ภาคที่ 2 บทที่ 96 การเปลี่ยนแปลง

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 96 การเปลี่ยนแปลง

“นี่น่ะหรือคือพลังของสายเลือดจักรพรรดิอสูร ?”

ซูเฉินยืนมองภาพการต่อสู้อยู่ด้านข้างด้วยความประหลาดใจ อาสิบเอ็ดแห่งตระกูลจูทำลายคู่ต่อสู้จนสิ้น ไม่อาจมีใครเทียมฝีมือ

แม้ฉือไคฮวงจะเคยอธิบาย กระทั่งแสดงพลังของด่านสู่พิสดารให้เขาดูมาก่อน แต่การต่อสู้ระหว่างคนด่านสู่พิสดารทั้งหลายที่เกิดขึ้นตรงหน้าตนก็ยังน่าตื่นตะลึงมากอยู่ดี

ปริมาณคลื่นพลังในการต่อสู้นั้นไม่คงที่ ภายในระยะร้อยจั้งไม่มีสิ่งใดไร้รอยขีดข่วน ทั้งต้นไม่ พื้นดิน ก้อนหินทั้งหลาย ทุกอย่างถูกการต่อสู้พังทลายไม่มีชิ้นดี ทุกหมัดทุกลูกเตะกักเก็บพลังทำลายล้างขุนเขาไว้ภายใน

ด้วยคนที่ทำการต่อสู้พยายามคุมพลังให้ซัดเข้าที่อีกฝ่าย ดังนั้นจึงคอยควบคุมทิศทางพลังอยู่ตลอด หากพวกเขาซัดพลังออกมาตามใจทั่วทุกทิศแล้ว พลังทำลายล้างคงมากมายกว่านี้เป็นแน่

ช่างเป็นพละกำลังและสายเลือดที่น่าเกรงขามเสียจริง !

กระทั่งคนที่อ่อนแอที่สุดจากหกตระกูลใหญ่ยังแกร่งกว่าเขา แต่แม้จะใช้กำลังคนทั้งหมดก็ไม่อาจหยุดยั้งอาสิบเอ็ดไว้ได้ คล้ายกับอีกฝ่ายเล่นเกมสังหารคนไปทีละคน ไม่ใส่ใจว่าคู่ต่อสู้จะดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างไร

“เข้าใจหรือยัง ?” จูเซียนเหยาเหลือบมองซูเฉิน “พลังของตระกูลสายเลือดชั้นสูงไม่ใช่สิ่งที่สามัญชนธรรมดาอย่างเจ้าจะเข้าใจ การก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดทางสายเลือดมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิด ความแตกต่างระหว่างสายเลือดชั้นสูงและคนธรรมดาก็ราวฟ้ากับดิน”

“มีเพียงตระกูลสายเลือดชั้นสูงที่จะสามารถต่อกรกับตระกูลสายเลือดชั้นสูงด้วยกันเองได้เท่านั้น เจ้าละทิ้งความฝันล้ม ๆ แล้ง ๆ ของเจ้าเสียเถอะ มองโลกตามความเป็นจริงแล้วฉวยโอกาสตามสถานการณ์ไปเถอะ”

“ฉวยโอกาสตามสถานการณ์ ?” ซูเฉินเหลือบมองนาง “เจ้าหมายความว่าให้ข้าส่งวิชาบ่มเพาะนั่นให้และปล่อยให้เจ้าล้างความทรงจำแต่โดยดีหรือ ?”

จูเซียนเหยาหัวเราะ “แผนเดิมเปนเ้็็ ็นเช่นนั้น แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เพราะถึงแม้แผนให้พวกข้าปะทะกันแล้วเก็บผลประโยชน์จะเป็นเจ้าที่วาง แต่ก็นับว่าเจ้ามีความกล้าหาญไม่น้อย หากเจ้าเต็มใจช่วยเหลือตระกูลจูและติดตามข้า ไม่แน่ข้าอาจอนุญาตให้เจ้าได้แต่งกับข้า”

“ข้าไม่สนใจเรื่องแต่งงานเท่าไร แต่ข้าขอแก้คำพูดเจ้าสักคำ หากเจ้าคิดว่าข้ามีแผนเพียงยุให้พวกเจ้าสองฝ่ายปะทะกันเท่านั้นก็นับว่าผิดมหันต์ ตั้งแต่เริ่มต้นข้าก็รู้แล้วว่าพวกนั้นไม่มีทางสู้เจ้าได้ ผลที่ออกมามีเพียงพวกเจ้าละเลงเลือดฝ่ายเดียวเท่านั้น”

“หือ ?” จูเซียนเหยาเริ่มสนใจ “เช่นนั้นเหตุใดต้องลวงให้พวกข้าลงมือ ? ไม่กลัวพวกข้าจะโกรธหรือ ?”

