“ดิ้ง…ท่านกินสัตว์ปีศาจระดับหนึ่งชั้นยอด หมาป่าโลหิต ค่าสถานะไฟเพิ่มขึ้น ค่าความเร็วเพิ่มขึ้น พลังภายในธาตุไฟเพิ่มขึ้น อาณุภาพทักษะธาตุไฟเพิ่มขึ้น ได้รับ ทักษะวิชายุทธระดับเหลือง ย่างก้าวอัคคี”
“ดิ้ง…ชีพจรยุทธแข็งแกร่งขึ้น”
“ดิ้ง…ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ตอนนี้ท่านอยู่ในนักรบระดับห้าดาว”
-นักรบห้าดาวเรอะ-
ระดับการบ่มเพาะของเจียงหยวนพุ่งพรวดอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้
หากทุกคนรู้ คนเหล่านั้นย่อมต้องกระอักเลือดออกมาคำโตไม่น้อยไปกว่าสามครั้งเป็นแน่
“ไอ้ขยะ ฮ่าฮ่าฮ่า แกยังมีหน้ามาอยู่ที่นี่อีกเรอะ”
ในขณะที่เจียงหยวนกำลังตะลึงพรึงเพริดกับระดับบ่มเพาะของตน เสียงที่คุ้นหูก็ได้ดังเข้าหูของเขามา
เมื่อเขาหันไปดู ก็พบว่าเป็นเจียงหมิงและลูกไล่ทั้งสามที่เขาได้พบเจอก่อนที่จะเข้ามายังหุบเขาหมาป่าศักดิ์สิทธิ์ ที่ข้างหลังนั้นยังมีอีกสี่คนยืนอยู่ไม่ไกล นั่นก็คือเจียงจ๋านที่พึ่งถูกเจียงหยวนทำให้พ่ายแพ้ไปเมื่อไม่นานก่อนหน้า
ใบหน้าของเจียงหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยียบ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาแล้วพูดออกมา
“ลมอะไรที่หอบให้พวกเจ้ามาที่นี่กัน ตัวข้านี้คงหน้าใหญ่โตพิลึกแหะถึงทำให้เหล่านักรบในรุ่นของพวกเรามารวมตัวอยู่กันที่นี่ได้ แม้แต่นักรบที่แกร่งที่สุดในรุ่นของเราท่านเจียงจ๋านก็ยังมาอยู่ที่นี่ด้วยเสียอีก”
เมื่อพูดถึงเจียงจ๋าน เจียงหยวนได้จ้องมองไปที่เจียงจ๋านในขณะที่พูดจิกกัดออกมา
เจียงหมิงที่ไม่อยากจะให้เรื่องยืดยาวอีกต่อไป ก็ได้พูดความต้องการออกมาโดยตรง พร้อมกับจิตสังหารที่แฝงอยู่ในคำพูดออกมา “ไม่ต้องพูดมาก ข้าจะพูดออกมาอย่างชัดเจนเลยว่า พวกเรา จะทำให้เจ้าตกตายอยู่ที่นี่”
“อ่อ หมายถึงฆ่าข้าอย่างนั้นน่ะรึ”
เจียงหยวนได้ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
เจียงหยวน แต่เดิมคิดว่าคนเหล่านี้จะมาเพื่อแย่งชิงแก่นปีศาจของเขาไปก็เท่านั้น
ใครจะคิดว่าคนเหล่านี้จะมาเพื่อตั้งใจที่จะฆ่าเขากัน
-ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็-
-….ตาย…-
“ฮ่าฮ่าฮ่า กลัวล่ะซิ ไม่ใช่ว่าเจ้ากลับมาบ่มเพาะได้แล้วไม่ใช่เหรอ ลองเจอนักรบอย่างพวกเราหกคนหน่อยเป็นไง”
