บทที่ 187 เศษเงินก็เป็นเงินเหมือนกัน

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 187 เศษเงินก็เป็นเงินเหมือนกัน

ฟางหนิงรู้สึกดีใจที่ค้นพบวิธีใหม่ที่จะใช้หนังสือเกมสมบัติ

ตอนนี้มีความโกรธจากพวกนักโทษ เขาแค่ยืนมองระหว่างการต่อสู้ก็เพียงพอ เมื่อมีความสามารถอัดคนโดยอัตโนมัติของหนังสือเกมสมบัติ ก็จะรู้สึกว่าตัวเองยังมีตัวตน ไม่ต้องคอยฟังระบบบ่นตนเอง ‘ดีแต่ปรบมือตะโกนส่งเสียงเชียร์’ อะไรทำนองนั้น

ขณะที่เขากำลังคิดจะวางหนังสือลง ก็นึกถึงโมดูลภารกิจด้านบน รู้สึกตื่นเต้นจึงถือโอกาสเปิดอ่านหนังสือ

(ภารกิจที่ 1 ‘ไม่ด้อยกว่ามนุษย์’ ภารกิจหลักที่ยาวนานและไม่มีกำหนดเวลา ค้นหาสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้ทุกฤดูกาลเพื่อเป็นคู่เปรียบเทียบให้กับระบบ รางวัลต่อภารกิจคือเงินสดหนึ่งล้าน หมายเหตุ: ภารกิจดังกล่าวเสร็จสิ้นไปแล้วหนึ่งครั้ง สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดครั้งที่แล้วคือ ปีศาจกลืนกินวิญญาณแอนเดอร์สัน ตอนนี้มีการอัปเดตใหม่อีกครั้งแล้ว

ภารกิจที่ 2 ‘แสร้งทำเป็นอ่อนแอ’…)

ระบบ “โฮสต์ คุณต้องการส่งภารกิจเหรอ”

ฟางหนิง “ใช่”

ระบบ “มหาเศรษฐียังสนใจเงินแค่นี้อยู่อีกเหรอ… ฉันยกเลิกรางวัลภารกิจดีไหม“

ฟางหนิงหัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า’ “ไม่ว่าเงินจะน้อยแค่ไหน แต่ฉันก็หามาได้อย่างถูกกฎหมาย เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้แกยกเลิก เกมหนังสือสมบัติไม่ฟังแกหรอก ที่รัก โฮสต์เลือกส่งภารกิจที่ 1 สิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุดก็คือ ‘อชาฮาน’”

การแจ้งเตือนของระบบ (โมดูลภารกิจของหนังสือเกมภาพอักษรขั้นสูงเริ่มดำเนินการ และเริ่มรับรายละเอียดภารกิจที่ 1 ที่เสร็จสมบูรณ์ซึ่งโฮสต์ส่งมาให้

ภารกิจที่ 1 “ไม่ด้อยกว่ามนุษย์”

โมดูลภารกิจกำลังวิเคราะห์…

โมดูลภารกิจกำลังวิเคราะห์…

โมดูลภารกิจคิดว่าโฮสต์ทำภารกิจที่ 1 ไม่สำเร็จ สิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้ไม่ใช่ ‘อชาฮาน’ ขอให้โฮสต์พยายามต่อไป)

ฟางหนิงตะลึงพรึงเพริด “อะไรนะ ที่รัก แกไม่ได้วิเคราะห์ผิดใช่ไหมมันอยู่ระดับทะเลสาบเชียวนะ ยังไม่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดอีกเหรอ”

ระบบ “เอ๊ะ เจ้าหนังสือพังๆ… เอ่อ ไม่ใช่สิ เจ้าหนังสือเกมแสนสวย สมแล้วที่ฉันเป็นคนสร้างมันขึ้นมา เที่ยงธรรมเหมือนฉัน ไม่มีทางโกงเรื่องสำคัญแน่นอน”

ฟางหนิงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับระบบ และไม่ได้โทษหนังสือเกมที่รักของตัวเอง เพียงแต่สงสัย “ไม่น่าใช่นะ ฤดูกาลที่แล้วแอนเดอร์สันยังแข็งแกร่งที่สุดในระดับบ่อน้ำ หรือว่ากำจัดอชาฮานแล้ว มีผู้แข็งแกร่งระดับทะเลสาบอื่นๆ ลงมาจุติบนโลกอีก”

