บทที่ 188 รีบไปเชิญท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 188 รีบไปเชิญท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ

กุ่ยเอ้อร์ดูหมิ่นในใจ เขาเองก็ผ่านเหตุการณ์สำคัญมาไม่น้อย และยังเห็นฤทธานุภาพแห่งพระโพธิสัตว์ที่ชุบชีวิตคนตายได้มากับตา อีกฝ่ายจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรได้

เมื่อเฉียวจื่อเจียงได้ฟังกลับแอบเตรียมตัวให้พร้อม ที่นี่คือดินแดนเสินโจว เครือข่ายร่วมมือของเทียนลั่ว เหมาะที่จะแสดงฤทธานุภาพพอดี

ทันใดนั้น ผู้คนบนแท่นหินสีฟ้าต่างจับจ้องไปที่ฉีเหมยพร้อมกัน

ฉีเหมยที่อยู่ท่ามกลางสายตาของทุกคน นอกจากจะไม่ตื่นตระหนก ยังดูเหมือนจะชอบใจที่กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ใบหน้าของเธอแดงเรื่อเพราะตื่นเต้น

จากนั้นทุกคนก็เห็นเธอแบมือซ้ายออก มือที่เดิมทีว่างเปล่านั้นไม่นานก็ปรากฏขวดหยกจิ๋วสีขาว ขนาดของขวดพอๆ กับนิ้วชี้ และมองเห็นแสงสีขาวเลือนรางบนปากขวด

ผู้คนต่างพากันงงงวยกับสิ่งที่เห็น มีเพียงเฉียวจื่อเจียงเท่านั้นที่นึกถึงบางสิ่ง พลันสีหน้าเปลี่ยนไป

เห็นเพียงฉีเหมยยิ้มให้กับจูหงอิงและพูดว่า “น้องสาว ดูให้ดีล่ะ”

ทุกคนเห็นเพียงเธอขยับปากเล็กน้อย ขวดหยกใบนั้นก็ส่องแสงประกายไปทั่วทุกสารทิศ

ทุกคนในที่นั้นต่างไม่ใช่คนธรรมดา จึงไม่มีใครคิดว่าฉีเหมยเพียงสร้างแสงสว่าง

หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เห็นพลังหยินแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณโดยรอบ แสงส่องไปถึงที่ใดก็ดูเหมือนว่าพลังหยินถูกดึงตรงไปยังแหล่งกำเนิดแสงดุจแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

หลังจากนั้นไม่นาน พลังหยินรอบตัวพวกเขาก็ถูกกำจัดจนเกลี้ยง จากนั้นพลังหยินโดยรอบก็ทะลักเข้ามา

แต่ละสายรวมกันเป็นกระแสน้ำหลั่งไหลไปยังที่เดียวกัน ราวกับแม่น้ำหลายร้อยสายที่ไหลบ่าสู่มหาสมุทร และมหาสมุทรนั้นก็คือขวดหยกในมือของฉีเหมย

เดิมทีทั่วทั้งหุบเขาวิญญาณถูกปกคลุมด้วยพลังหยินขมุกขมัวหลายชั้น และอยู่ในสภาพกึ่งสงบเสมอ ลมที่โหมกระหน่ำมาเป็นครั้งคราวก็ทำอะไรไม่ได้

ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยพลังหยิน มองไม่เห็นดวงอาทิตย์ บัดนี้ เมื่อพลังหยินมหาศาลถูกขวดหยกใบนั้นดูดซับ หลายพื้นที่ต้องแสงสาดส่องเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปี

กุ่ยเอ้อร์ตกตะลึงเมื่อเห็นเช่นนี้ รีบร่ายคาถาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วมองลงมา

ชั้นพลังหยินในหุบเขาวิญญาณใหญ่โตพุ่งเข้าใส่ขวดหยกจิ๋วใบนั้น เมื่อมองลงมาจากด้านบนราวกับกระแสน้ำวนมโหฬาร