ซูเฉินตอบ “เพราะพวกนั้นจะสร้างปัญหาให้ข้าก่อน…… ข้าสังหารผู้สืบทอดตระกูลพวกเขาไป”

จูเซียนเหยาพลันมีสีหน้าเข้าใจ “เป็นเช่นนี้เอง แค่ยืมมีดล้างแค้น เหตุใดไม่บอกพวกข้ามาตามตรง กลับเสี่ยงใช้ตำราเปิดพลังไคฮวงแล้วเสี่ยงจะถูกเปิดเผยต่อคนอื่นเช่นนี้ ? พวกข้าแค่ช่วยเจ้าลงมือก็สิ้นเรื่อง”

“มีแค่ทางนี้ข้าจึงจะมั่นใจได้ว่าเจ้าจะสังหารพวกนั้นทั้งหมด” ซูเฉินตอบ “ข้าไม่ได้อยากให้มันเป็นหนึ่งในข้อตกลงของเราอยู่แล้ว หากข้าอยากเสนอตำราเปิดพลังไคฮวงให้เจ้าเพื่อให้เจ้าสังหารคนไม่กี่คน เช่นนั้นสองฝ่ายก็คงต้องต่อรองกันอีกมาก แต่ตอนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องตั้งข้อตกลงใด พวกเจ้าก็เต็มใจทำเอง ดีกว่าใช่ไหมเล่า ?”

“เจ้าเล่ห์ไม่น้อย” จูเซียนเหยายกมือปิดปากหัวเราะ ไม่คิดโกรธกับแผนลวงของซูเฉินแม้แต่นิด

สาเหตุที่นางไม่คิดโกรธก็เป็นไปอย่างที่ซูเฉินว่าไว้ เพราะมันเป็นการต่อสู้ละเลงเลือดอยู่ฝ่ายเดียว ดังนั้นนางจึงอารมณ์ดีนัก หากสถานการณ์ผันเปลี่ยนขึ้นมาอารมณ์ดีก็คงไม่อยู่กับนางอีกต่อไป

และสถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป

เปลี่ยนไปในทิศทางที่จูเซียนเหยาคาดไม่ถึง

ผัวะ !

กวนซานเหนียงถูกหนึ่งฝ่ามือส่งร่างปลิวไป

นับเป็นครั้งที่ 4 ที่นางถูกซัดจนกระเด็นไป

แรงซัดทำให้แขนข้างหนึ่งนางหัก กระดูกซี่โครงสองซี่แตก ที่น่ากลัวที่สุดคือลูกตาของนางหลุดกระเด็นออกมา

เป็นลูกตาข้างหนึ่ง !

นางไม่มีความสามารถในการฟื้นตัวสูงส่งเช่นเจิ้งปาซาน หากนางสูญเสียดวงตานางก็เสียไปเลยเช่นนั้น

นางกลายเป็นตัวประหลาดตาเดียวไปแล้ว !

กวนซานเหนียงที่ภูมิใจกับรูปลักษณ์ตนเองมากใกล้บ้าคลั่งเต็มที

นางหันกลับไปมองการต่อสู้ ทุกคนยังคงประมืออยู่กับอาสิบเอ็ด แต่คนมากรุมคนเพียงคนเดียวก็ยังไม่อาจรับมือได้ ชายผู้นั้นแกร่งดั่งปีศาจ เคลื่อนกายหายไปมา ลงมือสังหารศัตรูว่องไวนัก

ครึ่งหนึ่งของกองพลคนสี่สิบเกือบห้าสิบคนถูกสังหารในพริบตาเดียว บนพื้นเต็มไปด้วยซากร่างนอนเกลื่อน

การสังหารหมู่ยังคงดำเนินต่อไป อาสิบเอ็ดเป็นดั่งมือสังหารเลือดเย็น เอาชีวิตอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ไม่ว่าจางเทียนเยว่และคนอื่น ๆ จะร้องไห้ขอไว้ชีวิตพวกตนอย่างไร

บัดซบ !