ระบบ “ฉันก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าภารกิจของโฮสต์ล้มเหลว…ไม่ได้รับเงินจากฉันแม้แต่แดงเดียว”

ฟางหนิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันเข้าใจแล้ว บนโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญมากมายขนาดนั้น ฉันขอส่งภารกิจอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุดคือ ‘กู่ปู้เหวย’ แห่งเขาเทียนชิง”

การแจ้งเตือนของระบบ (ภารกิจที่ 1 ‘ไม่ด้อยกว่ามนุษย์’

โมดูลภารกิจกำลังวิเคราะห์…

โมดูลภารกิจพิจารณาว่าโฮสต์ทำภารกิจที่ 1 สำเร็จ สิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุดในโลกของฤดูกาลนี้คือ “กู่ปู้เหวย” ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ เงินสดหนึ่งล้านโอนเข้าบัญชีแบบเรียลไทม์)

(บัญชีอิสระของคุณได้รับเงินสดหนึ่งล้านหยวน)

ระบบ “บ้าชะมัด คุณเดาถูกอีกแล้ว หนึ่งล้านของฉันหายวับไปแล้ว… คุณเดาออกได้ยังไง”

ฟางหนิงจูบหนังสือเกมที่รักและพูดอย่างจนใจ “ครั้งก่อนที่สำนักงานสัจธรรมส่งหนังสือแจ้งมา เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของทั้งสองคนนั้นไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง แกสังเกตผิดจุด… แกควรจะคิดได้ว่า ในเมื่อหมอนั่นแข็งแกร่งขนาดนี้ แกควรจะเรียนรู้จากเขา แทนที่จะจับจ้องแต่เงินหนึ่งล้านนั่น”

ระบบ “ฉันกลัวเขารึไง ก็แค่ระดับทะเลสาบ ตอนนี้ฉันคือ ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ระดับปรมาจารย์ แปลงร่างเป็นมังกรได้ทุกเมื่อ เขาไม่มีทางทำอะไรฉันได้… ว่าแต่มหาเศรษฐีโฮสต์ คุณกำลังจะได้รับเงินก้อนโต อย่ามัวแต่จ้องเศษเงินพวกนี้เลย”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฟางหนิงก็รู้สึกโล่งใจ เพราะเขากลัวว่าระบบจะขี้ขลาดจริงๆ

เขาก็ตอบโต้กลับ “เศษเงินก็เป็นเงินเหมือนกัน แกไม่รู้เหรอ นักเขียนดังหลู่ซวิ่นเคยกล่าวไว้ว่า ‘ยิ่งไม่ยอมผ่อนปรนแม้แต่น้อย ยิ่งร่ำรวยมากขึ้นเท่านั้น’ ฉันควรจะเชื่อฟังคำพูดของนักปราชญ์ จึงจะเป็นมหาเศรษฐีที่แท้จริงได้… อีกอย่างถ้ากองกำลังของแกไม่มีราคาพอ เราใช้ร่างกายเดียวกัน ฉันจะไม่ให้แกยืมจริงๆ เหรอ”

ระบบ “อ้อ หมายความว่าครั้งที่แล้วมหาเศรษฐีล้อเล่นน่ะสิ ถ้าอย่างนั้นต่อไปคุณทำภารกิจได้ตามสบายเลย…”

พอฟางหนิงพูดจบ ก็ได้รับข้อความ QQ จากเจิ้งต้าว

หลังจากเขาเปิดอ่าน ก็บ่นพึมพำ “รู้ก็ดีแล้ว… สำนักงานสัจธรรมเพิ่งส่งข้อความมา เตรียมค่าตอบแทนไว้เรียบร้อยแล้ว วัสดุมากเกินไป การขนส่งทางไกลอันตรายมาก แกมาจากตระกูลมังกร มีอุปกรณ์มิติขนาดใหญ่ที่หาได้ยาก เชิญแกไปรับเองจะปลอดภัยกว่า ฉันจะอ่านรายการให้แกฟังตอนนี้เลย”

ระบบ “ในที่สุดก็ได้เสียที… ไม่รบกวนท่านมหาเศรษฐีอ่านให้ฟังแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันอ่านเอง”

เมื่อฟางหนิงได้ยิน ‘ใจร้อนจริงๆ…’