ถ้าพลังหยินทั้งหมดถูกดูดไป บัดนี้ภูตผีมากมายในถ้ำราชาผีที่รวบรวมมาจากสถานที่ต่างๆ จะอยู่รอดได้อย่างไร ถ้าปั่นป่วนขึ้นมา ต่อให้พระโพธิสัตว์ถูกบีบให้ออกโรง เกรงว่าจะควบคุมไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง…

กุ่ยเอ้อร์ลงมาจากท้องฟ้าแล้วรีบร้องตะโกน “ท่านผู้สูงส่งจากเขาเทียนชิง โปรดเก็บอาวุธวิเศษของท่านเถิด”

ฉีเหมยยังคงนิ่งเฉย เพียงยิ้มให้กับจูหงอิงต่อไป “น้องสาว คิดว่าฝีมือของเขาเทียนชิงเป็นยังไงบ้าง”

จูหงอิงกำเนิดจากวิญญาณ ย่อมรู้ถึงความสำคัญของพลังหยินที่มีต่อวิญญาณเป็นอย่างดี เธอจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเชียวหรือ

เมื่อได้ยินดังนั้น เธอระงับความโกรธในใจ เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “พี่สาวเก่งกาจจริงๆ แต่สมาคมราชาผีของเรากำราบภูตผีนับไม่ถ้วน ณ ภูเขาแห่งนี้ ล้วนแต่เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่จับมาจากทุกสารทิศ พี่สาวได้โปรดอย่าทำลายพลังหยินในสถานที่แห่งนี้เลย เกรงว่าพวกเขาจะสูญเสียรากฐานของการดำรงอยู่และก่อความวุ่นวายอีกครั้ง”

ดูเหมือนฉีเหมยจะพอใจมาก จากนั้นก็พึมพำออกมา ทันใดนั้น ขวดหยกใบนั้นก็หยุดส่องแสง ในขณะเดียวกัน พลังหยินที่หลั่งไหลเข้ามาในขวดก็หยุดลงด้วย

จูหงอิงหันไปพูดบางอย่างกับผู้ติดตามชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง อีกฝ่ายรีบรุดบินกลับไปที่ถ้ำและหายตัวไปในพริบตา

เฉียวจื่อเจียงได้ยินชัดเจน อีกฝ่ายพูดว่า “แจ้งผู้อาวุโสใหญ่ เรียนเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่กับพระโพธิสัตว์”

หลังจากแสดงอิทธิฤทธิ์ ตอนนี้ฉีเหมยดูเหมือนจะมีความอดทนมาก ไม่เร่งเร้าและไม่เร่งรีบเช่นกัน แต่กลับพูดคุยกับจูหงอิง พุดคุยเกี่ยวกับทิวทัศน์และผู้คนในเขาเทียนชิง ราวกับว่าเธอกำลังรับศิษย์จริงๆ

เซี่ยตงที่อยู่ข้างๆ เฉียวจื่อเจียงใช้โอกาสนี้แอบส่งเสียง

เฉียวจื่อเจียง “คุณอาเซี่ย ฉีเหมยเพิ่งพูดเมื่อครู่จริงเท็จแค่ไหน”

เซี่ยตง “นอกจากประโยคที่ว่า ‘แสดงฝีมือที่แท้จริงของเขาเทียนชิงของเรา’ นั้นเป็นความจริงแล้ว ประโยคอื่น ‘เชิญผู้พิทักษ์จูขึ้นเขาไปฝึกฝนด้วยกัน’ อะไรทำนองนั้น ล้วนแต่เป็นเท็จ”

เฉียวจื่อเจียง “เป็นอย่างนี้เอง”

เซี่ยตงสงสัย “น้องจื่อเจียง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงคนนี้เลย ได้ยินหัวหน้าทีมเหรินพูดว่า เธอใช้เหตุผลรับศิษย์บังหน้า ศิษย์พี่กู่ถึงยินยอมให้เธอมาที่สมาคมราชาผี อันที่จริงเธอมาเพื่อขอให้พระโพธิสัตว์ปีศาจช่วย ทำไมเธอเลือกทำแบบนี้ล่ะ บอกจุดประสงค์ออกมาตรงๆ แล้วขอความช่วยเหลือด้วยความจริงใจไม่ดีกว่าหรือ”

