บทที่ 54 ทำลายมันซะ
สิ้นเสียง ท่านหงห้าก็เข้ามาพร้อมกับเปียวจื่อและอีกหลายสิบคนก็กรูกันเข้ามา
ทันทีที่เข้ามา เขาก็สั่งเปียวจื่อทันที “ล็อกประตู และไม่ต้องให้ใครเข้ามา!”
เปียวจื่อรีบพยักหน้ารับคำสั่งทันที “รับทราบท่านหงห้า!”
พี่เจ็ดมองไปที่ท่านหงห้าอย่างตกตะลึง สมองของเขาเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตอย่างสมบูรณ์
ท่านหงห้า
ราชาของเมืองจินหลิง
พี่เจ็ดเป็นเพียงหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลในเขตท้องถิ่น แต่ท่านหงห้าเป็นราชาของเขตทั้งหมด!
ทุกคนบนท้องถนนต้องมาทำความเคารพท่านหงห้าถึงในเมืองหลัก!
เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าเขาที่มาช่วยจ้าวตงจัดการกับเรื่องเล็กน้อยนี่ ไปกระตุกหนวดเสืออย่างท่านหงห้าได้!
จ้าวตงไม่รู้จักท่านหงห้า เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของพี่เจ็ดเขาก็ขมวดคิ้วและถามว่า “พี่เจ็ดเกิดอะไรขึ้น? ตาแก่นี่เป็นใคร”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาพี่เจ็ดก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ
เขาจับผมของจ้าวตงและต่อยไปที่หน้าจ้าวตงอย่างรุนแรง ต่อยจมูกของจ้าวตงและมองดูเลือดที่ไหลออกจากรูจมูกทั้งสองข้างของเขา พี่เจ็ดกัดฟันและสาปแช่ง “ไอ้จ้าว ถ้าแกอยากตายอย่าลากฉันมาตายด้วย! นี่คือท่านหงห้า!”
“อะไรนะ?!” จ้าวตงตกใจในทันใด!
ท่านหงห้า?!
ราชาของเมืองจินหลิง!?
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
ท่านหงห้าในตอนนี้เดินไปด้วยใบหน้าที่มืดมนและเตะเข้าที่เป้ากางเกงของพี่เจ็ด ลูกเตะนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส เขาคุกเข่าลงบนพื้นทันทีด้วยใบหน้าไร้สีเลือด
ท่านหงห้าจ้องมองเขาและพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่นายท่านเย่ยังกล้ายุ่ง แกไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วใช่ไหม?”
พูดจบท่านหงห้าก็หันไปพูดกับเย่เฉินทันทีและพูดอย่างละอายใจ “นายท่านเย่ ผมมาช้าไป ได้โปรดลงโทษผมด้วยครับ”
ท่าทีที่เคารพของท่านหงห้าที่มีต่อเย่เฉินทำให้ทุกคนในที่เกิดเหตุตกใจ
จ้าวตงตระหนักถึงว่าเขาไปยุ่งกับคนที่หาเรื่องด้วยไม่ได้ เขาก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ
เย่เฉินพยักหน้าให้หงห้า ชี้ไปที่พี่เจ็ดและถามว่า “คุณรู้จักไอ้หมอนี่ด้วยเหรอ?”
หงห้า “รู้จักครับ เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องของผม แต่ไม่ได้เจตนาที่จะยั่วโมโหนายท่านเย่ หากนายท่านต้องการจะทำอะไร ได้โปรดพูดมาคำเดียว หงห้าจะทำทันที!”
เย่เฉินพยักหน้าและพูด “มันเป็นคนหยิ่งผยองเกินไป มันเข้ามาในห้องเพื่อที่จะฆ่าฉัน คนอย่างมันจะอยู่ในสังคมนี้ก็คงจะเป็นอันตราย ทำลายมันซะ ปล่อยให้ชีวิตของมันหลังจากนี้อยู่ไม่ได้โดยไม่นั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต”
พี่เจ็ดรู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด
ลำพังตัวมันเองแค่อาศัยเรื่องต่อยตีเพื่อเลี้ยงตัวเอง ถ้ามันกลายเป็นคนพิการที่ไม่สามารถทำอะไรได้โดยไม่มีรถเข็นจริง ๆ ชีวิตมันหลังจากนี้จะยุ่งเหยิงแค่ไหน? มันจะไม่ซวยไปตลอดชีวิตเลยรึไง!