เขาเปิดอ่านเองและเห็นว่าทรัพย์สินที่เจิ้งต้าวรวบรวมได้มีทั้งหมดสี่ส่วน ส่วนที่ใหญ่ที่สุดคือวัสดุที่ใช้ทำกระบี่บิน ทั้งมีจำนวนมากและหลากหลายประเภท อาทิ เหล็กบริสุทธิ์ ทรายเทียนเฉิน ไม้ซิงเฉิน หินชิงอวิ๋น

เขาอ่านไม่เข้าใจเลยและรู้สึกปวดหัว ถ้าถูกย้อมแมวขายขึ้นมา ไม่รู้จะเตือนระบบอย่างไรจริงๆ

ส่วนที่สองคือเช็คเงินสด 500 ล้านที่เฉียวจื่อเจียงซื้อ ‘ยาเสริมพลังวิญญาณ’ ห้าเม็ดจากท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ สำนักงานสัจธรรมเบิกเต็มจำนวนจริงๆ ด้วย และโอนเข้าบัญชีของท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณในรูปแบบของรางวัลอย่างเป็นทางการแล้ว

ส่วนที่สามจำนวนน้อยแต่มีมูลค่าสูง เฉียวอันผิงมอบให้เป็นการส่วนตัว ล้วนแต่เป็นสมุนไพรชั้นเลิศที่ช่วยรวมพลังจิตและรักษาอาการบาดเจ็บ

ส่วนสุดท้ายแม้ว่าจำนวนก็ไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับสามส่วนแรกก็ไม่ต่างจากของแถม ยอดซื้อ ‘ยาเม็ดบำรุงผิว’ ของเหรินรั่วเฟิงครั้งที่แล้วคิดเป็นเงินสดสามล้านแถมสมุนไพรกว่าสิบชนิด

นอกจากนี้ยังมีข้อความจากเฉียวจื่อเจียง ส่วนของคุณอาเลือกมาจากโควตาของเธอ เดิมทีควรมาส่งด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว แต่เพราะคุณอาขี้เกียจไปรับซ้ำๆ จึงยังเก็บไว้ในโกดังเฉพาะของสำนักงานสัจธรรม เป็นผลให้ในสงครามดินแดนมรดกครั้งที่แล้ว ถูกบางคนยักยอกไปกลั่นยา…

จนกระทั่งวันนี้ถึงรวบรวมได้ครบถ้วน และคิดรวมกับค่าตอบแทนอื่นๆ หวังว่าท่านเทพจะยกโทษให้อวิ๋นอวิ๋น…

ระบบ “เอ๊ะ โฮสต์ กลยุทธ์แสร้งทำเป็นอ่อนแอของคุณนี่มันดีจริงๆ มีคนส่งยามาปลอบใจด้วย…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “แกไม่รู้สึกว่ามันไม่ต่างจากการหลอกคนเหรอ ไม่กลัวคุณสมบัติผดุงคุณธรรมของแกจะลดลงเหรอ”

ระบบ “ในศึกใหญ่ครั้งก่อน เฉียวอันผิงได้รับผลประโยชน์เหมือนฉันไม่น้อย รอให้เขาฟื้นฟูจิตวิญญาณ คาดว่ากลิ่นอายสังหารน่าจะก้าวไปอีกขั้น และใกล้ระดับทะเลสาบมากขึ้นอีกก้าว ของพวกนี้ถือเป็นสิ่งตอบแทนบุญคุณจากเขา”

ฟางหนิงพยักหน้า “ผลประโยชน์ทั้งหมดที่ส่งมาถึงแก แกก็มักจะหาเหตุผลอันชอบธรรมได้เสมอ…”

ระบบ “เอ๊ะ มหาเศรษฐีโฮสต์ตอนนี้คุณรู้จักฉันดีทีเดียว… ฉันจะบินไปรับของกับพวกเขาเดี๋ยวนี้”

อัศวิน A พูดจบก็กระโดดออกจากหน้าต่างห้องนอน มังกรเขียวตัวยาวบินแหวกเมฆไปอย่างเงียบๆ บ่ายหน้าไปทางเหนือ

สำนักงานใหญ่ของสมาคมราชาผีใต้ตั้งอยู่ในหุบเขาวิญญาณของมณฑลหูหนาน

สถานที่แห่งนี้ภูมิทัศน์งดงาม เมื่อยี่สิบปีก่อนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก แม้จะเทียบไม่ได้กับภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อเสียง แต่ก็ได้นำรายได้จากการท่องเที่ยวมาสู่ท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก

