิบล้านเท่านั้น? นี่กำลังเล่นตลกอยู่รึไง?

“ผู้ว่าหลินล้อเล่นกับผมเกินไปแล้วมั้ง? แค่ยี่สิบล้าน ถ้าผมอยากได้สักร้อยล้าน คงต้องไปหาตัดมือคนอื่นเพิ่มว่างั้น? ตลกจริงๆ!”

หัวเซินซวนกล่าวประชดประชันออกไป

หลินเซียะยิ้มสู้กลับไปว่า

“ผมรู้นะครับว่าเงินยี่สิบล้านสำหรับตระกูลหัวมันเล็กน้อยมาก แต่ตามกฎหมายแล้ว ค่าชดเชยของคนทั่วไป จริงๆ เขาเรียกกันมากสุดแค่แสนสองแสนเอง…”

หัวเซินซวนตะคอกสวนกลับไปทันที

“ผมไม่ต้องการเงิน ผมต้องการโยนมันเข้าคุก! จบไหม!!”

หลินเซียะส่ายหัวและตอบกลับไปว่า

“แต่เป็นฝ่ายหลานชายของคุณที่ไปทำลายทรัพย์สินส่วนตัวของอีกฝ่ายก่อน คุณเองก็น่าจะทราบดีว่าเรื่องเป็นมายังไง มีบางอย่างที่ผมไม่สามารถพูดได้ เพราะมันเกินขอบเขตหน้าที่ของผมไปแล้ว ดังนั้นคุณควรเข้าใจ สถานะของคุณชายจ้าวคนนี้ไม่ธรรมดา พูดกันตามตรง ตระกูลหัวไม่ใช่คู่มือของพวกเขาเลย การที่คุณชายจ้าวยอมเจรจาด้วยแบบนี้ นับว่าดีมากแล้วครับ”

แน่นอนว่าการที่หัวสเซินซวนเต็มใจมาเจรจาครั้งนี้ ก็เป็นเพราะหวาดกลัวในภูมิหลังของจ้าวเฉียน

ยิ่งได้ยินคำพูดยืนยันจากปากผู้ว่าหลิน หัวเซินซวนยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่า ตระกูลจ้าวที่อยู่เบื้องหลังเด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่คาดคิดไว้จริงๆ

หัวเซินซวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า

“ผมไม่เอายี่สิบล้าน แค่ให้ไอ้หนุ่มนี้กลับไปรายงานเรื่องนี้กับทางบ้าน ถ้าเขาจ่ายไม่ได้ก็มาขอโทษ แล้วตระกูลหัวจะไม่ตามล่าอะไรอีกต่อไป แต่ถ้าจ่ายไหว ก็ต้องชดใช้มาร้อยล้านตกลงไหม?”

หลิวเซียะไม่กล้าใช้คพพูดบีบเค้นจ้าวเฉียน เขาจึงได้แต่นั่งรอฟังเงียบๆ

จ้าวเฉียนครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง และคิดว่าตัวเขาในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยสถานะของครอบครัวอะไรมากมาย จึงตอบไปแค่ว่า

“ต้องขอโทษจริงๆ ครับ นี่คงกำลังทดสอบว่าภูมิหลังของผมตื้นลึกหนาบางแค่ไหนใช่ไหมครับ? ไม่จำเป็นต้องถาม ผมบอกได้แค่ว่า คุณเสนอเงื่อนไขมาเลย ถ้าไม่มากเกินไปผมย่อมตอบตกลงอยู่แล้ว”

ต่อหน้าหลินเซียะ จ้าวเฉียนยังไว้ไมตรีมีความสุภาพอยู่บ้าง แต่แม้สิ่งที่เขากล่าวไปจะดูสำรวม ทว่านี่ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้ง ไม่ว่าจะมาไม้ไหน ขาวหรือดำจ้าวเฉียนคนนี้ก็ไม่กลัว

ขณะที่หัวเซินซวนกำลังลังเลคิดไม่ตก จู่ๆ หัวฉีเฉินก็โทรมา เขารับสายทันทีและเอ่ยถามว่า

“มีอะไร ฉันไม่ว่างคุยตอนนี้”

“พ่อ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! เซียงซิ่วดันไปบอกนักข่าวกับพวกสื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้! แถมยังโพสต์ในอินเตอร์เน็ตอีกว่า พวกอันธพาลตระกูลจ้าว นำคนเถื่อนบุกบ้านตระกูลหัวพร้อมตัดมือทายาทคนโตจนขาด!”