เฉียวจื่อเจียงยิ้มพลางส่งเสียงลับๆ “ความคิดของคนจำพวกหนึ่ง คนซื่อสัตย์และภักดีอย่างอาไม่มีทางเข้าใจหรอก ในพจนานุกรมของพวกเขาไม่เคยมีคำว่า ‘ขอความช่วยเหลือ’ นับประสาอะไรกับการก้มหัวร้องขอความช่วยเหลือ…”

เซี่ยตงเข้าใจทันที “เช่นนั้นเอง รับลูกศิษย์เป็นเพียงข้ออ้าง อวดฝีมือต่างหากที่เป็นเรื่องจริง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ สมาคมราชาผีรู้ถึงฝีมือของเธอชัดแจ้งแล้ว หลังจากที่พระโพธิสัตว์ปีศาจออกมา เธอค่อยบอกเรื่องที่จะให้อีกฝ่ายช่วย ถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธ เธอก็ข่มขู่อีกฝ่ายและใช้สมบัติชิ้นนี้ถอนรากถอนโคนอีกฝ่ายได้… เพียงแต่เธอหยิ่งยโสเกินไปหรือเปล่า พระโพธิสัตว์ปีศาจองค์นี้เป็นส่วนหนึ่งของพลังจิตของพระโพธิสัตว์ในโลกเบื้องบน เธอจะกำราบอีกฝ่ายได้จริงหรือ”

เฉียวจื่อเจียงพูดอย่างจนใจ “เฮ้อ เขาเทียนชิงมีภูมิหลังที่ลึกล้ำมาก จนถึงตอนนี้ก็มองเห็นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้จุติจากโลกเบื้องบนไม่แน่ว่าจะอยู่ในสายตาของพวกเขา พระโพธิสัตว์ปีศาจมีความสามารถฟื้นคืนชีพ เธอตะลึงกับความสามารถนี้เป็นความจริง

แต่นอกเหนือจากนั้น มีเพียงคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับบ่อน้ำเท่านั้นที่เทียบเท่ากับหมอเทวดาในสายตาของเธอ คุณอาเซี่ยน่าจะเคยได้ยินคำพูดข่มทำนอง ‘ถ้าช่วยชีวิตไม่ได้ ฉันจะฆ่าแก’ สินะ

“มนุษย์ธรรมดาก็มีความคิดเช่นนี้ นับประสาอะไรกับผู้ฝึกฝนรุ่นสองอย่างเธอ ผลของการฆ่าหมอเทวดาจนไม่เหลือผู้สืบทอดนั้น เช่นเดียวกับกรณีของโจโฉ เธอเองก็คงไม่คำนึงถึงเช่นกัน ไม่สิ ในเมื่อเธอไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ บางทีอาจจะมีความคิดอื่น… ขอฉันคิดดูอีกหน่อย”

เมื่อเซี่ยตงได้ยินดังนั้นก็ไม่ส่งเสียงลับอะไรอีก แต่เห็นเฉียวจื่อเจียงขมวดคิ้ว

เขาเองก็คิดว่า โลกใบนี้กว้างใหญ่ มีคนอยู่ทุกรูปแบบ เขารู้ได้จากเรื่องนี้ว่าเหตุใดหัวหน้าทีมเหรินจึงต้องระมัดระวังขนาดนี้ คนผู้นี้รับมือไม่ง่ายเลยจริงๆ… พูดไปแล้ว ในเบื้องลึกก็มีแต่คำว่า ‘ยโสโอหัง’

เกรงว่าเรื่องนี้เดินไปจนเกินความคาดหมายของตัวเองไปไกล และไม่รู้ว่าผู้เล่นระดับช้อนส้อมอย่างตนจะเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่…

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายชรามาจากภายในถ้ำ

“เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า พระโพธิสัตว์เก็บตัวยากจะออกมา เจตนาการมาของผู้นั้นไม่บริสุทธิ์ จะต้องซับซ้อนเป็นแน่ มีเพียงเชิญท่านนักปราชญ์มังกรแห่งจิตวิญญาณมาเท่านั้นถึงจะหยุดยั้งภัยครั้งนี้ได้”