ต่อมาพลังชีวิตก็ฟื้นคืน สิบเจ็ดปีก่อนพลังหยินปรากฏขึ้นที่นี่และกระจายไปทั่วทุกสารทิศสำนักงานสัจธรรมพบปัญหานี้จึงร่วมมือกับหน่วยกิจการพิเศษท้องถิ่นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปิดภูเขาเพื่อจัดการ กักขังพลังหยินในภูเขา นอกจากนักล่าอยากรู้อยากเห็นผู้กล้าหาญไม่กี่คนไปสำรวจที่นั่นเป็นครั้งคราว นักท่องเที่ยวอื่นๆ ล้วนแต่หลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในหุบเขาวิญญาณมีถ้ำลึกและแคบใต้หน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง ด้านนอกของถ้ำแห่งนี้มีคำว่า ‘ถ้ำราชาผี’ ตัวอักษรเหล่านี้ดูทรงพลังและมีพลานุภาพ พลังปราณแท้น่าสะพรึงตรงกันข้ามกับพลังหยินหนาแน่นโดยรอบอย่างชัดเจน

ที่นี่ก็คือสำนักงานใหญ่ของสมาคมราชาผี และจำเป็นต้องเปิดเผยต่อสำนักงานสัจธรรม…

ข้างในเส้นทางคดเคี้ยว หมอกหนาแน่น และเต็มไปด้วยทางแยก เมื่อมนุษย์เข้าไป พวกเขาไม่มีทางหาทิศทางที่ถูกต้องเจอ มีเพียงไม่แยแสภูตผีขวางกั้น จึงจะสามารถไปมาอย่างอิสระ นอกจากนี้ มีเพียงผู้อาวุโสของสมาคมราชาผีที่รู้วิธีเดินทาง

ในเวลานี้ บนแท่นหินสีฟ้าแห่งหนึ่งด้านนอกถ้ำราชาผี มีคนยืนอยู่สามคน หญิงสองชายหนึ่ง ดูเหมือนจะกำลังรอใครสักคน

มีสองคนที่ฟางหนิงคุ้นเคย ผู้ชายคือเซี่ยตง ส่วนผู้หญิงสองคน คนหนึ่งคือเฉียวจื่อเจียง และอีกคนก็คือฉีเหมยแห่งเขาเทียนชิง

ในเวลานี้ ใบหน้าของฉีเหมยค่อนข้างจะทนไม่ไหว และดูเหมือนว่าเธอกำลังรอคอยอย่างร้อนใจ

เฉียวจื่อเจียงใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยิ้มราวกับเด็กไร้เดียงสาพลางพูดปลอบใจฉีเหมย “พี่ฉี เมื่อครู่ผู้อาวุโสเอ้อร์ของสมาคมราชาผีเข้าไปเชิญวิญญาณผู้พิทักษ์ ‘จูหงอิง’ ของพวกเขาแล้ว ไม่นานก็คงออกมา ไม่ต้องร้อนใจไปหรอก”

ฉีเหมยพยักหน้า ใบหน้าค่อยผ่อนคลายลงหน่อย “อืม ที่นี่เต็มไปด้วยพลังหยิน ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันยืนเพียงครู่เดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว”

เฉียวจื่อเจียงแสดงสีหน้าไร้เดียงสา ชวนฉีเหมยพูดคุยเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อาหารรสเลิศ เครื่องประดับ ที่กำลังได้รับความนิยมที่สุดในตอนนั้น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฉีเหมย

ขณะกำลังสนทนากัน เฉียวจื่อเจียงก็นึกถึงภารกิจที่คุณปู่เหรินมอบหมายให้เธอไปด้วย ไม่สิ ต้องเรียกว่าหัวหน้าทีมเหริน

หลังจากที่หัวหน้าทีมเหรินบอกเล่าภูมิหลังของฉีเหมย ก็กำชับเธอให้จับตาดูอีกฝ่ายให้ดี และสามารถเรียกใช้เครือข่ายเทียนลั่วในยามจำเป็น ยายเฒ่าหงได้ให้สิทธิ์เธอเรียกใช้ ‘ฝ่ามือเทียนลั่ว’ สามครั้ง

