บทที่ 15 ชกชกชกชกเข้าไป

ข้าแค่อยาก “กิน” อย่างเงียบๆ

“กรรรรร”

จ่าฝูงหมาป่าโลหิตได้จับจ้องไปยังเจียงต๋งและคนที่เหลืออีกสามคนที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง พลางคำรามออกมาอย่างนึกลำพองใจ

ส่วนหมาป่าตัวที่เหลือเองได้ล้อมรอบคนทั้งสี่เอาไว้

“พี่น้องทั้งหลาย พวกเราขอให้กลายเป็นพี่น้องแบบนี้อีกในภายภาคหน้า”

“เรามาสู้กับไอ้สัตว์ปีศาจพวกนี้อย่างสุดกำลังซะ ให้มันเห็นว่าคนที่กล้าฆ่าพี่น้องของพวกเรามันจะเป็นเช่นไร”

เมื่อเห็นว่ามี่ทางที่จะหลบหนี พวกเขาทั้งสี่จึงคิดที่จะสู้จนตัวตายโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

“แก ไอ้หมาโง่ แกกล้ากินคนตระกูลเจียงของข้า แกมันรนหาที่ตายชัดๆ”

เจียงหยวนก็โดดเข้ามาตรงหน้าของคนทั้งสี่ในตอนนี้

“อะไร”

“นี่มันนายน้อยเจียงไม่ใช่เหรอ”

“ทำไมนายน้อยเจียงอยู่ที่นี่ล่ะ ไม่ใช่ว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนเขา…”

ถึงแม้ทุกคนจะรู้สึกตื้นตันใจที่เจียงหยวนเข้ามาช่วยเหลือพวกเขา แต่สำหรับพวกเขาแล้ว เจียงหยวนที่ไม่เหลือระดับบ่มเพาะแล้ว การกระทำของเขาไม่ได้ต่างไปจากการรนหาที่ตาย

“เมื่อหนึ่งปีก่อนข้าเป็นเช่นไร ในตอนนี้ข้าก็เป็นเช่นนั้น”

เมื่อพูดจบ ดวงตาของเจียงหยวนก็เปล่งประกาย พร้อมพลังภายในที่อาบย้อมและล้นทะลักไปทั่วทั้งร่างจนเกิดแสงจ้า

และด้วยคลื่นพลังที่หนาแน่นและเข้มข้นจนมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่านี้ ทำให้เจียงหยวนไม่ได้ต่างไปจากเทพเซียนแห่งการต่อสู้ เช่นเดียวกับหนึ่งปีก่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่สิ ต้องบอกว่าทรงพลังเสียยิ่งกว่าเดิมถึงจะถูก

เมื่อได้เห็นคลื่นพลังที่เข้มข้นของจางหยวนตรงหน้า เหล่าผู้คนทั้งสี่ที่พร้อมใจที่จะตายแล้ว ก็บังเกิดไฟแห่งความหวังขึ้นมาในใจ

“นายน้อยทำได้แล้ว”

“นายน้อยของพวกเรากลับมาแล้ว”

“กรรรรร”

จ่าฝูงหมาป่าโลหิตได้จับจ้องไปที่ร่างมนุษย์เยาว์วัยตรงหน้าของมันที่ไม่มีคำยำเกรง นี่ทำให้ตัวมันรู้สึกโกรธเกรี้ยวจนคำรามลั่นออกมา

“ไปตายซะ”

เพียงเจียงหยวนคิดลงมือ คลื่นพลังบนร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีทองเหลืองอร่าม

ร่างทองเผาผลาญ

ด้วยแสงสีทองที่เจิดจ้า ทั่วทั้งร่างของเจียงหยวนในตอนนี้ถูกฉาบเอาไว้ด้วยแสงสีทองทั่วทั้งร่าง

พร้อมๆกับที่มีรูปพยัคฆ์คำรณสีทองคำที่ประทับอยู่ที่หมัดของขวาของเขา

“โฮกกกกก”