เขาคุกเข่าลงบนพื้น เดินเข่าไปต่อหน้าเย่เฉินแล้วร้องไห้พลางพูดว่า “นายท่านเย่ เป็นผมที่มันเป็นกบในกะลา ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย หลังจากนี้ผมจะไม่ทำให้นายท่านขุ่นเคืองอีก!”
เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันให้โอกาสแกแล้วไง แต่แกไม่รับเอง”
พี่เจ็ดนึกถึงสิ่งที่เย่เฉินพูดกับเขาในเมื่อครู่ คุกเข่าลงและร้องขอชีวิตเหมือนหมาตัวหนึ่ง
เขาในตอนนั้นยังคงคิดว่าเย่เฉินกำลังรนหาที่ตาย แต่ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าไม่ใช่เขา แต่ที่กำลังรนหาที่ตายมันคือตัวเขาเอง! ด้วยความตื่นตระหนก เขาโขกหัวลงกับพื้นร้องไห้ทันทีพลางพูดว่า “นายท่านโปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง และไว้ชีวิตหมาตัวนี้ด้วย!”
เย่เฉินไม่สนใจเขาอีก แต่เขามองไปที่หงห้าและถามว่า “ยังไม่ลงมืออีก มัวรออะไรอยู่?”
หน้าของหงห้าแข็งทื่อและรีบพูดทันที “มานี่! หักขามันเป็นชิ้น ๆ ”
ทันใดนั้นลูกน้องอีกหลายคนก็รีบวิ่งเข้ามาและกดพี่เจ็ดลงกับราบกับพื้นแผ่เป็นรูปอ้าแขนขา
ขณะนั้นเองเปียวจื่อก็ดึงแท่งเหล็กออกมาและก้าวไปข้างหน้า
พี่เจ็ดยังร้องขอความเมตตา แต่เปียวจื่อยกท่อนเหล็กขึ้นเหนือหัวของเขาและฟาดมันลง
พัวะ!
กระดูกหัวเข่าขวาของพี่เจ็ดถูกทุบละเอียด
อาการบาดเจ็บที่ถูกทุบจนกระดูกแตกละเอียดแบบนี้ ไม่สามารถรักษาได้ในชีวิตนี้!
พี่เจ็ดโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แต่เย่เฉินก็พูดในตอนนั้น “ยังไม่พอ หักขามันแค่ข้างเดียว มันยังสามารถใช้ไม้ค้ำยันได้ ฉันต้องการให้มันนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต!”
เปียวจื่อพยักหน้าทันทียกท่อนเหล็กขึ้นและฟาดมันอีกครั้งที่หัวเข่าซ้ายของพี่เจ็ด
พี่เจ็ดกลิ้งไปทั่วพื้นด้วยความเจ็บปวดและร่างกายของเขาก็ช็อก
หงห้าพูดกับเปียวจื่อ “เอาอะไรอุดปากมัน เพื่อไม่ให้เสียงมันรบกวนคุณเย่!”
“ครับ ท่านหงห้า”
หลังจากนั้นทันทีเปียวจื่อยัดผ้าก๊อซสองสามชิ้นเข้าไปในปากของพี่เจ็ดและโยนเขาลงบนพื้น มันก็นอนขดตัวเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว
จ้าวตงหน้าซีดด้วยความตกใจและในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเขาโกรธตัวเองมากแค่ไหนในตอนนี้!
ก่อนที่เย่เฉินจะทำอะไรไปมากกว่านี้ เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นและก้มหัวลง “เย่เฉิน นายท่านเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรหยาบคายกับนายท่าน โปรดนายท่านเมตตา!”
