ตอนที่ 175 ศัตรูร่วมมือกัน?

ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้าพร้อม “ข้าผิดเอง! ข้าไม่ควรฆ่าคน! ตอนนี้ข้ากลายเป็นฆาตกรแล้ว! ข้ารู้สึกผิดอย่างมาก!”

เหตุใดถึงมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายนักนะ

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น มองไปยังชายคนนั้นและนางก็จำได้ทันทีว่าชายผู้นี้เป็นอันธพาลที่อยู่ในเมืองแห่งนี้ ซึ่งเข้ามาก่อความวุนวายที่ร้านอาหารเจวียเซ่ออยู่บ่อยครั้ง!

ณ เวลานี้เขาสารภาพผิดด้วยตนเอง หรือว่าถูกผู้อื่นสั่งมา? คิ้วเรียวสวยของหญิงสาวพลันขมวดแน่น นางหันไปหาท่านนายอำเภอก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ท่านนายอำเภอ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีคนอยู่จำพวกชอบใช้เงินไม่กี่ตำลึงจ้างคนมารับผิดแทนสิ่งที่ตัวเองได้กระทำเอาไว้ ท่านนายอำเภออย่าปล่อยให้คนร้ายตัวจริงหนีไปได้นะขอรับ!”

นายอำเภอรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ความจริงในเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่?

ชายคนนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าเป็นคนฆ่า!”

หลังจากพูดออกมาเช่นนี้ เขาจึงหยิบปิ่นปักผมที่เปื้อนเลือดออกมา ซึ่งมันตรงกับบาดแผลบนร่างกายของนักบวชอย่างน่าประหลาดใจ!

ซูเสี่ยวเหยียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เด็กสาวเหลือบมองแม่เจิ้นพร้อมกับพูดออกมาว่า “ท่านแม่! ปกติแล้วข้าไม่กล้าแม้แต่จะฆ่าสัตว์ แม้กระทั่งไก่ข้าก็ไม่กล้าที่จะฆ่า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฆ่าคน ข้าจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่!”

ขณะที่พูดนางก็มองไปที่ซูหวานหว่านด้วยใบหน้านองน้ำตา แววตาของนางเต็มไปด้วยประกายของผู้ที่มีชัยชนะ “คุณชายเป่ยฉวน ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงกล่าววาจาใส่ร้ายป้ายสีข้าเช่นนี้ เจ้ามีความคิดที่ไม่ดีต่อข้า เจ้าคงอยากจะฆ่าข้าให้ตายเลยสินะ! เจ้ามันช่างโหดร้ายนัก!”

ซูหวานหว่านนิ่งเงียบไม่ได้ปริปากเอ่ยสิ่งใด หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดพูดอะไรเกี่ยวกับนางเช่นกัน สายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจจ้องมองไปที่ท่านนายอำเภอ เพื่อรอดูว่าเขาจะจับอีกฝ่ายไปหรือไม่!

ซูเสี่ยวเหยียนและแม่เจิ้นผุดลุกขึ้นยืน ในเมื่อไม่มีเรื่องอันใดแล้วสองแม่ลูกจึงหยิบเงินห้าตำลึงกลับคืนมาหมุนกายเตรียมเดินออกไป แต่ก็ถูกนายอำเภอเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาก่อน “ช้าก่อน คนเราหากสามารถขโมยเงินและทำเรื่องไม่ดีได้ ย่อมกลายเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ! ข้าเคยพบซูหวานหว่านมาก่อน นางเป็นหญิงสาวที่ฉลาด ต้องไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายอย่างแน่นอน พวกเจ้าสองแม่ลูกไม่ควรพูดจาเหลวไหลอันใดอีก หากไม่อย่างนั้น…ข้าคงต้องจับเจ้าในข้อหาหมิ่นประมาท!”

เหตุใดไม่ว่าจะไปที่ใดก็มักจะมีผู้คนเอ่ยแทนซูหวานหว่านตลอด? ความเกลียดชังภายใจของนางยิ่งเพิ่มมากขึ้น! เด็กสาวกำมือแน่นภายใต้เสื้อผ้า ก่อนนางจะแสร้งทำสีหน้าเศร้าพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณท่านนายอำเภอที่เตือนสติ โดยเฉพาะเรื่องที่เราสองคนแม่ลูกถูกนักบวชผู้นั้นทำให้เกิดความวุ่นวาย ฮึก ฮือ…”

พูดออกมาราวกับว่าพวกนางไม่ได้ทำผิด!

ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ความโกรธภายในใจของนางพลันเพิ่มขึ้นมาอีก หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินออกไปอย่างไม่สนใจสิ่งใด แต่ก็ยังถูกสองแม่ลูกนั้นเดินไล่ตามมาติด!

