[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 407 : ข่าวคราวของฉินจิวยื่อ!
แม้ฉินตงเฉี่วยจะรู้สึกอับอาย และไม่พอใจอยู่บ้าง แต่โดยนิสัยที่เป็นคนมีเหตุมีผลของนาง นางจึงไม่คิดที่จะลงโทษหลิงหยุนแม้แต่น้อย
หลังจากที่ว่ายอยู่ในน้ำทะเลครู่ใหญ่ คราบเลือดต่างๆที่ติดตามร่างกายของหลิงหยุน ก็ถูกน้ำทะเลชะล้างจนแทบไม่เหลือแล้ว จากนั้นเขาจึงถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออก และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เรียกออกมาจากแหวนพื้นที่ ส่วนเสื้อผ้าชุดเก่าก็โยนทิ้งลงไปในทะเล
หลิงหยุนรู้ดีว่าฉินตงเฉี่วยคงจะยังไม่ออกมาอีกครู่ใหญ่ เขาจึงนั่งลงที่ชายหาด จ้องมองคลื่นที่ซัดเข้ามาลูกแล้วลูกเล่าพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หลิงหยุนมั่นใจว่าหลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ในคืนนี้ ตระกูลซันคงได้รับความเสียหายอย่างหนัก และคงจะไม่กล้าส่งคนมาวุ่นวายกับเขาอีกช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว
และนับตั้งแต่ที่มือสังหารระดับสวรรค์ขององค์การนักฆ่าถูกหลิงหยุนฆ่าตายไปในคืนนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีมือสังหารขององค์กรนักฆ่าปรากฏตัวที่เมืองจิงฉูให้เห็นอีกเลย หลิงหยุนเดาว่าคนที่ว่าจ้างองค์กรนักฆ่าให้มาสังหารเขานั้น น่าจะกำลังติดตามเขาด้วยตัวเองอยู่เป็นแน่
เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่กวนใจหลิงหยุนมากที่สุด เพราะจนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครกันแน่ที่จ้องเอาชีวิตของเขาอยู่? เพราะสำหรับหลิงหยุนแล้ว การเผชิญกับศัตรูซึ่งๆหน้า ต่อให้มาเป็นกองทัพ เขาก็ไม่นึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่ศัตรูที่หลบซ่อนไม่เปิดเผยตัวต่างหาก ที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับเขา!
แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้เขาก็สำเร็จวิชาพลังลับหยินหยางแล้ว และอีกเพียงแค่เจ็ดวันหลังจากนี้ เขาก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-6 ได้แล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่นี้ถึงสองเท่า และนั่นก็เพียงพอที่จะช่วยให้เขาสามารถปกป้องตัวเองได้
เฉิงเม่ยเฟิงถูกสำนักจิ้งซินนำตัวกลับไปแล้ว ส่วนเกาเฉินเฉินก็ยังคงเงียบไปไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย เสี่ยวเม่ยเม่ยนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะไม่รู้แม้กระทั่งว่าหายไปใหน และอยู่ที่ใหน?
หลิงหยุนเกลียดแม่ชีมี่ยื่อที่ให้เฉิงเม่ยเฟิงกินโอสถไร้ใจเข้าไป และดูเหมือนว่าฤทธิ์ของมันนั้นจะน่าอัศจรรย์มาก แต่หลิงหยุนก็เชื่อมั่นว่า เขาจะสามารถรักษาผลลัพธ์ที่เกิดจากโอสถไร้ใจนี้ได้อย่างแน่นอน
ไม่ว่าสำนักจิ้งซินจะอยู่ที่ใหนก็ตาม เขาจะต้องหาให้พบ หลิงหยุนจะต้องไปนำตัวเฉิงเม่ยเฟิงกลับมาในอีกไม่ช้าแน่..
สำหรับเกาเฉินเฉินที่กลับไปยังบ้านเกิดที่ปักกิ่งนั้น หลิงหยุนคาดว่าเธอคงจะไม่ได้มีปัญหาอะไรใหญ่โตมาก
ดังนั้น.. คนที่หลิงหยุนเป็นห่วงมากที่สุดจึงเป็นเสี่ยวเม่ยเม่ยที่ไม่รู้แม้แต่ว่าหายไปที่ใหน อีกทั้งองค์กรนักฆ่าก็ลึกลับ แล้วเขาจะไปหาเจอได้อย่างไรกัน?
ยังมีเหล่ากุ่ยอีกคนที่ดูลึกลับ เขาเป็นคนนิสัยใจคออย่างไรกันแน่? และเพราะเหตุใดจึงต้องคอยตามคุ้มครองเขาด้วย อีกทั้งเหล่ากุ่ยยังเป็นคนที่รู้เรื่องราวมากมาย ดูแล้วช่างน่ากลัวไม่น้อย!