เจียงหมิงที่เห็นท่าทางของเจียงหยวนในตอนนี้ก็นึกว่าเขากลัวจนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก และเมื่อเขานึกถึงเรื่องที่เมื่อวานถูกเจียงหยวนเล่นงานไปแล้ว นี่ทำให้ความเกลียดชังปกคลุมขึ้นมาทั้งหัวใจ
เจียงจ๋านที่อยู่ด้านหลังเองก็ได้ตะโกนออกมา “ในเมื่อแกไม่อยากจะเป็นขยะนักจนดิ้นรนให้กลับมาบ่มเพาะได้อีกครั้ง ข้าผู้นี้จะส่งแกกลับไปเป็นขยะอีกครั้งเอง”
เจียงหยวนสบถออกมาก่อนจะกำหมัดแน่น ด้วยความโกรธที่แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันผุดมาจากส่วนไหนของหัวใจเขาจนในตอนนี้ลามไปทั่วหัวใจ ได้กระตุ้นให้เขาพูดออกมา
“อยากจะส่งข้ากลับไปเป็นขยะอีกครั้งอย่างนั้นรึ ด้วยความสามารถของเจ้าเนี่ยนะ ข้าเกรงว่ามันจะไม่พอน่ะสิ มา เข้ามาทั้งหมดเนี่ยแหล่ะ”
เมื่อเจียงจ๋านได้ยินแบบนี้ก็อดที่จะนึกหวาดกลัวขึ้นมาในใจไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงจำนวนคนที่มากกว่า เจียงจ๋านก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จนเผยรอยยิ้มแล้วพูดออกมา
“ให้เข้าไปพร้อมกันรึ แกนี่ทำตัวโอหังเฉกเช่นเดียวกับเมื่อหนึ่งปีก่อนจริงๆ แต่ยังไงซะ แกก็ยังเป็นแค่ขยะอยู่ดี ข้าต่างหาก อัจฉริยะแห่งรุ่นเยาว์ อันดับหนึ่งของรุ่นเยาว์ตระกูลเจียง”
“เฮ้อ ก็แค่ไอ้ตัวพิการที่มีดีขึ้นมาได้เพราะกองยาที่สุมเข้าไป กับอีแค่ชีพจรระดับเหลือง ยังกล้ามาทำตัวยโสต่อหน้าข้าอีกรึ”
เมื่อพูดจบ ร่างกายของเจียงหยวนก็ราวกับถูกสุมด้วยกองเพลิง คลื่นพลังสั่นระลอกออกมาทั่วทั้งร่างจนราวกับเปลวเพลิงที่โปร่งใสได้ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้
พร้อมกับลูกบอลขนาดเล็กที่เป็นคุณลักษณะพิเศษของผู้ที่มีชีพจรยุทธเทพเจ้าได้ปรากฎขึ้นมาตรงหน้าของเจียงหยวน และก่อร่างกายเป็นกระบี่ที่มีปลายชี้ขึ้นฟ้า
“ชีพจรก่อร่างเหรอ..นี่..ชีพจรของแกฟื้นคืนกลับมาแล้วรึ”
เจียงจ๋านมีใบหน้าที่ซีดเผือดขึ้นมาในทันทีที่เห็น
“เจียงจ๋าน ไม่ใช่แกบอกว่าไอ้ขยะนี้เป็นแค่ระดับนักรบไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพลังภายในของมันที่ได้หนานั่นเสียยิ่งกว่าระดับจอมยุทธอีก”
เจียงหมิงตกตะลึงจนอุทานดังลั่นในทันทีที่เห็น
“ถูกต้อง”
เจียงหยวนพยักหน้ารับด้วยท่าทางเย็นชา เสียงของเขาราวกับปีศาจที่ส่งตรงมาจากนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอฆ่าฟันจนทำให้ขนของผู้คนลุกตั้ง
น่าสะพรึงกลัว
นี่คือคำเดียวที่หลงเหลืออยู่ในจิตใจของผู้คนโดยรอบเจียงหยวนในตอนนี้