ซูเสี่ยวเหยียนเอ่ยออกมา “คุณชายเป่ยฉวน หากเป็นเพราะเรื่องพี่สาวข้า ทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นระหว่างเรา พาลทำให้ท่านเกลียดเราสองคนแม่ลูก พวกเรารับรู้มันดีแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ข้าอยากจะเอ่ยขอโทษท่าน ภายภาคหน้า…ข้าหวังว่าพวกเรานั้นจะสามารถเป็นเพื่อนกันได้”

นางกำลังฝันกลางวันหรืออย่างไร! ซูหวานหว่านส่งยิ้มเย็นยะเยือกและมองไปที่การแสดงออกของซูเสี่ยวเหยียนด้วยความขุ่นเคือง “ไม่จำเป็น แค่จากคุณธรรมของเจ้า…ก็ไม่คู่ควรแล้ว!”

หลังจากพูดจบ นางก็เดินออกไปอย่างมีความสุข!

ซูเสี่ยวเหยียนมองตามหลังซูหวานหว่านที่เดินออกไปด้วยความรู้สึกเคียดแค้น แม่เจิ้นที่มองดูอยู่พลันเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาในใจและพูดว่า “เสี่ยวเหยียน เจ้าควรปล่อยเขาไป เขานั้นดูสูงสง่าราวกับมังกร พวกเรา…ไม่คู่ควรกับเขาหรอก!”

“ท่านแม่!” ซูเสี่ยวเหยียนพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “พี่สาวของข้ายังสามารถคู่ควรกับฉีเฉิงเฟิงได้! แม้ว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นจะไม่ได้ทำงาน แต่เขาก็สามารถมีเงินซื้อชุดแต่งงานให้นางได้ถึงหมื่นตำลึง! ข้าด้อยกว่านางตรงไหน!”

ซูเสี่ยวเหยียนกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน หลังจากพวกนางเดินจากไปก็มีชายท่าทางเหมือนกับหนุ่มรับใช้เดินมาหยุดตรงหน้า และเชิญพวกนางไปที่ไหนสักแห่ง

หลังจากพวกเขาจากไป ก็มีชายชุดสีขาวฟ้าปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล และชายคนนั้นที่แท้แล้วคือซูหวานหว่าน

ชายรับใช้คนนั้นดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาคือคนรับใช้ของผู้ดูแลเจียงไม่ใช่รึ?

ดูเหมือนว่าแพะรับบาปคนนั้นก็ถูกจ้างมาโดยผู้ดูแลเจียง หากทั้งสองฝ่ายนั้นร่วมมือกัน นางเกรงว่าเรื่องมันจะยุ่งยากขึ้นไปอีก!

ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเดินกลับไปที่ร้านอาหารเจวียเซ่อทันที หญิงสาวรีบหยิบของบางอย่างออกมา เมื่อผู้ดูแลหลิวเห็นว่าเป็นซูหวานหว่าน จึงกำลังจะยิ้มต้อนรับ แต่ซูหวานหว่านนั้นรีบเดินเข้าไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา และบอกให้ผู้ดูแลไปซื้อของ จากนั้นนางก็ไปลานที่สวนหลังร้านและผสมของเข้าด้วยกัน เมื่อผสมเข้ากันแล้วมันก็มีรูปร่างคล้าย ‘หิน’ ในสายตาผู้ดูแลหลิว ซึ่งเป็นการผสมที่น่าทึ่งมาก!

ผู้ดูแลหลิวจึงเอ่ยถามออกมา “คุณชายเป่ยฉวน สิ่งนี้ทำขึ้นมาเพื่อใช้กับอะไรหรือ?”

“เจ้ายังจำสบู่ที่ศิษย์น้องของข้าทำมาให้ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่? นี่เป็นสูตรที่นางเขียนทิ้งเอาไว้ด้วย วันนี้อยู่ ๆ ข้าก็นึกอยากที่จะลองทำสบู่ขึ้นมาเล่น ๆ จึงนำสูตรของนางมาลองดู เจ้านำเอาไปใช้ที่ห้องครัวด้านหลังได้เลย สั่งให้พวกเขาใช้มันล้างจานเพื่อดูถึงประสิทธิภาพของว่ามันเป็นอย่างไร” ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้น

นี่มันใช้ล้างจานได้จริง ๆ หรือ? มันเหนียวมากจะล้างจานให้สะอาดได้อย่างไร? ผู้ดูแลหลิวยังคงสงสัย แต่ก็นำเอาไปให้เด็กในร้านลองใช้ หลังจากที่ทดลองใช้สบู่นี้ดูแล้ว เด็กในร้านก็แทบจะกระโดดโลดเต้นออกมาด้วยความดีใจและก็พูดออกมาว่า “สิ่งนี้มันดีกว่าสบู่ที่แม่นางซูได้มอบทิ้งเอาไว้อย่างมากเลยขอรับ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ดูแลหลิวตำหนิออกมาว่า “เจ้านั้นจะไปรู้เรื่องอะไร! ของสิ่งนี้เป็นสูตรที่ซูหวานหว่านเขียนทิ้งเอาไว้ให้!”