หลิงหยุนนึกถึงแม่ของตัวเอง – นางฉินจิวยื่อ ที่ตอนนี้ยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และจู่ๆ ฉินตงเฉี่วยก็ปรากฏตัว หรือว่าน้าหญิงจะเป็นคนที่แม่ของเขาส่งมาคอยปกป้องคุ้มครองเขากับหนิงหลิงยู่
“แล้วนี่ถ้าน้าหญิงโกรธข้าเรื่องเมื่อครู่จริงๆ ข้าคง..”
ขณะที่หลิงหยุนกำลังรำพึงรำพันกับตัวเอง และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงไพเราะของฉินตงเฉี่วยดังขึ้นอยู่ด้านหลัง
หลิงหยุนรีบลุกขึ้นมาทันที เขาฉีกยิ้มให้กับฉินตงเฉี่วยจนเห็นลักยิ้มลึกข้างแก้มซ้ายได้อย่างชัดเจน ทำให้ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
“น้าหญิง.. ท่านช่างงดงามราวกับเทพธิดาที่อยู่บนสวรรค์..” หลิงหยุนเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผ้าคลุมหน้าของฉินตงเฉี่วยได้ลอยไปกับสายน้ำเรียบร้อยแล้ว นางจึงไม่ใส่ใจอีก ความงามของนางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่านางฉินจิวยื่อเลยแม้แต่น้อย แต่แววตานั้นกลับดูเยือกเย็นและถือดีกว่า อีกทั้งยังดูเป็นคนที่ดุร้ายกว่าเล็กน้อย แต่ด้วยความขี้เล่นของนางนั้น ทำให้หลิงหยุนไม่ได้ใส่ใจและอยากจะรู้อายุจริงของนางอีก
แม้ว่าเสื้อผ้าของนางจะไม่ได้โชกน้ำจนรัดร่างบอบบางเหมือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังคงเปียกอยู่ไม่น้อย อีกทั้งลมทะเลที่พัดมา ยังทำให้กระโปรงของนางโบกสะบัดจนแนบกับร่างอยู่เป็นครั้งคราว
แม้ฉินตงเฉี่วยจะยังโกรธและอายอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อหลิงหยุนเอาแต่พร่ำชมในความงดงามของนางอย่างจริงใจ นางจึงได้แต่ภูมิอกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
แม้ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีมานี้ ฉินตงเฉีวยจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนตนอย่างหนัก แต่นางก็รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงามหมดจดอย่างหาใครเทียบได้ยากเช่นกัน
“ข้าไม่ตำหนิเจ้าหรอก!”
ฉินตงเฉี่วยร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับโบกมือเรียก “เจ้าเข้ามานี่..”
หลิงหยุนไม่ต้องการให้ร่างของฉินตงเฉี่วยหนาวสั่นเพราะแรงลม เขาจึงรีบเข้าไปยืนตรงหน้าของนางทันที
หลิงหยุนได้บทเรียนจากเหตุการณ์เมื่อครู่แล้ว ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะชายตามองเรือนร่างของฉินตงเฉี่วย จึงได้แต่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยงามของนางเพียงอย่างเดียว พร้อมกับถามออกไปว่า
“น้าหญิง.. ท่านตกลงไปในทะเลเมื่อครู่ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไม๊?!”
ฉินตงเฉี่วยพยายามที่จะไม่นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางทะเลก่อนหน้านี้ แต่คำถามของหลิงหยุนกลับทำให้นางต้องหวนไปนึกถึงอีก นางจึงได้แต่ดุหลิงหยุน
“จำไว้ว่า..ต่อไปเจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีก! ไม่อย่างนั้นข้าจะทำโทษเจ้าจริงๆ!”
หลิงหยุนได้แต่เกาศรีษะยิ้มๆ และไม่กล้าพูดอะไรอีก..
ใบหน้าสวยงามของฉินตงเฉี่วยแดงราวกับลูกตำลึง นางพยายามสงบจิตใจอยู่ครู่ใหญ่ หลังจากที่สงบจิตสงบใจได้แล้ว จึงค่อยเอ่ยเริ่มถามหลิงหยุน
“เจ้าเด็กดื้อ.. บอกมาว่าเจ้าเอาเสื้อผ้าที่ใหนมาเปลี่ยน?” ฉินตงเฉี่วยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ก่อนหน้านี้ ฉินตงเฉี่วยได้ตามไปขวางทางปี่หยวนเจียไว้ เพื่อสอบถามเรื่องราวบางอย่างจากเขา หลังจากได้คำตอบแล้ว นางจึงปล่อยตัวปี่หยวนเจียไป จากนั้นนางก็มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลเฉิง และแอบซุ่มดูอยู่ในป่านอกหมู่บ้าน ระหว่างนั้นนางได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดว่าหลิงหยุนลงมือสังหารยอดฝีมือทั้งสามอย่างไรบ้าง..