หัวเซินซวนทั้งตกใจและโมโหอย่างมากในเวลาเดียวกัน เขาตวาดเสียงหลงดังลั่น

“นี่แกปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง!!? แกไม่ดูเธอเหรอ! ปล่อยให้ทำอะไรแผงๆ แบบนี้!!”

หัวฉีเฉินรู้สึกผิดอยู่หลายส่วนและตอบกลับไปว่า

“ผมเฝ้ามองเธออยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็พลาด ใครจะไปคิดว่าเธอจะโพสต์เรื่องแบบนี้ในโลกอินเตอร์เน็ต แถมขึ้นชื่อว่าสื่อโซเซียล ข่าวนี้มันกระจายเร็วมาก! จนมีนักข่าวหลายสำนักมาติดต่อเซียงซิ่วโดยตรง ตอนนี้พวกเรากำลังเร่งประชุมด่วน หาแนวทางรับมืออยู่ พ่อเอ๋ย…ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเจรจาแล้ว เราต้องรีบหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด!”

หัวเซินซวนได้แต่กรนด่าสาปแช่งไม่หยุดหย่อน

“จะให้แก้ไขยังไงล่ะ!! จะให้แก้ไขยังไง! จะให้ฉันแก้ไขยังไง!! วีดีโอคอลผ่านตรงนี้เลย! เดี๋ยวนี้!!”

ในเวลาเดียวกัน ซือเคอ ผู้บังคับบัญชากองพันตำรวจแห่งเมืองหวานจิ้น ยามนี้รีบยกหูโทรหาหลินเซียะเป็นการส่วนตัว

หลินเซียะที่ได้รับรายงานในขณะนี้ก็ตกตะลึงอย่างยิ่ง ทันทีที่วางสายเขาก็หันไปพูดกับหัวเซินซวนทันทีว่า

“คุณหัว นี่มันหมายความว่ายังไง? ขณะที่กำลังเจรจาอยู่ตอนนี้ คุณยังกล้าใช้หลานสาวให้ทำเป็นเรื่องใหญ่อีกเหรอ? นี่คิดจะใช้แรงกดดันของประชาชนเอาผิดตระกูลจ้าวให้ได้เลยใช่ไหม?”

หัวเซินซวนแทบยกตีนก่ายหน้าผาก ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้หลินเซียะฟัง ทั้งหมดเป็นเพราะหลานสาวตัวดีของเขาแท้ๆ และเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย

หัวเซินซวนกล่าวตอบด้วยความรู้สึกผิดว่า

“ผู้ว่าหลินเข้าใจผิดแล้วครับ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย ทั้งหมดเป็นเพราะความวู่วามของหลานสาวผม หลานคนนี้ถูกเลี้ยงดูในอเมริกา จึงค่อนข้างทำอะไรนอกกรอบ เป็นพวกหัวเสรีชน เธอแค่คิดว่าการทำแบบนี้จะช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้พี่ชายตัวเองได้ แต่ผมก็เคยเตือนไปแล้วว่า อย่ามาวุ่นวาย ผมไม่รู้จริงๆ ครับว่าเธอจะทำแบบนี้”

หลินเซียะทุบโต๊ะดังปัง ลุกขึ้นพรวดขึ้นทีและกล่าวน้ำเสียงฉุดเฉียวว่า

“พวกคุณทั้งคู่เจรจาจนกว่าจะได้ข้อสรุป! ผมต้องรีบจัดการเรื่องนี้ก่อน!”

หลังจากพูดหลิวเซียก็จากออกไปทันที เหลือเพียงจ้าวเฉียนกับหัวเซินซวนอยู่ในห้องกันสองต่อสอง

แต่ทั้งสองไม่ได้สนใจที่จะเจรจาใดๆ กันเลย ต่างคนต่างนั่งเงียบโดยไม่แม้แต่สบตากัน

หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงได้ หลินเซียะก็กลับเข้ามา

หัวเซินซวนเอ่ยถามขึ้นโดยเร็ว

“ผู้ว่าหลิน เป็นยังไงบ้าง? ข่าวถูกลบไปหมดแล้วใช่ไหม?”

ทว่าสีหน้าของหลิวเซียะตอนนี้กลับน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ เขาตอบน้ำเสียงเย็นชากลับไปว่า

“ลบอะไรกัน? มันสายเกินไปแล้ว! ผมของประกาศ ณ ตรงนี้เลยว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณต้องจัดการเรื่องนี้เองอย่างเปิดเผย! ไม่อนุญาตให้ใช้เส้นสายและเจรจาเป็นการส่วนตัวอีกต่อไป!”