มังกรเขียวตัวหนึ่งกำลังโบยบินอย่างอิสระกลางหมู่เมฆบนท้องฟ้า เดี๋ยวม้วนตัว เดี๋ยวเหยียดตรง ในเบื้องลึกมีเพียงคำว่า ‘สบายใจ’

ระบบ “ฮ่าฮ่า สำนักงานสัจธรรมใจกว้างจริงๆ ฉันคิดว่าพวกเขาจะย้อมแมวขายฉันซะแล้ว ไม่คิดว่าวัสดุทุกชิ้นล้วนมีคุณภาพสูง แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ใช่คุณภาพสูงสุด แต่ก็นับว่าหาได้ยาก มหาเศรษฐีโฮสต์ คราวนี้คุณเดาผิดแล้วล่ะ…”

ฟางหนิงจนใจ “ใช่ ใช่ ฉันใช้ความคิดเห็นเลวๆ ไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง…”

คราวนี้เจ้าระบบงี่เง่าเดาถูกจริงๆ เขาจึงไม่มีอะไรจะพูด

ในเวลานั้นหัวหน้าทีมแซ่หวงผู้เป็นฝ่ายพลาธิการของสำนักงานสัจธรรมมาต้อนรับเอง เขาขอโทษขอโพยที่ช่วงนี้ยังไม่อาจสร้างอุปกรณ์มิติความจุขนาดใหญ่ได้ มีเพียงอุปกรณ์ความจุขนาดเล็กที่ผู้อาวุโสใช้ จึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะส่งของไปให้ถึงที่ จึงต้องรบกวนท่านเทพมารับเอง

เจ้าระบบงี่เง่าพูดทันที “ข้าสร้างได้ พวกท่านช่วยจัดเตรียมวัสดุก็พอ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลา รอข้าหาเวลาได้ค่อยว่ากันอีกที”

จากนั้นเขาก็เห็นสีหน้าของหัวหน้าหวงทีมพลาธิการทั้งแปลกใจระคนยินดี บอกว่าจะไปรายงานสักหน่อย

เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล วัสดุกระบี่บินที่ระบบได้รับนั้นล้วนแต่เป็นวัสดุคุณภาพสูง ถือว่าน่าพอใจทีเดียว

อีกฝ่ายต้องการให้ตนช่วย จึงไม่มีทางจะย้อมแมวขายอีกเป็นแน่

ฟางหนิงถือโอกาสเตือน “ฉันจะบอกแกให้นะ รับปากส่วนรับปาก แต่แกอย่ารีบพูดถึงราคาค่าตอบแทน รอดูงานแลกเปลี่ยนสมบัติ ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตลาดแล้วค่อยว่ากันอีกที”

ระบบ “ฉันเข้าใจ ฉันยังไม่ได้บอกพวกเขาว่าต้องใช้วัสดุผลิตมากแค่ไหนถึงจะทำได้…”

ฟางหนิงหมดคำพูด อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องย้ำเตือนเรื่องนี้ ระบบเคยถูกเอาเปรียบเมื่อไรกัน

ขณะสนทนากัน เขาเห็นข้อความ QQ บนคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบ

ผู้ติดต่อที่ส่งข้อความมาชื่อ “จูหงอิง” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกออก เมื่อนานมาแล้ว หลังจากที่อัศวิน A ฆ่ากุ่ยชี หัวหน้าผีสาวที่อยู่กับเขาก็ตายเพราะเหตุนี้ และถูกพระโพธิสัตว์ปีศาจชุบชีวิตและตั้งชื่อให้นั่นเอง ตอนนั้นเขาขอให้ระบบส่งช่องทางติดต่อออนไลน์ของอัศวิน A ให้อีกฝ่าย

เขาเปิดอ่านข้อความ เห็นรูปภาพรูปหนึ่ง ในรูปคือจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือ

ในจดหมายลายมือเขียนว่า “ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณ หวังว่าท่านจะสบายดีเมื่อเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ ข้าคือหัวหน้าผู้อาวุโสของสมาคมราชาผี สถานการณ์เร่งด่วนและยากที่จะอธิบาย หลังจากที่พระโพธิสัตว์ร่วมกับท่านกำจัดปีศาจแมลงและกำราบนางพญาแมลงครั้งที่แล้ว ก็ได้เก็บตัวทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลกเสมอมา แต่การทำความดีนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและภัยพิบัติมากมาย วันนี้มีคนมาหาเรื่องถึงหน้าถ้ำราชาผีในหุบเขาวิญญาณ บุคคลผู้นั้นมาจากเขาเทียนชิง ฝีมือไม่ธรรมดา พระโพธิสัตว์กำลังเก็บตัวไม่ออกมา เราต่างหมดหนทางแล้ว ถ้าท่านสามารถสละเวลามาช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ สมาคมราชาผีจักขอบพระคุณยิ่ง และตอบแทนอย่างงามแน่…”

ฟางหนิงอ่านจบก็พูดขึ้นว่า “พระโพธิสัตว์ปีศาจเป็นตัวละครสีขาวมีคุณธรรมที่หาได้ยากยิ่ง ตอนนี้เขากำลังเก็บตัว ลูกศิษย์ของเขาถูกคนอื่นรังแก ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี”

ระบบ “แน่นอนว่าต้องไปช่วยเขา สำนักงานสัจธรรมอนุญาตให้เรานำคนเข้าไปในดินแดนมรดก ฉันยังหวังให้เขามาจับปีศาจด้วยกันปลายปีนี้ เขาไม่สังหารใคร จึงเป็นผู้ช่วยจับปีศาจที่ดีที่สุด…”

ฟางหนิงค่อนข้างลังเล “อีกฝ่ายเป็นคนจากเขาเทียนชิง คนที่ชื่อฉีเหมยอาจไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ศิษย์พี่ของเธอคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้ พระโพธิสัตว์ปีศาจมีมิตรภาพที่ดีกับเรา เราควรจะช่วยเขาจริงๆ แต่ความเสี่ยงนี้ไม่น้อยเลย”

ระบบ “โฮสต์อย่าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ คุณยังไม่รู้ว่าความยอดเยี่ยมของการแปลงร่างเป็นมังกรโดยไม่ต้องใช้พลังปราณ อย่างมากฉันก็แค่ลงไปอยู่ในทะเลจนกว่าพวกเขาจะจากไป”

ฟางหนิงหมดคำพูด “ที่แท้แกก็ขี้ขลาดยิ่งกว่าฉันอีก… แล้วผู้ติดตามของเราล่ะจะทำยังไง แต่ฉันไม่ใช่ตัวเอกที่มุทะลุ หลังจากต่อสู้กับศัตรูสะใจแล้ว ต้องกลับมาเห็นครอบครัวของตัวเองถูกศัตรูล้างแค้น แล้วสาบานว่าจะทำลายล้างโลกอะไรทำนองนั้น”

ระบบ “…คุณเป็นโรคหวาดระแวงแล้วล่ะ ช่างเถอะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะยังไม่สร้างกระบี่บิน แต่จะสร้างอุปกรณ์มิติในตำนานก่อน เหมือนกับพื้นที่ปีศาจฝันร้ายสร้าง มันก็เข้าไปได้ ตอนนี้ฉันจะบอกความลับของประตูหินออบซิเดียนบานนั้นให้คุณฟัง มันสามารถใช้เป็นทางเข้าภายนอกของอุปกรณ์มิติในตำนาน โดยวางไว้นอกโลกเพื่อดูดซับพลังชีวิตและส่งไปยังพื้นที่ภายใน”

ฟางหนิงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที แม้ว่าสุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไร เมื่อติดตั้งอุปกรณ์มิติในตำนานให้กับผู้ติดตามของตน

ฟางหนิงพยักหน้าเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา อีกอย่าง ยังมีสำนักงานสัจธรรมอยู่เบื้องหลัง มีความเป็นไปได้สูงที่สถานการณ์จะไม่เลวร้ายลงถึงระดับนั้น เรารีบไปช่วยพระโพธิสัตว์ปีศาจกันเถอะ”

มังกรเขียวจึงเปลี่ยนทิศทางบ่ายหน้าไปยังถ้ำราชาผีทางตอนใต้

……………………………………………………………