กลิ่นอายของกวนซานเหนียงพลันทะยานสูง

ฉับพลันนั้น เสียงหัวเราะเบา ๆ ก็ดังเข้าหูนาง

แม้จะได้ยินไม่ดังมาก แต่กลับเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย ทิ่มแทงเข้าไปในใจกวนซานเหนียง

เมื่อนางกวาดตาดูว่าต้นเสียงมาจากที่ใด นางก็เห็นว่าซูเฉินกำลังมองนางอยู่จากที่ไกล

มันจ้องตานางนิ่ง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มยินดี

เมื่อทั้งสองคนสบสายตากัน มันก็ขยับริมฝีปากเป็นคำว่า “โง่เง่า !”

แม้จะไม่ได้ยินเสียงว่าอีกฝ่ายเอ่ยคำใด หากแต่กวนซานเหนียงก็สามารถคาดเดาได้ไม่ยาก

มันกำลังเยาะเย้ยพวกนาง !

ไอ้ลูกเต่านั่น ! มันยืนเยาะเย้ยนางอยู่ด้านข้าง ราวกับเป็นผู้ชมละครเพลงเสียอย่างนั้น

ใช่แล้ว !

ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมัน ! มันมอบตำราเปิดพลังไคฮวงให้พวกนาง จึงเกิดเหตุเภทภัยครั้งนี้ขึ้น

ทุกอย่างเป็นเพราะแผนการของมันทั้งสิ้น !

กวนซานเหนียงพลันเข้าใจในจังหวะนั้น

“ไม่ !” นางกรีดร้องลั่น หันมาพุ่งตัวใส่ซูเฉิน

แม้นางจะต้องมาตายที่นี่ นางก็ต้องฆ่าซูเฉินให้ได้ !!!

นางพุ่งออกมาจากการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ไม่ใส่ใจการต่อสู้ที่อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป

เมื่อซูเฉินเห็นว่ากวนซานเหนียงพุ่งมาทางเขา เขาก็พลันคว้าแขนจูเซียนเหยาไว้ “ระวังด้วย หญิงคนนี้ใกล้บ้าเต็มทน เจ้าปกป้องข้าที !”

พูดแล้วก็คว้าร่างจูเซียนเหยาบังตนเองไว้

จูเซียนเหยาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ร่างนางพลันถูกผลัดให้เข้ามาอยู่ในแนวโจมตีของกวนซานเหนียง

กวนซานเหนียงเองก็เกลียดชังจูเซียนเหยาเช่นกัน เมื่อเห็นจูเซียนเหยาปี่กฎตัวตรงหน้า นางก็เงื้อกรงเล็บเข้าใส่อีกฝ่าย “ตาย !”

จูเซียนเหยายังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณ แม้จะมีสายเลือดจักรพรรดิอสูร แต่ก็ไม่อาจกลบความต่างของขั้นพลังถึงสองด่านได้ เมื่อกรงเล็บง้างเข้ามา จูเซียนเหยาจึงไม่อาจหลบทัน

ในพริบตานั้นเอง อาสิบเอ็ดที่กำลังต่อสู้พัวพันก็พุ่งมาขวางหน้าจูเซียนเหยา ส่งหนึ่งฝ่ามือกระแทกหน้ากวนซานเหนียง แยกหัวนางออกเป็นสองส่วนราวกับผ่าผลแตงโม ของเหลวสีแดงสีขาวกระจายลงพื้น

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง คนอื่น ๆ ก็พุ่งตามมาทัน ซัดพลังเข้ามาทันที

อาสิบเอ็ดไม่ใส่ใจ แต่เมื่อกำลังจะกระโดดหลบก็พบกับปัญหาหนึ่ง

เขาจำต้องยืนบังจูเซียนเหยาอยู่ ด้วยหากหลบ การโจมตีทั้งหลายต้องซัดใส่จูเซียนเหยาเป็นแน่