สิบนาทีต่อมา ชายคนหนึ่งสวมหน้ากากสีขาวออกมาจากถ้ำลึกของราชาผี ชายคนนี้คือกุ่ยเอ้อร์ที่ฟางหนิงเคยพบมาก่อน เขาเคยหลุดรอดจากมือจากอัศวิน A

ด้านหลังกุ่ยเอ้อร์ตามมาด้วยหญิงสาวท่าทางองอาจผึ่งผายถือหอกสีแดง ซึ่งก็คือจูหงอิง

ข้างหลังหญิงสาวยังมีผู้ชายติดตามอีกสามคน เมื่อกวาดสายตามองทั้งสามต่างไม่ดึงดูดสายตา ความสนใจทั้งหมดล้วนตกไปที่หญิงสาวท่าทางองอาจคนนั้น

ฉีเหมยได้เห็นดังนั้นดวงตาก็เป็นประกาย รีบเอ่ยขึ้น “ช่างเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ที่มีคุณสมบัติของราชาผีจริงๆ”

ในเวลานี้ กุ่ยเอ้อร์ประสานมือทั้งสองยกขึ้นในระดับหน้าอกและคำนับ “ท่านนี้ก็คือผู้พิทักษ์จูแห่งสมาคมราชาผีของพวกข้า ตอนนี้พวกท่านบอกจุดประสงค์ที่พวกท่านมาที่นี่ได้แล้วใช่ไหม“

ฉีเหมยกล่าวโดยตรง “อ้อ ฉันชื่อฉีเหมย ศิษย์รุ่นที่สามแห่งเขาเทียนชิง ไม่นานมานี้นี้ฉันได้ยินมาว่าผู้พิทักษ์จูองอาจอัจฉริยะ เขาเทียนชิงของเราเปิดประตูต้อนรับผู้เก่งกล้าอัจฉริยะทุกท่านเสมอ การมาเยือนวันนี้ ก็เพื่อเชิญผู้พิทักษ์จูขึ้นเขาไปฝึกฝนด้วยกัน…”

เฉียวจื่อเจียงฟังแล้วตกตะลึง พี่สาว ฉันเคยได้ยินภูมิหลังและประสบการณ์ของพี่ ก็รู้ทันทีว่าพี่ไม่ธรรมดา แต่คิดไม่ถึงจริงๆ จะแย่งตัวลูกน้องอีกฝ่ายได้เหมาะสม แย่งตัวผู้พิทักษ์ต่อหน้าผู้อาวุโสตรงๆ สำนักงานสัจธรรมก็ยังไม่กล้าทำ… ยังดีที่โน้มน้าวก่อน ให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยปากขอมาอยู่ด้วยเอง

กุ่ยเอ้อร์ได้ฟังก็ไม่พอใจ เอ่ยตำหนิ “ท่านผู้นี้ คำพูดเหล่านี้โอหังเกินไปหรือไม่ สมาคมราชาผีของพวกข้าสร้างโดยพระโพธิสัตว์ ซึ่งก็มีเส้นทางสู่สวรรค์เหมือนกัน…”

เวลานี้จูหงอิงขัดจังหวะขึ้น “ผู้อาวุโสเอ้อร์ไม่จำเป็นต้องพูดมากกับคนคนนี้ ข้าได้รับเมตตาใหญ่หลวงจากพระโพธิสัตว์ แม้ร่างกายต้องแหลกสลาย ก็ยากที่จะทดแทนบุญคุณ ไม่ต้องพูดถึงเขาเทียนชิงที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ต่อให้เชิญข้าขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ ข้าก็ไม่สนใจ…”

กุ่ยเอ้อร์พยักหน้า ดวงตาฉายแววแห่งความภาคภูมิมองไปที่อีกฝ่าย

เมื่อได้ยินดังนั้นฉีเหมยไม่ได้โกรธ แต่กลับยิ้มแย้มพลางเอ่ยตอบ “น้องสาวพูดถูก เขาเทียนชิงปิดภูเขาฝึกฝนมาโดยตลอด จึงไม่เป็นที่รู้จักในหมู่คนทั่วไป เช่นนั้นตอนนี้ฉันจะแสดงฝีมือที่แท้จริงของเขาเทียนชิงให้ชม คาดว่าหลังจากได้เห็นกับตาแล้ว ผู้พิทักษ์จูจะเปลี่ยนใจ”

……………………………………………………….