เด็กในร้านคนนั้นพลันเงียบไป ส่วนซูหวานหว่านยังคงยืนรออยู่ในสวนหลังร้าน ผู้ดูแลหลิวเดินออกไปและคิดว่าเป่ยฉวนทำสบู่ล้างจานสูตรของซูหวานหว่านเอาไว้ใช้กับร้านของตนเอง หากแต่ซูหวานหว่านกลับพูดออกมาว่า “ไปซื้อของบางอย่างมาและถังมาสองสามใบ ข้าอยากจะทำมันส่งไปให้ใครบางคน!”

ต้องการส่งให้ผู้ใดเยอะถึงเพียงนี้? เมื่อเห็นสายตาอาฆาตของซูหวานหว่าน ผู้ดูแลหลิวก็ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรออกมามากไปกว่านี้ และรีบเดินออกไปทำตามคำสั่งของเขาทันที

เมื่อถึงมื้ออาหารกลางวัน เขาก็ได้รับรู้จุดประสงค์ของซูหวานหว่านทันที!

วันนี้ลูกค้าภายในร้านนั้นน้อยมาก ไม่รู้ว่าพวกเขาหายไปที่ใดกันหมด ซูหวานหว่านที่ทำงานงานเสร็จแล้วก็นั่งอยู่ภายในห้องโถงกลางร้าน ฉีเฉิงเฟิงเองก็กลับมาจากที่ทำงานแล้วเช่นกัน

ทั้งสองลงมือกินข้าว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของลูกค้าพูดคุยกันว่า “ข้าได้ยินมาว่าร้านอาหารเจียงที่เปิดใหม่ในวันนี้ ได้ร่วมมือกับแม่นางที่ชื่อว่าซูเสี่ยวเหยียน ใครก็ตามที่กินร้านเขาครบสามมื้อก็จะได้รับสบู่ชั้นดีไปหนึ่งก้อน!”

“มันสามารถล้างน้ำมัน ล้างคราบความมันในจานออกได้ง่าย ๆ อย่างงั้นเลยรึ?”

“แน่นอน!”

“…”

คำอวดอ้างนี้มันจะเกินจริงไปหน่อยไหม!

ผู้ดูแลหลิวเกิดอาการตื่นตระหนกเล็กน้อย ทว่าซูหวานหว่านเพียงโบกมือเรียกให้ผู้ดูแลหลิวมาหา นางกำลังจะใช้แผนการตลาดที่เพิ่งคิดขึ้นมาได้ แต่ก็มีสตรีที่คุ้นตาเดินเข้ามาเสียก่อน!

นางคือซูเสี่ยวเหยียน!

ซูเสี่ยวเหยียนถือสบู่มาด้วยสองสามก้อน เด็กสาวก้าวเท้าเข้ามาอย่างใจเย็น และเดินมาทางซูหวานหว่าน “คุณชายเป่ยฉวน คุณชายฉี บังเอิญจัง พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”

หากไม่ใช่นางที่มาที่นี่จะบังเอิญเจอได้อย่างไร? ซูหวานหว่านกลอกตาไปมาและรู้สึกหมดอารมณ์ในการอยากอาหารขึ้นมา นางพูดขึ้นมาแบบไม่สนใจ “ออกไป!”

ทว่าซูเสี่ยวเหยียนทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของนาง และวางสบู่ลงบนโต๊ะ “คุณชายเป่ยฉวนอย่าเพิ่งรำคาญกันสิ นี่เป็นของกำนัลแทนคำขอโทษของข้า”

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วและเหลือบมองผู้ดูแลหลิว “สูตรที่ศิษย์น้องของข้าเตรียมเอาไว้อยู่ที่ไหน? หยิบออกมาขาย หากผู้ใดมากินอาหารที่ร้านของเราก็แบ่งออกไปได้”

“ขอรับ!” ผู้ดูแลหลิวตอบรับ และกลับไปทำงานทันที ซูเสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ก็รู้สึกไม่พอใจ ทว่านางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้ดูแลหลิวนำสบู่ออกมา

ทันใดนั้นนางก็มองไปที่ ‘เป่ยฉวนเฟิงหลิว’ พร้อมกับจ้องแล้วถามออกมาว่า “คุณชาย รู้เรื่องเกี่ยวกับการศึกษาภาคบังคับเก้าปีหรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด?”

ซูหวานหว่านตะลึงงัน ซูเสี่ยวเหยียนกำลังสงสัยถึงตัวตนของนาง!