ฉินตงเฉี่วยได้เห็นตะปูที่ออกมาจากฝ่ามือของหลิงหยุน ได้เห็นกระบี่มังกรขาว และกระบี่โลหิตแดนใต้ที่เดี๋ยวก็ผลุบเดี๋ยวก็โผล่ ทำให้นางอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ อีกทั้งตอนนี้หลิงหยุนยังมีเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนอีกด้วย!
หลิงหยุนชูนิ้วมือข้างซ้ายให้ฉินตงเฉี่วยดูพร้อมกับตอบไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ความลับอยุ่ในแหวนลึกลับวงนี้ ข้างในมันมีพื้นที่สำหรับเก็บของ เรียกว่า – แหวนพื้นที่”
ฉินตงเฉี่วยถึงกับตกใจ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปมองแหวนพื้นที่ในนิ้วของหลิงหยุน พร้อมกับพึมพำว่า
“ช่างเป็นของวิเศษที่ประหลาดนัก? เจ้าไปได้มาจากใหน?”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ข้าโชคดีมากจริงๆ.. เดินๆอยู่ก็พบมันตกอยู่ที่ท้องถนน..”
ฉินตงเฉี่วยฉีกยิ้มพร้อมกับชกเข้าที่อกของหลิงหยุน และดุไปว่า “อย่ามาหลอกข้า.. บอกความจริงข้ามาเดี๋ยวนี้..!”
หลิงหยุนแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด พร้อมกับเอามือกุมหน้าอกแล้วร้องโอดครวญ “น้าหญิง.. ทำไมถึงได้โหดร้ายกับข้านัก ท่านจะทุบจนข้าได้รับบาดเจ็บภายในเลยหรือยังไง..?”
ฉินตงเฉี่วยได้เห็นท่าทางเจ็บปวดของหลิงหยุน ก็ถึงกับตกอกตกใจ และรีบร้องถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าเป็นอะไรมากไม๊..? ข้าไม่ได้ทุบเจ้าแรงมากเลยนะ..”
ฉินตงเฉี่วยไม่สนใจอะไรอีก นางรีบเดินเข้าเปิดหน้าอกของหลิงหยุนดูทันที พร้อมกับตำหนิว่า “ความจริงวิชาตัวเบาของเจ้าก็ดีนี่นา ทำไมไม่รู้จักหลบตอนที่ข้าชกเจ้าล่ะ?!”
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและอบอุ่นจากมือเล็กๆของฉินตงเฉี่วย และยังสัมผัสได้ถึงความห่วงใยอย่างจริงใจของนางที่กังวลว่าเขาจะเจ็บจริงๆ หลิงหยุนจึงไม่ต้องการกลั่นแกล้งนางต่อ จึงได้แต่พูดออกไปว่า
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว..”
จากนั้นหลิงหยุนก็พลิกข้อมือ และเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาถือไว้ จากนั้นจึงอธิบายให้นางฟัง..
“น้าหญิง แหวนวงนี้ข้าเป็นคนทำขึ้นมาเอง ข้าทำการสลักหลุมวัตถุไว้ด้านในของแหวนวงนี้หลายชั้น ด้านในของแหวนวงนี้จึงสามารถใช้เก็บของได้มากมาย สะดวกมากๆเลยล่ะ!”
ฉินตงเฉี่วยเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องในเรื่องเหล่านี้มากพอ จึงสามารถเข้าใจได้ทันที และไม่ต้องให้หลิงหยุนอธิบายมาก จากนั้นนางก็ชี้ไปที่กระบี่โลหิตแดนใต้ที่อยู่ในมือของหลิงหยุนพร้อมกับร้องบอกว่า
“นั่นเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้ที่ล่ำลือกันใช่ไม๊?”
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ารู้เพียงว่ามันคมกว่ากระบี่ทั่วไปมาก มันสามารถตัดทุกอย่างได้ราวกับตัดเต้าหู้นุ่มๆ ข้าเคยเรียกมันว่ากระบี่มังกรดำ แต่คนอื่นที่พบเห็นกลับเรียกมันว่ากระบี่โลหิตแดนใต้..”
ฉินตงเฉี่วยที่มีนิสัยเหมือนเด็กจึงพูดกับหลิงหยุนยิ้มๆ “ขอข้าดูหน่อย!”