เจียงหยวนได้คำรามออกไป

เพลงหมัดลมกรรโชก

เพียงหนึ่งหมัด จ่าฝูงหมาป่าโลหิตก็ได้ถูกส่งลอยถอยหลังไป

“เอ๊งงงง”

เฉกเช่นเดียวกับหมาที่ถูกไล่ตีจนหางจุกก้น จ่าฝูงหมาป่าได้กรีดร้องออกมาแอะหนึ่ง พร้อมกับฟันของมันที่ล่วงหล่นออกจากปาก

“กรร…”

เมื่อเห็นว่าจ่าฝูงของตนถูกเล่นงาน หมาป่าตัวอื่นในฝูงก็รีบพุ่งตรงไปหาเจียงหยวน

แต่ขนาดจ่าฝูงของพวกมันยังถูกเล่นงาน แล้วหมาป่าเหล่านี้จะเป็นคู่มือของเจียงหยวนได้อย่างไร

ร่างกายของเจียงหยวนในตอนนี้โยกไปมาอย่างไม่หยุด

พร้อมกับหมัดที่ส่งออกไปอย่างนับไม่ถ้วน

ทุกๆหมัดที่เจียงหยวนส่งออกไปนี้ได้บังเกิดเสียงกรีดอากาศในทุกๆครั้ง พร้อมๆกับคลื่นพลังภายในที่พุ่งออกไปกระแทก

*ตูม*

*ตูม*

*ตูม*

….

หลังจากผ่านไปสิบกว่าหมัด ไม่มีหมาป่าโลหิตตัวไหนที่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก

“นายน้อยใหญ่ ช่างทรงพลังนัก”

“สุดยอด ช่างเป็นเพลงหมัดที่ทรงพลังจริงๆ นี่ต้องเป็นทักษะยุทธระดับเหลืองแน่ๆ”

ผู้ที่พวกเขาต่างก็ภูมิอกภูมิใจอย่างที่สุดเมื่อหนึ่งปีก่อน ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ต่อหน้าของพวกเขา และแน่นอนว่าคนคนนั้นคือนายน้อยใหญ่ของพวกเขาหาใช่ใครอื่น

พวกเขาจะสามารถยืดอกออกไปได้อีกครั้ง และพร้อมจะมีเรื่องกับใครก็ตามที่กล่าวว่าร้ายนายน้อยของพวกเขายามที่พวกเขาออกจากคฤหาสน์ตระกูล

เมื่อเห็นฉากนี้ เจียงหยวนก็ไม่ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่นัก เพราะยังไงซะ เรื่องมันก็ล่วงเลยไปกว่าปีแล้ว นี่ทำให้เขาเพียงแค่ยิ้มออกมา “ก็นะ”

หากว่ากันตามตรง การลงมือของเขาในครั้งนี้ก็เพราะตัวเขา คือนายน้อยใหญ่ตระกูลเจียง เจ้านายของคนเหล่านี้ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาสามารถใช้ประโยชน์จากหมาป่าเหล่านี้ได้ มีเพียงแค่นี้ไม่มีเรื่องอื่น

เมื่อหนึ่งปีก่อน เขา เจียงหยวน ต้องทนอยู่อย่างอัปยศอดสูมากว่าหนึ่งปี และแน่นอนว่าเขาเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในใจเสมอมา

แต่ในตอนนี้มันต่างออกไป

มันไม่ใช่ว่าความอัปยศตลอดช่วงหนึ่งปีของเขาจะไร้ค่าซะทีเดียว เพราะเรื่องที่ผ่านมาทำให้จิตใจของเขามั่นคงและสงบนิ่งมากยิ่งขึ้น

เจียงหยวนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกราวกับคนทั้งสี่ไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่ หลังจากขุดแก่นปีศาจออกมาแล้ว เขาก็ได้ลากร่างของจ่าฝูงหมาป่าออกไปจากพื้นที่นองเลือดแห่งนี้