หลิวลี่ลี่ก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นจ้าวตงคุกเข่าลงและขอความเมตตาเธอก็ลงไปคุกเข่าและก้มหัวขอโทษ
เย่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา “หญิงโฉดชายชั่ว แกคิดว่าถ้าแกขอความเมตตาจากฉัน ฉันจะปล่อยพวกแกไปจริง ๆ หรือ? ช่างโง่และไร้เดียงสาจริง ๆ !”
ทั้งสองคนตัวสั่นไม่หยุด
ในเวลานี้มีคนสองสามคนในชุดดำเดินเข้ามาพร้อมกับคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุสองคนที่ถูกมัด
คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุสองคนถูกทุบตีฟกช้ำสภาพปางตาย
พวกเขาโยนคนวัยกลางคนทั้งสองนี้ลงกับพื้นแล้วโค้งคำนับให้เย่เฉิน “คุณเย่ คนที่คุณต้องการอยู่ที่นี่แล้วครับ!”
จ้าวตงและหลิวลี่ลี่มองไปที่พวกเขาและเกือบจะช็อก!
คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุสองคนนอนอยู่บนพื้นคือพ่อของจ้าวตงจ้าวไห่เหิงและหลิวเยว่เซินพ่อของหลิวลี่ลี่
เย่เฉินบอกให้คนเทน้ำเย็นลงบนใบหน้าของจ้าวไห่เหิงและหลิวเยว่เซิน ทำให้สองคนนั้นตื่น จากนั้นจึงถามหลิวเยว่เซิน “ไอ้แซ่หลิว ลูกสาวของแกเป็นหญิงแพศยาและเธอเพิ่งทรยศสามีด้วยการมีชู้ แกรู้เรื่องนี้ไหม?”
หลิวเยว่เซินตกใจกลัว เขาถูกทำร้ายก่อนที่เขาจะมา เมื่อรู้ว่าครั้งนี้ลูกสาวของเขาเป็นคนหาเรื่องขึ้นมา แต่เขาก็ยังคงส่ายหัวเพื่อปกป้องตัวเอง “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้เรื่อง…”
เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่รู้เรื่องใช่ไหม? ไม่รู้เรื่องก็เป็นเพราะว่าแกเป็นพ่อที่ประมาทเลินเล่อเอง! เปียวจื่อหักขาซ้ายมัน! เหมือนกับไอ้เลวตัวเมื่อกี้นี้!”
“ครับ!” เปียวจื่อพูดกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ทันที “กดมันไว้!”
หลิวเยว่เซินตะโกนด้วยความตกใจ “ไม่! ช่วยด้วย!”
หลิวลี่ลี่ก็ตะโกนด้วยความตกใจ “พ่อ!”
เปียวจื่อไม่ลังเลเมื่อลูกน้องของเขากดขาของหลิวเยว่เซินเขาก็หวดท่อนเหล็กลงทันทีและทุบลงไป
“อ้าก…”
หลิวเยว่เซินรู้สึกเจ็บปวดจนอยากตาย หัวเข่าของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ และเขากลัวว่ามันจะไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ในชีวิตนี้
ในขณะนั้นเย่เฉินก็ถามอีกครั้ง “ฉันจะถามแกอีกครั้ง ลูกสาวของแกทำตัวร่านมีชู้ทรยศต่อสามีของเธออย่างลับ ๆ แกรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
หลิวเยว่เซินร้องไห้และพูดว่า “ฉันรู้ ฉันรู้ เป็นเพราะฉันที่ไม่สั่งสอนเธอ หลังจากนี้ฉันจะสั่งสอนเธอแน่นอน…”
เย่เฉินตะคอกอย่างเย็นชา “ตั้งแต่แกรู้เรื่องนี้ทำไมแกถึงไม่หยุดมัน แกรู้ว่าลูกสาวของแกทำผิด แต่ไม่สนใจและสั่งสอน นั่นไม่ใช่เพราะพ่ออย่างแกทำไม่ถูกต้องอย่างจงใจและตามใจ!”
พูดจบเขาก็ตะโกนใส่เปียวจื่อด้วยความโกรธ “เปียวจื่อ หักขาอีกข้างของมัน!”