หลิงหยุนส่งกระบี่ที่หนักอึ้งเล่มนั้นให้กับฉินตงเฉี่วยพร้อมกับร้องเตือนว่า “น้าหญิงท่านต้องระวังด้วยมันคมมาก!”
“โอ๊ะ..”
เพียงแค่สัมผัสเข้ากับด้ามกระบี่ ฉินตงเฉี่วยก็รู้สึกราวกับว่ามีไอปีศาจที่เย็นยะเยือกกำลังไหลเข้าสู่มือของนาง นางโยนกระบี่โลหิตแดนใต้ทิ้งไปทันทีราวกับว่ามันร้อนมาก!
หลิงหยุนรีบยื่นมือออกไปรับกระบี่มาไว้ทันที จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น? ท่านจับมันไม่ได้หรือยังไง?”
กระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนั้นถึงแม้จะหนักถึงแปดสิบกิโลกรัม แต่เรื่องน้ำหนักก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาสำหรับฉินตงเฉี่วยที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-3 แน่
หลิงหยุนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือ พูดขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นว่ามันจะผิดปกติตรงใหน?”
ฉินตงเฉี่วยจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ จากนั้นก็หันไปมองหลิงหยุนที่ดูแปลกไป เธอส่ายหน้าและได้แต่พูดออกไปว่า
“มิน่า.. แม่ของเจ้าถึงได้บอกว่าเจ้าดูแตกต่างไปจากเดิม แต่ไม่ว่าเจ้าจะดูแปลกหรือลึกลับยังไง เจ้าก็ยังคงเป็นเด็กตัวเหม็นของข้าอยู่ดี!”
เมื่อหลิงหยุนได้ยินฉินตงเฉี่วยเอ่ยชื่อนางฉินจิวยื่ออกมา เขาจึงอดที่จะถามถึงนางไม่ได้
“น้าหญิง.. ตอนนี้แม่ของข้าอยู่ที่ใหน? แม่ไม่เคยทิ้งหลิงยู่ไปแบบนี้มาก่อน!”
ฉินตงเฉี่วยลังเลเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบกลับไปว่า “นางไปที่สำนักกระบี่เทวะบนเขาเทียนซัน มีใครบางคนรอคอยนางอยู่..”
“สำนักกระบี่เทวะ? เขาเทียนซัน? ใครกันที่รอแม่ข้าอยู่ที่นั่น?”
เมื่อฉินตงเฉี่วยนึกถึงชะตากรรมของนางฉินจิวยื่อ ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและความเสียใจ ดวงตาคู่สวยมีแววลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปเสียงเบา
“ก็คนที่ทำให้นางเสียใจ คนที่ทำลายความสุขของนางตลอดชีวิต แต่ตอนนี้กลับอยากพบนาง..”
หลิงหยุนกระวนกระวายใจอย่างมาก จึงรีบถามขึ้นว่า “น้าหญิง ท่านอย่าได้อ้อมค้อมอีกเลย บอกข้ามาตรงๆว่าแม่ของข้าไปพบเป็นใครกันแน่?”
ฉินตงเฉี่วยได้แต่ถอนหายใจ และรู้ว่าคงจะไม่สามารถปิดบังหลิงหยุนได้อีก และนางเองก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังด้วย จึงได้ตอบไปว่า
“เจ้าก็ดูเป็นเด็กเฉลียวฉลาดนี่นา.. ข้าพูดตั้งขนาดนี้เจ้ายังไม่รู้อีก!?”
“คนคนนั้นก็คือพ่อแท้ๆของหนิงหลิงยู่ชื่อว่า.. หนิงเทียนหยา”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไป!
“หนิงเทียนหยา?! พ่อแท้ๆของน้องสาวข้า? นี่มัน..”
ฉินตงเฉี่วยยักไหล่ ดวงตาคู่สวยของนางจ้องมองหลิงหยุน “ตระกูลฉินของเราเมื่อได้รับข่าวนี้ ก็ให้ข้ามาบอกพี่ใหญ่ เพื่อให้นางเป็นผู้ตัดสินใจเอง!”
“ส่วนพี่ใหญ่ก็ได้สั่งข้าไว้ว่า เรื่องนี้ห้ามบอกให้หนิงหลิงยู่รู้เด็ดขาด.. เจ้าจำไว้ด้วย!”
หลังจากที่ฉินตงเฉี่วยพูดจบ ดูเหมือนนางได้วางภาระทางใจที่แบกไว้มานานลง จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที แต่ดวงตากลับมีน้ำใสๆเอ่อขึ้นมาแทน
“พี่ใหญ่.. ได้โปรดกลับมาเสียที!”